Chapter10  

1112 Words
“ฉันหิว” เสียงมีกังวานทุ้ม แต่ขณะนี้ฟังเย็นชากล่าวต่อ “นี่ก็เที่ยงกว่า จวนจะบ่ายโมงอยู่แล้ว คงไม่เสียเวลาสักเท่าไหร่หรอกถ้าเราจะแวะหาอะไรกินก่อนฉันจะส่งเธอกลับบ้าน” หล่อนไม่พูด ไม่เถียง แต่นึกอยู่ในใจว่าจะกินลงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าต้องร่วมโต๊ะกับคนหน้าขึง ที่คงจะคอยมองมาด้วยสายตาขุ่นๆเนื่องจากไม่พอใจ เพราะไม่ได้ดังใจ พิลึกคน! ทนใครแสดงความเห็นต่างไม่ได้ แล้วทำไมไม่ไป...หมั้น สาวที่พร้อมจะตามใจโดยไม่มีปากมีเสียงก็ไม่รู้ ปูริดายังนั่งเฉย เมื่อรถจอดที่ลานจอดหน้าร้านอาหารบรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นออกลักษณะสวนอาหารกลายๆ “อย่างอน ลงมาได้แล้ว” “ดิฉันไม่ได้งอน” “ไม่งอนก็ดีแล้ว ผู้หญิงงอนนิดๆหน่อยๆก็น่ารักดี แต่อย่างอนให้เกินงามจะกลายเป็นน่าเกลียด” หล่อนมองเขาตาเขียว แต่นัยน์ตาทั้งเข้มและคมจ้องตอบเขม็งด้วยแววตาเอาจริงที่ออกจะแข็งกร้าว ไม่หลบ ปูริดาเป็นฝ่ายแพ้ ลงจากรถอย่างกระแทกกระทั้นเล็กน้อย หล่อนไม่แน่ใจว่าได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ คล้ายขบขันจริงหรือเปล่า แต่ได้ยินชัดถึงคำวิจารณ์ตามมา “คุณดำรงรับรองว่าลูกสาวคนเล็กน่ารัก แต่ไม่ยักบอกหรอกว่าฤทธิ์เดชไม่เลว นอกจากชอบเถียงยังแสนงอน” “ดิฉันไม่ได้เถียง...” “แล้วที่กำลังทำอยู่ อะไร” เขาเลิกคิ้ว สีหน้าขันๆมากกว่าโกรธ ปูริดาอึ้งไปครู่ก่อนเมินหนีแสงตาคมฉายประกายระยับ ขณะนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน ราเมศวร์พูดขึ้นตอนหนึ่งด้วยเสียงบอกกล่าว “ที่ฉันคิดแต่งงานกับเธอ นอกจากว่าสมควรแก่เวลาที่จะมีเมียเป็นตัวเป็นตน หาทายาทไว้สืบสกุล ฉันยังต้องการช่วยคุณพ่อของเธอที่ฉันชอบอัธยาศัย มีความนับถืออย่างจริงใจ ซึ่งคงจะทำง่ายและสะดวกกว่า ถ้าเป็นเรื่องลูกเขยยื่นมือเข้าช่วยเหลือพ่อตา อย่างน้อยในฐานะอย่างฉันก็จะไม่ถูกเพ่งเล็งมากนัก” เห็นหล่อนมองด้วยความสงสัยระคนไม่เข้าใจ เขาก็พูดต่อ “คนที่คิดอยากมานั่งตำแหน่งประธานบริหารบริษัทมีมาก ตำแหน่งใหญ่โตย่อมหอมหวานเสมอ อีกสี่เดือนข้างหน้าจะมีการคัดสรรและแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่ที่เวลานี้ฉันครองอยู่ตามวาระ” ปูริดาสนใจที่จะรับฟังอย่างตั้งใจมากขึ้น “ฉันจะถูกเสนอชื่อเข้าที่ประชุมอีกครั้ง เพราะหลายคนยังเห็นว่าฉันยังมีความสามารถที่จะพาองค์กรไปได้อีกไกล ส่วนใหญ่อยากให้ฉันดำรงตำแหน่งต่อแต่ก็มองไกลถึงว่าถ้าฉันเป็นฝั่งเป็นฝา คือแต่งงานแต่งการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ความน่าเชื่อถือจะมีมากขึ้นจากคุณสมบัติที่มีอยู่แล้วถ้าเทียบกับคู่แข่ง” “วุ่นวาย” ปูริดาสรุปได้สั้นๆ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวได้เห็นยิ้มเต็มที่ของผู้ชายตรงหน้าเป็นครั้งแรก ทำเอาหัวใจกระตุกแรง แปลกคน ตัวเองยิ้มออกสวย แต่ทำไมชอบตีสีหน้าดุๆอยู่เรื่อยก็ไม่รู้ “ฉันก็คิดเหมือนเธอ แต่ทำไงได้ เพื่อคนส่วนใหญ่ที่ไว้วางใจในตัวฉัน ฉันจำเป็นต้องทำทุกอย่างตามที่ฉันเห็นสมควร เพื่อไม่ให้คนที่ไม่ชอบหน้าฉันมีเรื่องคุ้ยเขี่ยขึ้นมากล่าวอ้างภายหลัง ฉันมีเงินมากพอจะทุ่มช่วยคุณพ่อของเธอแต่ก็ต้องทำอย่างรัดกุม ไม่ให้ใครว่าเอาได้” ปูริดาฟังยังไงก็ยังรู้สึกว่าการที่เขาคิดแต่งงานกับเธอ ด้วยเหตุผลที่เขายกมาทั้งหมด ฟังไม่ค่อยขึ้น “อันที่จริงฉันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยนะที่จะต้องมานั่งชี้แจงกับเธอ” “แล้วคุณบอกฉันทำไมละคะ” “เธอจะได้สำนึกในบุญคุณของฉัน ไม่แสดงกิริยาอย่างที่ชอบทำ เพียงคิดว่าฉันทำให้เธอต้องสูญเสียอิสรภาพความเป็นนางสาวไป ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควรตามความคิดเธอไง” หล่อนยอมรับว่าเขาตอบตรงจุด แต่คำพูดต่อนี่สิ “และอีกเหตุผล ฉันไม่อยากให้เธอได้ใจหลงระเริงคิดว่าฉันแต่งงานเธอด้วยเหตุผลอื่น” หล่อนไม่ถามว่าเหตุผลอื่นที่เขายกมาคืออะไร แค่รู้ว่าเขาแต่งงานกับเธอโดยที่ไม่ได้มีจิตพิศวาสในเธอแม้สักนิดยังรู้สึกแปลบในอกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยเพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การรับประทานอาหารร่วมกันครั้งแรกเสร็จสิ้น ราเมศวร์พาว่าที่เจ้าสาวไปส่งที่บ้าน เขาไม่กล่าวลา บอกสั้นๆเพียงว่า “แล้วพบกัน” จากนั้นก็วนรถกลับออกประตูไป ขณะปูริดาอยู่ท่ามกลางความสับสนว้าวุ้นในอารมณ์แปลกใหม่ ที่ยังบอกไม่ได้ถึงชนิดอารมณ์ใหม่นี้ พอๆ กับอธิบายไม่ถูก ความแปลกที่ว่าแปลกยังไง ลัลลิตาก็กำลังชดเชยความผิดหวัง เจ็บใจ แค้นใจ ด้วยการเรียกร้องและสนองตอบอารมณ์ปรารถนาที่กำลังคุคั่ง กับชายหนุ่มคู่ขาคนปัจจุบัน “เอาเลยเจต อย่างนั้น ใช่ๆ อูยส์...เสียวจัง!” เสียงบงการแจ้วๆ ขณะถูกชายหนุ่มเสียบเสย คงยากจะมีใครคาดถึงว่านี่คือสาวสังคมชื่อดังผู้สืบสายเลือดจากตระกูลผู้ดีเก่าทั้งทางพ่อและข้างแม่ “แรงอีก โอว์! โอว์! ใช่เลยยยย” แต่ถึงจะชอบบงการคู่ขาขณะกำลังเล่นรัก ซึ่งดูเหมือนจะนิสัยประจำตัวอย่างหนึ่งของสาวฮอต แต่เจตดิลกก็ไม่เห็นเป็นข้อบกพร่อง ออกจะชอบด้วยซ้ำว่าเสียงออกคำสั่งสลับเสียงครางดังช่วยชูรสในการเล่นรัก และเขาจะได้เล่นเสียวกับเจ้าหล่อนอย่างไม่ต้องกริ่งเกรงว่าฝ่ายหญิงจะขยาดกลัว “อูว...เจต เจต...” ความใหญ่โตของชายหนุ่ม ความคับแน่นของช่องงทางสาว กำลังจะฆ่าทั้งสองภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มผ่านสนามกามมาช่ำชอง กระทั่งรู้จักที่จะผ่อนปรนอารมณ์ไม่ให้กระโจนเข้าเส้นชัยเร็วนัก การรุกและล่าถอยของเขาเริ่มเชื่องช้า การบุกทะลวงเริ่มเปลี่ยนมาเป็นจังหวะตื้นๆ แต่ก็มีบางช่วงที่เขาไม่ต้องการให้ลัลลิตาหลงลืมว่าตัวตนทั้งหมดของเขาใหญ่โตแค่ไหนด้วยการสอดลึกสุดลำ เรียกเสียงครางซี๊ดได้จากปากสวยๆ ไม่หยุดหย่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD