ย้อนกลับไปเมื่อหกปีก่อน
“ฮือ ๆ ทำไมวะ ทำไมเฮียไฟใจร้าย ทำไมต้องว่ากูแรงขนาดนั้นด้วย ฮือ ๆ”
ไพลินร้องห่มร้องไห้เสียใจเป็นชั่วโมง ๆ เวลานี้เธอยังไม่อยากกลับบ้าน จึงจอดรถแวะนั่งริมเขื่อน อย่างน้อยก็ขอทำใจสักพัก เหตุการณ์ที่เจอในวันนี้หนักหนาสาหัสเหลือเกินสำหรับเธอ
“ก็แค่ผู้ชายปากหมา เขาไม่มีค่าให้มึงรักเลยเว้ย เรากลับบ้านกันเถอะนะลิน” ดารินทร์ตบไหล่ปลอบใจเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย ขณะเดียวกันก็คอยเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนกลับบ้านเนื่องจากตะวันใกล้จะตกดินแล้ว
“กูไม่สวยเหรอ อึก! หรือว่ากูไม่น่ารักตรงไหน”
“มึงสวย แล้วก็สวยมากด้วย ใครว่าเพื่อนกูไม่สวยกูตบปากเลย”
“ฮือ ๆ แล้วทำไมเฮียไฟถึงขยะแขยะกู ด่ากูแรดกูไม่ว่า แต่ด่ากูแต่งหน้าสยอง กูแต่งหน้าสยองตรงไหน ฮือ ๆ”
“เออนั่นดิ สยองตรงไหนวะ อีเฮียไฟนี่แม่งตาต่ำ ไม่รู้จักเทรนวัยรุ่นหรือไง”
สมัยนี้ใคร ๆ เขาก็นิยมเอาอุทัยทิพย์มาทาแก้มทาปากกันทั้งนั้นแหละ
ผู้ชายอะไร๊ตาต่ำจริง ๆ
ครืด! ครืด!
“ค่ะแม่...” ดารินทร์กดรับสายคนเป็นแม่ เธอเดินเลี่ยงออกไปคุยเงียบ ๆ ปล่อยให้เพื่อนสาวนั่งร้องไห้อยู่ตามลำพังสักพัก
“อึก!” ไพลินเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวก ๆ ดวงตาที่ยังเศร้าซึมมองทัศนียภาพเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย
เมื่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เริ่มริบหรี่ลงฝูงนกก็ต่างโบยบินกลับรัง
ไพลินเปิดโทรศัพท์มือถือดูเวลา ก่อนจะเห็นโพสต์แจ้งเตือนบางอย่าง อีกทั้งข้อความก็เด้งเข้ามารัว ๆ
มันทั้งหยาบคายและรุนแรงเหลือเกิน
“กลับบ้านเถอะลิน แม่กูโทรตามแล้ว” ดารินทร์ตะโกนคุยกับเพื่อน ทว่าภาพตรงหน้าทำเอาเธอช็อกสุดขีด เมื่อไพลินกระโดดลงน้ำต่อหน้าต่อตาของเธอ
ตูมมมมม~
“อีลิน!!!”
เฮือก!
ไพลินสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยอาการตกใจเป็นอย่างมาก น้ำสีไสไหลอาบข้างตาอย่างไม่อาจหักห้าม ความทรงจำเลวร้ายในอดีตยังตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก
อดีตที่หนียังไงก็หนีไม่พ้น
“คุณหมอคะ คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ” เสียงพยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น หมอเจ้าของไข้จึงเดินมาดูอาการเบื้องต้น
เมื่อคืนไพลินดื่มหนักจนภาพตัดไป เป็นเหตุทำให้เธอต้องนอนหยอดน้ำเกลือและใส่เฝือกพยุงคออยู่แบบนี้ จะขยับตัวทำอะไรก็ลำบากไปหมด
(ฮัลโหลครีม)
“อีลิน! มึงเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าเมื่อคืนมึงดื่มหนักมากจนเพื่อนต้องห่ามเข้าโรงพยาบาล เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นวะ?”
(อึก! มึงมาหากูที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหม) ไพลินเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เรื่องนี้มีแค่ดารินทร์ที่รู้ดีที่สุด
เธอทนเก็บความเจ็บปวดนี้ไว้คนเดียวไม่ไหวแล้ว
“โอเค นี่มึง...ร้องไห้เหรอ?”
(กู... ฮือ ๆ)
“ไม่เป็นไรนะมึง เดี๋ยวกูรีบไปหาแล้วเราค่อยคุยกัน”
ทันทีที่วางสายจากเพื่อนสนิท ดารินทร์ก็รีบเก็บสัมภาระของใช้จำเป็นสำหรับเด็กเล็กใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่
สองมือเรียวอุ้ม 'น้องเฌอแตม' ลูกสาววัยหนึ่งขวบที่กำลังคลานเล่นอยู่บนเตียงขึ้นมาแนบอก เธอกวาดสายตามองหาสามี แต่ก็ไร้วี่แวว
“มีใครเห็นเฮียเตชไหม”
“นายเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อกี้นี้เองครับ เห็นว่ามีธุระด่วนมาก นายฝากให้พวกผมบอกคุณครีมด้วยว่าไม่ต้องรอทานข้าวเย็น”
“โอเค ครีมจะออกไปซื้อของ ช่วยเตรียมรถให้ด้วยนะ”
“ครับคุณครีม”
“ครีมฝากเอากระเป๋าของน้องเฌอไปไว้ในรถให้ด้วยค่ะ”
“ค่ะคุณครีม” สาวใช้ที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่แถวนั้นรีบเดินมารับกระเป๋าใส่ขวดนมและแพมเพิสของน้องเฌอแตมจากดารินทร์อย่างรู้งาน
“เราไปชอปปิงกันนะคะคนสวย”
“ปะป๊า~” เด็กน้อยวัยกำลังหัดออกเสียงเอ่ยเรียกหาคนเป็นพ่อ สร้างรอยยิ้มให้กับคนเป็นแม่อย่างดารินทร์ได้เสมอ
“ปะป๊าไม่อยู่ค่ะ ปะป๊าไปทำงาน”
“ปะป๊า~”
“จะพาหลานฉันไปไหนอีกแล้ว” อังค์กูณฑ์เดินเข้ามาภายในบ้านของพี่ชาย เห็นพี่สะใภ้ซึ่งอายุน้อยกว่าตนกำลังมัดผมปักกิ๊บให้หลานสาวตัวน้อยอยู่ จึงเอ่ยถามด้วยความหมั่นไส้
“ครีมจะพาลูกไปซื้อของค่ะ”
“ไปซื้อของ? ใช่หน้าที่เธอเหรอ หลานฉันยังเล็กอยู่จะพาไปตากแดดตากลมได้ยังไง”
อังค์กูณฑ์ไม่เคยปลื้มพี่สะใภ้คนนี้เลย เขาเชื่อเสมอว่าดารินทร์ตั้งใจปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อจับพี่ชายของตน ไม่ว่าจะเจอหน้ากันกี่ครั้งเป็นต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันทุกที
“แล้วเฮียเกี่ยวอะไรด้วย ขนาดเฮียเตชยังไม่เคยว่าอะไรครีมเลย” ดารินทร์อุ้มลูกสาวพลางลุกขึ้นตอบโต้น้องชายของสามี คนมีอคติต่อให้เธอดีด้วยแค่ไหนก็ยังมีอคติอยู่วันยังค่ำ สู้ตาต่อตาฟันต่อฟันดีกว่า “ถอยไปคะ”
“ฉันไม่ให้ไป! ถ้าเธออยากไปเธอก็ไปคนเดียว เดี๋ยววันนี้ฉันดูแลน้องเฌอเอง”
“ลูกครีม...ครีมดูแลเองได้ค่ะ”
“หลานฉันเหมือนกัน น้องเฌอมาหาอาครับ”
“นี่เฮียไฟทำไมพูดไม่รู้เรื่องฮะ!” เขาหายไปเกือบสามสัปดาห์ไม่เคยโพล่หน้ามาให้เห็นเลย สงสัยวันนี้คงว่างมาก
“ไฟ...”
“เห็นไหม น้องเฌออยากอยู่กับฉัน” อังค์กูณฑ์ว่าอย่างผู้ชนะ หลานตัวน้อยก็ดูเหมือนว่าจะติดคุณอาคนนี้ซะด้วย หนูน้อยรีบเอนศีรษะเข้าหาพร้อมยื่นสองมือเล็ก ๆ ให้อุ้มอย่างรู้งาน
“คุณครีมครับ ผมเตรียมรถเรียบร้อยแล้วนะครับ”
“อืม เดี๋ยวเราแวะโรงพยาบาลก่อนนะ แล้วค่อยไปห้าง”
“แวะโรงพยาบาล? ใครเป็นอะไร?” อังค์กูณฑ์เอ่ยถามขณะที่กำลังหยอกล้ออยู่กับหลานสาว คงไม่ใช่พี่ชายเขาหรอกนะที่อยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ
ดารินทร์ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะปล่อยเลยตามเลยให้อังค์กูณฑ์มาที่โรงพยาบาลกับเธอด้วย
“อีครีม...” ทันทีที่เห็นเพื่อนสาวเปิดประตูเข้ามา ไพลินก็กางสองแขนออกกว้างรอกอดจากเพื่อนรัก
“มึงเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน?”
“ฮือ ๆ กู...” ไพลินระเบิดเสียงร้องห่มร้องไห้ดังลั่น เธอกำลังจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสาวฟัง ทว่าอังค์กูณฑ์ดันเปิดประตูเข้ามาก่อน จากเสียงร้องไห้จึงกลายเป็นเสียงหัวเราะแทนเสียอย่างนั้น “ฮาฮาฮ่า กูสบายดีมึง เมื่อคืนสนุกมากเลยดื่มหนักไปหน่อย เห็นเฝือกที่คอนี่ไหม กูบอกเลยนะว่าชิว ๆ”
“อะไรวะ” ดารินทร์ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก เธอหันไปมองทางประตูจึงเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเพื่อนถึงเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนั้น
อังค์กูณฑ์อุ้มน้องเฌอแตมเดินเข้ามาภายในห้องผู้ป่วย เขานึกไม่ถึงว่าคนที่ดารินทร์มาเยี่ยมจะเป็นไพลิน ผู้หญิงที่เพิ่งทิ้งเขาไปอย่างไร้เยื่อใยเมื่อวาน
“ไหนเฮียว่าจะไม่ขึ้นมาไง”
.
.
.
.
มาแย้วค๊าบบบ มาช้าตลอดแล้วบอกว่าคิดถึงรี๊ดมากมาย
ก็ใส่เฝือกพยุงคอไปเลยซิจ๊ะยัยนู๋ลิน
♦️กดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ควีน
♦️กดเพิ่มชั้นเพื่ออ่านก่อนใคร และคอมเมนต์พูดคุยกันงับ เยิฟ ๆ