บทที่ 2 เด็กในที่ปรึกษา

1831 Words
สองขีดที่ปรากฏสู่สายตานั้นทำเอาแข้งขาอ่อนแรง จะว่าดีใจก็ดีใจ จะว่าเสียใจก็ว่าเสียใจ สองความรู้สึกนี้ตีกันวุ่นในหัวของเธอ ลัลนาเท้ามือกับซิงค์ล้างหน้า ใครเล่าจะรู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหนถ้าไม่ได้เผชิญกับตัวเอง “นา ผลเป็นไงบ้างครับ” เสียงของคนเป็นสามีดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำ ลัลนากระชากประตูเปิดอย่างแรง “ดูเอาเองเลยค่ะ” เธอกระแทกเสียงเล็กน้อย พร้อมกับยื่นชุดตรวจครรภ์ให้คนเป็นสามีดู ซึ่งเขาก็รับไปด้วยความลุ้น ๆ เหมือนกัน “ท้องสินะ” พึมพำเสียงแผ่วเบา เงยหน้าขึ้นยิ้มแหย ๆ ให้กับภรรยาสาว “บอกแล้วว่ายาคุมมันคุมไม่ได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ บอกให้ไปทำหมันก็ไม่ไป” “ไม่เป็นไรหรอกนา ผมเลี้ยงได้” “เลี้ยงได้? คุณไม่มีเวลาให้นาเลย เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน ไม่ได้นอนกอดกันเลยตั้งแต่มีลูกมา คุณก็เอาแต่ทำงาน ๆ อะ” ด้วยอารมณ์คนท้องด้วยทำให้เธอสติหลุด ลัลนาน้ำตาไหลพรากออกมา “นาเบื่อ นาอยู่แต่บ้าน” “ผม...ขอโทษนะ ผมจะพยายามพาคุณไปเที่ยว” เขารั้งเธอมาสวมกอด รู้ว่าสาวเจ้าเบื่อที่อยู่บ้านเลี้ยงลูก ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปันปันเกิด ลัลนาพยายามลดค่าใช้จ่ายโดยการให้ลูกเรียนอยู่บ้าน ด้วยความที่เธอเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์มา เป็นคนมีความรู้คนหนึ่งเลยอยากสอนลูกด้วยตัวเอง แต่พอลูกอายุเกือบจะหกขวบนี้ เธอคิดอยากส่งลูกเข้าเรียน ด้วยความที่อยากให้หนูน้อยเตรียมตัวขึ้น ป.1 กับเพื่อน ๆ “ฮึก เรามีลูกกันอีกแล้ว” “ครับ ผมดีใจนะ” “ฮือ~ ฉะ ฉันก็ดีใจ” กระนั้นในจิตใจของเธอก็รู้สึกดีใจไม่น้อย เลี้ยงลูกเต็มไปด้วยความเหนื่อยก็จริง แต่บางครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกนี่แหละเป็นแรงบันดาลใจให้เธอ “ไม่ร้องนะ คุณกำลังอ่อนไหวมาก” “มากสิ...อึก นาอยากใช้ชีวิตกับคุณบ้าง” เขาไม่ค่อยมีเวลาให้ เพราะต้องทำงานอย่างหนัก ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาก็สูงมากจนเธอไม่กล้าที่จะเรียกร้องอะไรเลย เขาเป็นแพทย์ เป็นอาจารย์ บทบาทหน้าที่ของเขานั้นทำให้เธอเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ “เดี๋ยวผมจะแบ่งเวลาให้นาเพิ่มขึ้นนะ” เขาลูบศีรษะของเธอเบา ๆ “เราไปฝากครรภ์กันนะ บ่าย ๆ นี้ผมมีพานักศึกษาไปราวด์วอร์ดด้วย” “อึก ทำงานอีกแล้ว” “หึ ผมก็ทำงานเพื่อคุณกับลูกไง” ลัลนาเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นสามี เธออยากช่วยอะไรเขาได้บ้าง แต่ด้วยวิชาที่เรียนจบมานั้นเป็นวิชาที่ต้องทำงานในโรงงาน หรือไม่ก็ต้องเปิดบริษัทเอง จึงทำอะไรได้ไม่มาก ได้แต่เลี้ยงลูกไปวัน ๆ กระนั้นเลี้ยงลูกไปวัน ๆ ก็เหนื่อยมากแล้วแต่ก็คงไม่เทียบเท่าเขาคนนี้ ...ลัลนาเป็นผู้หญิงเก่ง ปุณณกันต์จำวันแรกที่เจอเธอได้ สาวเจ้ามาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เธอสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขายาวและเสื้อช็อปวิศวะฯ วินาทีแรกที่พานพบสบตากับเธอ เขามั่นใจในทันทีว่าเธอคือคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเขา “นาเพิ่งลดน้ำหนักได้เอง” เธอบ่นอุบอิบระหว่างเดินเข้าไปในโรงพยาบาลกับคนเป็นสามี เรียวแขนนั้นคล้องแขนของเขาไว้ไม่ห่าง “อวบ ๆ สวยครับ” “หึ ไม่ต้องมาพูดเอาใจเลย ก่อนที่จะท้องน้องปันคุณหมอบอกว่าชอบที่นาหุ่นเหมือนนางแบบนี่” เธอพูดไม่หยุด เวลาที่เขาออกเวรกลับบ้าน หญิงสาวทำตัวติดเขาไม่ห่าง พูดเสียงจ้อแจ้ อยากอยู่กับเขาให้นานที่สุด “หึ แต่ตอนนี้ก็ชอบ จริง ๆ ผมอาจจะชอบนาที่เป็นนานะ” เขาชอบพูดให้เธอเขินอยู่เรื่อย คนบ้า ลัลนาคิดในใจ “เฮ้อ...ตัวน้อยนี่มาถูกเวลาจริง ๆ” เธอวางมือลงที่หน้าท้อง ถูกเวลานี้เธอประชด เวลาที่เธอคิดจะกลับไปทำงานลูกน้อยก็อยากมาหา “นั่นสิ...คุณสามสิบห้าแล้วนะที่รัก” “บ้า ใครเขาหมายถึงอายุ” “หึ แต่เราต้องตรวจหลายอย่างเลย” ด้วยอายุของเธอ ทำให้กังวลว่าลูกจะมีปัญหา “นั่นสิ แต่ลูกคงแข็งแรงแหละ” เธอปลอบใจตัวเอง ลำพังลูกแข็งแรงก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ หากลูกเกิดมาไม่แข็งแรงก็คงมีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว “ครับ ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น เดี๋ยวผมไปกดบัตรคิวก่อนนะ นาไปนั่งรอตรงนั้นนะ” เขาพยักพเยิดหน้าให้คนตัวเล็กไปนั่งรอที่เก้าอี้สีแดง “ค่ะ” ตอบรับพร้อมกับเดินไปนั่งตามที่คนเป็นสามีบอก ปุณณกันต์เป็นผู้ชายหน้าตาดีมาก เขาเหมือนกับดาราเกาหลี ตอนที่เธอเห็นครั้งแรกนั้นไม่เชื่อว่าเขาไม่มีแฟน ลัลนาคิดว่าเขาจะมาหลอกเธอเสียอีก ยิ่งตอนนี้มีสาวน้อยสาวใหญ่มองเขาตาเป็นมันก็ยิ่งยืนยันสิ่งที่ตนคิดได้เป็นอย่างดี สามีของเธอนั้นสูงมาก สูงกว่ามาตรฐานชายไทย ส่วนสูง 188 เซนติเมตรนั้นทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางผู้คน ผิวของเขานั้นเนียนขาวอมแดง ไม่ได้ขาวซีดซึ่งตัดกับผมสีดำสนิทได้อย่างลงตัว หมอปุณณ์มักสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดสะอ้านเสมอ เขาค่อนข้างเจ้าระเบียบในเรื่องการแต่งกาย แน่นอนว่าเธอเป็นคนดูแลชุดให้เขา สามีหนุ่มมักสวมกางเกงสแล็กส์ขายาวสีเบจ ซึ่งทำให้เขาดูอบอุ่นน่าเข้าใกล้ “หล่อตลอด” เธอยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ภูมิใจมีสามีหน้าตาดีแถมยังเก่งน่าเคารพมากอีกต่างหาก ลัลนายิ้มจนคนที่เดินกลับมาหานั้นขมวดคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ ทำไมคะ...นายิ้มไม่ได้เหรอ” “ยิ้มได้สิ ดีกว่าร้องไห้เป็นไหน ๆ” เขาไม่ชอบตอนที่เห็นน้ำตาของเธอ มันทำให้ตัวเขาเองเสียใจตามไปด้วย “ปะ ไปวัดความดันกัน” “นาไปเองได้ ไม่บอกตั้งแต่แรก” “ก็อยากดูแลนา” เขาจับมือของเธอไว้ จูงมือน้อย ๆ นี้ให้ไปที่เครื่องวัดความดันที่ต้องตรวจเสมอหลังจากที่กดบัตรคิวเรียบร้อยแล้ว ที่พามาโรงพยาบาลที่ทำงานก็เพราะมีสวัสดิการของเขาด้วย ปุณณกันต์ทักทายเพื่อนร่วมงานที่เดินผ่านไปมาตลอด “อ้าว...ใครเป็นอะไรคะทำไมมาหาหมอ” มีพยาบาลคนหนึ่งเดินมาทักหมอปุณณ์ เธอยิ้มแย้มแจ่มใสเลื่อนสายตามองลัลนาพร้อมกับรอยยิ้ม “อ้อ นาท้องน่ะ” “โห สุดยอดเลยค่ะ ฮ่า ๆ เอาเวลาไหนคะเนี่ย” ไม่ใช่แค่ลัลนาที่เขิน ตัวเขาเองก็เขินเช่นกัน ปุณณกันต์ยกมือขึ้นลูบต้นคอของตัวเองปอย ๆ เวลาก็ไม่ค่อยจะมีแต่ก็มีเวลาทำการบ้านเสมอ เขารักเขาหลงของเขานี่ จะทนไหวได้อย่างไร มากไปกว่านั้น... “หึ เอาเวลาที่ออกเวรครับ” ลัลนาตกใจไม่คิดว่าเขาจะตอบ หญิงสาวกระทุ้งข้อศอกใส่เอวหนา “โอ๊ย! เจ็บนะครับ” “ก็ดูพูดสิ น่าอายชะมัด” “หึ ไม่ต้องอายหรอกค่ะ เข้าใจกันได้ แหม...ฉันก็ไม่ใช่เด็ก ๆ นะคะ เอาเป็นว่าขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูกนะ” “ขอบคุณค่ะ” เธอฉีกยิ้มกว้าง สามีของเธอเป็นมิตรกับทุกคน เขาเป็นคนจิตใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่นเสมอ ไม่แปลกหรอกที่เพื่อนร่วมงานทุกคนจะรักและเอ็นดูเขา ...ปุณณกันต์พาภรรยาสาวไปวัดความดัน นั่งรอคิวหมอเรียก พาเธอไปฝากครรภ์ เหมือนกับที่เคยทำตั้งแต่ท้องลูกคนแรก ชายหนุ่มรวบเอวเธอไว้ไม่ห่าง กลัวว่าหล่อนจะล้ม “นาเดินเองได้ค่ะ” เขาเดินออกจากโรงพยาบาลหลังจากเสร็จธุระ ชายหนุ่มหันมามองภรรยาสาว “นาน ๆ เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมไม่อยากห่างนาเลย” เขาติดสกินชิพ โดยเฉพาะกับเธอที่ตัวต้องติดกันตลอด “โอเค ๆ นาไม่บ่นแล้วก็ได้ แต่คนมองเราเยอะ นากลัวคนอื่นจะคิดว่านามีปัญหาจนต้องให้ผัวพยุง” “ฮ่า ๆ ไม่มีใครคิดงั้นหรอกครับ” เธอก็ช่างจินตนาการ ปุณกันต์พาคนเป็นภรรยาออกมาหน้าโรงพยาบาล เพื่อไปขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล “เดี๋ยวนากลับแท็กซี่ก็ได้ค่ะ คุณหมอจะได้ทำงานต่อเลย” “ไม่เอาดีกว่า ไปกินข้าวกับนาก่อนดีกว่า นี่ก็เที่ยงพอดี” “แล้วจะกลับมาทันไหมคะ” “อ้อ นั่นสิ” เขาก้มหน้าลงมองนาฬิกาครู่หนึ่ง พลางขมวดคิ้วครุ่นคิดไปด้วย “งั้นนากินข้าวที่นี่ไหม” “ยังไม่หิวเลยน่ะสิ” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ” เขาสบตากับเธอ พลางทำสายตากดดันเธออีกด้วย “โอเค ๆ ก็แค่กลัวคุณหมอเข้างานสาย” เขาเคยโดนใบเตือนเพราะเข้างานสายหลายครั้ง เธอเลยไม่อยากรบกวน “งั้นไปกินที่โรงอาหารก็ดีนะ” ว่าแล้วก็จูงมือภรรยาสาวออกเดิน ก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างออก กึก! “มีอะไรเหรอ” พอเห็นคนเป็นสามีหยุดเดิน เธอก็หยุดตามไปด้วย “อ้อ พอดีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะโทรหานักศึกษาน่ะ” “หืม...อาจารย์ต้องโทรหานักศึกษาด้วยเหรอ” “พอดีเป็นเด็กในที่ปรึกษาน่ะ น่าจะมีปัญหาเลยไม่เข้าเรียน ผมต้องตามน่ะ หาทางออกให้ เดี๋ยวเราเดินไปคุยไปครับ” ว่าแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ออกมากดโทรหารินลดาตามที่ได้หมายเลขโทรศัพท์มา ระหว่างที่เดินไปโรงอาหารกลางของโรงพยาบาลพร้อมกับภรรยาสาว ติ๊ด! รอนานพอสมควรกว่าปลายสายจะกดรับ “ฮัลโหลครับ ผมอาจารย์ปุณณ์นะครับ ใช่รินลดาไหมครับ” [เอ่อ อาจารย์เหรอคะ] น้ำเสียงของเธอดูตกใจสุด ๆ คงไม่ได้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของเขาไว้ “ครับ ผมได้รับเรื่องว่าคุณไม่ได้เข้าเรียน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ เข้ามาพบผมได้ที่ห้องพักชั้นแปดนะ” ชายหนุ่มรีบพูด กลัวว่าอีกฝ่ายจะกดตัดสาย ซึ่งเธอไม่ได้กด และก็ไม่ได้ตอบรับในทันที จนอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ว่าเด็กในที่ปรึกษามีปัญหาอะไรหรือเปล่า...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD