3

1368 Words
ธามไทนั่งจ้องหน้าจอคอมฯ ของตนเอง ก่อนจะลงรายละเอียดเคสผ่าตัดเมื่อสักครู่ ทุกครั้งหลังจากที่ทำการผ่าตัดคนไข้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและทรวงอก คุณหมอหนุ่มก็มักจะจดบันทึกอย่างละเอียดอีกทีเพื่อกันข้อผิดพลาด วันนี้ทั้งวัน เขาเหนื่อยล้าเสียจนไม่มีแรงทำอะไร และเย็นนี้เขาเองก็มีนัดพบกับหุ้นส่วนสำคัญที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ธามไทต้องหันไปมอง “เชิญ” หมอหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบที่ชอบทำ และเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะกลายเป็นคนเย็นชาแม้แต่นิด เพียงแต่ด้วยการงานและความตึงเครียดของงานหล่อหลอมให้กลายเป็นคนบุคลิกเช่นนี้ มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะได้เห็นตัวตนจริงๆ ของเขา “สวัสดีค่ะหมอธาม” พิมอรเดินเข้ามาพร้อมกับเขมมิกา ก่อนจะยกมือไหว้หมอธามไทอย่างสุภาพ “อื้ม” ธามไทตอบรับโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองพิมอรแม้แต่นิด เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ฝ่ายบุคคลคงพยายามหาเลขาฯ มาให้ แต่เขาเบื่อที่จะรับใครเข้ามา เนื่องจากทุกคนที่เข้ามาต่างมีปัญหาเหมือนกันหมด เอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องงาน และเรื่องความรักมันก็ไม่ควรเกิดในที่ทำงานด้วย แค่คิด คนบ้างาน ชีวิตมีแต่คำว่างานกับงาน ถอนหายใจพรืดยาว “คือว่า พิม…” “ผมยังไม่รับเลขาฯ ตอนนี้” ธามไทพูดแทรกขึ้นมาทันที แม้จะรู้ว่าฝ่ายบุคคลหวังดี แต่เขาก็ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง “เอ่อ ไม่ใช่นะคะ” เขมมิกาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอกลัวเหลือเกินว่าหมอหนุ่มจะไม่รับตนเองเข้าฝึกงาน และแน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ยอมถอยแน่นอน “หืม?” ธามไทถึงกับเงยหน้าเพื่อมองต้นเสียงที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะสบตาเข้ากับนักศึกษาสาวที่มองมาด้วยแววตาสั่นระริก เขาจ้องมองเธอด้วยสายตานิ่งงันโดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไป เด็กสาวรีบก้มหลบตาเขาทันที แวบหนึ่งธามไทรู้สึกคุ้นเด็กสาวอย่างประหลาด แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน “เอ่อ หมอธามคะ พิมไม่ได้จะหาเลขาฯ มาให้หมอค่ะ แต่น้องเค้กมาสมัครเป็นเด็กฝึกงาน แล้วก็จะมาช่วยเป็นเลขาฯ ให้หมอช่วงนี้ค่ะ” พิมอรค่อยๆ พูดทีละนิด ด้วยรู้ดีว่าความเย็นชาของหมอธามไทนั้นยากที่จะคาดเดาว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ “แล้วต่างจากเลขาฯ ตรงไหน กลับไปเถอะ” ธามไทพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร ต่อให้แม่สาวน้อยคนนี้จะเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงาน แต่สุดท้ายก็ต้องทำงานใกล้กันอยู่ดี เขาเหนื่อยที่จะต้องมีปัญหาเกินพอ “แต่ว่าน้องเค้กเป็นเด็กดีนะคะ พิมมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบที่หมอกังวลแน่นอนค่ะ” พิมอรพยายามช่วยเขมมิกาอย่างสุดความสามารถ “คุณพิม…” ธามไทหยุดจ้องคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหันไปจ้องพิมอรด้วยสายดุนิ่ง เยือกเย็น จนคนถูกมองอดกลัวไม่ได้ แม้จะเคยเห็นสายตานี้บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่เคยชินเลยสักนิด “ผมบอกว่าไม่ ผมดูแลงานของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีเลขาฯ พาเด็กของคุณออกไปเถอะ ถ้าอยากฝึกงานที่นี่ก็ให้ไปเป็นเลขาฯ หมอคนอื่นแทน” คุณหมอหนุ่มพูดอย่างเด็ดขาดจนพิมอรต้องหันไปลูบไหล่เขมมิกาอย่างปลอบประโลม “ไม่เป็นไรนะเค้ก เดี๋ยวพี่ช่วยให้เป็นเลขาฯ ของหมอท่านอื่นให้ เราไปกันเถอะ” พิมอรพูดพร้อมกับจะจูงมือเขมมิกาเดินกลับ ทันใดนั้น สาวน้อยคนสวยก็รีบดึงมือกลับและพูดขึ้นทันที “ใครบอกว่าหมอดูแลงานตัวเองได้กันคะ ดูสิคะ หมอทำงานหนักจนไม่มีเวลาทานข้าว แถมงานก็รกเต็มโต๊ะแบบนี้ นี่เหรอคะดูแลตัวเองได้” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ความกลัวเป็นแรงผลักดันให้เธอฮึดพูดประโยคเหล่านั้นออกมา “เค้ก กลับ!” พิมอรเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงออกแรงเตือนเขมมิกา แต่เขมมิกากลับหันมามองสาวรุ่นพี่ด้วยสายตาจริงจังและแน่วแน่ “เค้กไม่ไปค่ะ หมอรู้ไหมคะ ว่าเค้กพยายามแค่ไหนที่จะได้เข้ามาฝึกงานที่นี่ แต่หมอกลับไม่เห็นความพยายามของเค้กเพียงเพราะว่าฝังใจกับการกระทำของคนอื่นๆ เนี่ยนะคะ มันไม่แฟร์กับเค้กเลย” เขมมิกาตอบกลับราวกับเด็กที่น้อยใจผู้ใหญ่ จนหมอธามไทเหยียดยิ้มขำขันขึ้นมา “อายุเท่าไร” ธามไทมองจับจ้องไปยังเด็กสาวปากกล้าที่กล้ามาพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับตนเอง แน่นอนว่าเขาไม่ได้เจอใครกล้าพูดแบบนี้มานานแล้ว “ยี่สิบสองค่ะ” เขมมิกาตอบพร้อมกับจ้องลึกไปในดวงตาคมเข้ม เขาคงจำเธอไม่ได้จริงๆ สินะ “หึ อายุแค่นี้กล้าเถียงผู้ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่มีมารยาท” ธามไทเหยียดยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน แม้จะชอบในความใจกล้าของเด็กสาวคนนี้ แต่สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือคนอวดดี! “นี่เค้กไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ปีนี้ เค้กก็เรียนจบแล้ว และเค้กไม่ได้คิดจะเถียง แค่อยากอธิบายบ้างเท่านั้นค่ะ” “ที่เธอกำลังทำ เขาเรียกว่าเถียงผู้ใหญ่” คุณหมอหนุ่มเสียงแข็งใส่ทันที แบบนี้เขายิ่งไม่ชอบ “เค้กแค่อยากให้คุณหมอมองในมุมของเค้กบ้าง” เขมมิกาพยายามอธิบาย เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ที่ดูแลตนเองมาจนถึงทุกวันนี้ “งั้นเหรอ” ธามไทจ้องหน้าเด็กสาวอย่างท้าทาย พร้อมกับประมวลเรื่องราวทุกอย่างว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี ยิ่งเห็นแววตาดื้อรั้นของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งอยากจับเด็กอวดดีตีก้นเสียให้เข็ด “ค่ะ เค้กทำงานได้แล้ว ขอแค่หมอให้โอกาส” สาวน้อยสูดหายใจลึกๆ พยายามตั้งสติไม่ให้หัวใจเต้นแรงเพียงเพราะแค่สบตาอันร้ายกาจของเขา “ทำอะไรได้บ้าง” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พร้อมกับมองไปยังเขมมิกาด้วยสายตาเยือกเย็นเสียจนคนถูกมองเสียวสันหลัง “กะ ก็ เค้กเรียนสาขาภาษาไทยมา เค้กสามารถเขียนสรุปการประชุมได้ เป็นพีอาร์ได้ แล้วก็คอยจัดตารางงานให้คุณหมอได้ค่ะ” พยายามคิดสิ่งที่ตนเองจะทำให้กับหมอธามไทได้ แม้จะคิดอย่างกะทันหัน แต่ทั้งหมดที่พูดมา เธอก็มั่นใจว่าทำได้จริงๆ “ที่บอกว่าพยายาม ทำไมคุณถึงอยากมาฝึกงานที่นี่” ธามไทถามขึ้นด้วยความอยากรู้ เพราะปกติแล้วโรงพยาบาลของเขาแทบไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องการปั้นเด็กออกสู่โลกภายนอก แต่มีชื่อเสียงในการรับบุคลากรเข้าทำงานที่มีประสิทธิภาพเสียมากกว่า “เพราะพ่อของเค้กเสียที่นี่ค่ะ” เขมมิกาตอบด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว หญิงสาวพยายามไม่ให้น้ำตาไหลริน การที่พูดเรื่องพ่อต่อหน้าหมอธามไทเปรียบเหมือนแรงขับเคลื่อนน้ำตาชั้นดีเลยก็ว่าได้ “เสียชีวิตจากการรักษาที่นี่งั้นเหรอ” คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วทันที เพราะหากเป็นเรื่องคนไข้ เขาไม่เคยปล่อยผ่าน และหากมีการรักษาผิดพลาดเกิดขึ้นก็ไม่เคยปัดความรับผิดชอบ “ไม่ใช่ค่ะ พ่อของเค้กได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด แต่พ่อสู้ต่อไม่ไหวและเสียชีวิตที่นี่ เค้กเลยอยากฝึกงานที่นี่เพื่อรำลึกถึงพ่อ และขอบพระคุณหมอทุกท่านที่ช่วยพ่อของเค้กในวันนั้นค่ะ” ตอบคุณหมอหนุ่มอีกครั้ง และภาวนาให้อีกฝ่ายพอจะจำเธอได้ แต่ก็ไร้วี่แวว เขาคงรักษาคนมามาก กับแค่เคสผู้ป่วยธรรมดาๆ คนหนึ่งคงไม่เก็บมาใส่ใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD