บทที่ 9 น้องสาวของพี่สะใภ้
“ผมไปส่งนะครับ” มินวูรีบเสนอตัวแล้วลุกขึ้น มีอาการเสียหลักอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่จะกลับกับท่านประธาน เธออยู่ดื่มกับเพื่อน ๆ เถอะ ถึงโรงแรมแล้วพี่จะโทรหานะ” ดาวลดารีบปฏิเสธเพราะไม่อยากเห็นเขาล้มระหว่างทาง
“ตกลงครับ ถึงแล้วอย่าลืมโทรบอกผมนะครับพี่สาว” มินวูย้ำอีกครั้งพร้อมคว้าตัวเธอเข้ามากอดแนบอก “ผมรักพี่สาวนะครับ”
“จ้ะ” ดาวลดารีบผละจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม เพราะยังไม่คุ้นเคยกับการกระทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอได้เจอกับเขาบ่อย ๆ มันคงกลายเป็นเรื่องปกติ
“ทำอะไรของนายน่ะมินวู”
เสียงเครียดขรึมที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทุกคนหันไปมองและนิ่งเงียบไปชั่วขณะ สายตาดุดันดุจเหยี่ยวคู่นั้นที่มองมินวูไม่กะพริบ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยราวทะเลไร้คลื่นลมเหมือนปกติ
“ทำไมถึงมาช้านักล่ะเจสัน” ซองอาเป็นคนแรกที่เอ่ยถามชายหนุ่ม ซึ่งเป็นญาติที่สนิทกันมาก
“เพิ่งถ่ายละครเสร็จครับ วันนี้อากาศไม่เป็นใจเสียเวลาไปหลายชั่วโมง สวัสดีครับพี่สะใภ้” เจสันทักทายเดือนนภาอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีจ้ะ เจสันนี่น้องสาวพี่นะคะ ชื่อแยมหรือจะเรียกแยมมี่แบบคนอื่นก็ได้ แยมนี่เจสันญาติของซองอาเขา หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทน่ะ” คำว่าหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเธอกระซิบเบา ๆ เพราะชายหนุ่มไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้
“สวัสดีครับ” เจสันไม่ได้ยิ้มต้อนรับเธอเหมือนยิ้มให้เดือนนภา เพียงแค่ทักด้วยประโยคง่าย ๆ เพราะเขาไม่ค่อยพอใจที่เธอตีสนิทกับผู้ชายง่ายเกินไป หรือเธอเป็นพวกบ้าดารา สงสัยจะใช่ เขาคิดอยู่ในใจ
“สวัสดีค่ะ” ดาวลดาทักกลับด้วยประโยคเดียวกัน ไม่สนใจกับท่าทางของเขาเพราะเข้าใจว่าคงเหนื่อยจากเรื่องงาน
“แยมเขาอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ถ้านับแบบคนเกาหลีก็อายุยี่สิบแปด เธอเรียกเขาว่าพี่สาวก็ได้นะเพราะเธออ่อนกว่าแยมสองปี” เดือนนภาบอกกับชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าผมเรียกเธอว่าพี่สาว คนอื่นก็ต้องรู้สิครับว่าเธอแก่แล้ว” เขาจงใจจิกเธอโดยไม่ให้เธอรู้ตัว ด้วยการแสร้งหัวเราะไปด้วยขณะพูดกับเดือนนภา
“คุณเจสันอย่ามาว่าพี่สาวผมแก่นะครับ ถึงพี่สาวจะอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว แต่หน้าตาของพี่สาวยังดูอ่อนกว่าคุณเจ..ดงซิกอีก” มินวูโพล่งคำว่าเจสันออกไปได้ครึ่งประโยค ก็รีบเปลี่ยนไปเป็นดงซิกแทนทันที
“พี่สาว? เธอเป็นพี่สาวนายเหรอ” เจสันไม่ได้มองดาวลดา แต่มองตรงไปที่มินวูด้วยสายตานิ่งสงบดุจเดิม มีเพียงปากเท่านั้นที่ยิ้มบาง ๆ
“ครับ เธอเป็นพี่สาวของผม” มินวูรับคำเสียงดังชัดเจน ทำปากยื่นใส่อีกฝ่าย
“นายเป็นญาติกับพี่สะใภ้ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอมินวู” ทำไมเขารู้สึกหมั่นไส้มินวูนักนะ
“สามวันแล้วครับคุณเจสัน”
“อ้อ.. ฉันตกข่าวสินะ”
“เลิกเล่นกันได้แล้ว พี่จะกลับแล้วนะเจสัน ต้องไปส่งแยมเขาที่โรงแรมอีก” ซองอาชี้ไปที่น้องสาวของภรรยา
“ไม่ต้องไปส่งค่ะพี่เขย เดี๋ยวแยมขับรถพาพี่กลับบ้านแล้วจะนั่งแท็กซี่ต่อไปเอง พี่เขยเมาแล้วนะคะ” ดาวลดาเตือน กฎหมายเรื่องเมาแล้วขับของที่นี่โหดจะตาย ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็เรื่องใหญ่แน่ ๆ
“ไม่ได้ ดึกดื่นแบบนี้จะกลับแท็กซี่คนเดียวได้ไง เดี๋ยวพี่เขยกับพี่สาวจะไปส่งเธอก่อนแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน”
“ถ้าอย่างนั้นพี่พาพี่สะใภ้กลับไปก่อน เดี๋ยวฉันต้องไปส่งฮานิอยู่แล้ว ให้เธอไปกับเราก็ได้” เฮียวริเสนอขึ้นมาหลังจากเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอด
“คุณพักอยู่ที่โรงแรมไหน แล้วทำไมไม่นอนค้างที่บ้านพี่สาวคุณเลยล่ะจะได้จบเรื่อง” เจสันถาม
“ฉันพักอยู่ที่เบสท์โฮเต็ลค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานแต่เช้าก็เลยค้างกับพี่สาวไม่ได้ คือฉันเป็นไกด์น่ะค่ะ ต้องดูแลลูกทัวร์”
“ถ้าอย่างนั้นไปกับผมก็ได้ ผมจะกลับบ้านพอดี”
“วันนี้เธอไม่นอนที่นี่เหรอ” เดือนนภาถามชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ ปกติเขาจะพักที่นี่รวมกับนักร้องวงพลีส มากกว่ากลับไปพักที่บ้านที่เป็นของครอบครัว
“ผมก็แค่อยากกลับไปหาพ่อกับแม่บ้าง หลังจากไม่ได้ไปมาสองเดือนแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากน้องสาวด้วยนะคะ แยมกลับกับเจสันก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไม่ต้องห่วงมาก บ้านเขาผ่านเส้นนั้นพอดี ไม่ต้องรบกวนเฮียวริเธอด้วย เพราะคอนโดเธออยู่คนละทางกับแยม”
“ค่ะพี่เยล” เธอตอบรับพี่สาวแล้วหันไปหาเจสัน “คุณเจสันคะ เดี๋ยวฉันจะขับรถไปส่งพี่เขยกับพี่สาวฉันก่อน แล้วฉันจะรออยู่ที่หน้าบ้านพวกเขานะคะ” ถึงยังไงเขาก็ต้องผ่านตรงนั้นอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่อยากให้พี่เขยขับรถกลับเพราะเป็นห่วงพี่สาว ครั้นจะให้พี่สาวขับกลับก็เป็นห่วงเพราะกำลังท้อง
“ครับ” เจสันพยักหน้าเล็กน้อยขณะตอบรับ
เมื่อทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปแล้ว เขาจึงยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้เจ้าของวันเกิดพร้อมคำอวยพรสั้น ๆ และพูดคุยกับสมาชิกวงพลีสอีกสองสามประโยคก่อนขอตัวกลับ
“นายจะไม่ทักทายฮานิเขาหน่อยเหรอเจสัน” เฮียวริถามขึ้นเมื่อเขาทำท่าจะไปแล้วจริง ๆ
เจสันหยุดนิ่ง เอียงหน้าไปมองเล็กน้อย ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงสายตาดุดันเหมือนตาเหยี่ยว “เธอสองคนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ ทำไมฉันเพิ่งเห็น” จบประโยคเขาก็ก้าวเดินจากไปทันที...
“ขอบคุณนะคะที่แวะมาส่ง ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” ดาวลดาลงจากรถยนต์คันหรูเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปกล่าวคำขอบคุณเจ้าของรถพร้อมรอยยิ้ม
เจสันยิ้มรับพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย แล้วขับรถจากไปทันที “เมื่อก่อนเคยเกิดเป็นนกหรือไงนะถึงได้พูดเก่งขนาดนี้” เขาพูดถึงหญิงสาวที่เพิ่งลงไป แล้วเลี้ยวรถกลับไปยังบ้านพักของบริษัท
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ถึงได้พูดไปว่ากำลังจะกลับบ้าน ทั้งที่ทีแรกตั้งใจว่าจะเอาของขวัญให้มินวู แล้วจะกลับเข้าห้องพักผ่อนเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน
เขานึกถึงใบหน้าสวยได้รูป กับเรือนร่างน่าหลงใหลที่อยู่ในชุดราตรีสีฟ้า ไม่ได้ผอมแห้งเหมือนดารานางแบบทั้งหลาย.. ภาพตอนงานแต่งงานของพี่สาวเธอกับญาติของเขา หวนกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง เขาจำได้ดีว่าวันนั้นหัวใจเต้นรัวผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นเธอแวบแรก ถึงแม้มันจะผ่านมาสามปีแล้วแต่เขาก็ยังจำเธอได้ติดตา
ดังนั้นวันนี้.. ตอนที่เห็นมินวูกอดเธอ เขาถึงกับอารมณ์พุ่งไปด้วยความโมโหอย่างไร้เหตุผล