“เอาเสื้อเฮียไปใส่ก่อน” อังค์กูณฑ์คว้าสูทตัวโคร่งของตนมาสวมให้กับหญิงสาว เขาเองก็ชอบอยู่หรอกชุดนางแมวยั่วสวาท แต่ติดตรงที่ว่าต้องพาเธอออกไปพบปะกับเหล่านักธุรกิจคนสำคัญด้วยนี่แหละ
“จะพาลินไปไหนคะ”
“ไปนั่งดื่มกับเฮีย”
“แต่ว่า... อุ๊ย!” ไพลินถึงกับอุทานเสียงหลงเมื่อเปิดประตูห้องวีไอพีเข้าไปก็เจอหนึ่งในนักธุรกิจคนสำคัญกำลังนัวเนียอยู่กับสาวนั่งดริ๊ง ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็น แต่ทุกครั้งที่เห็นก็อดยิ้มเขินไม่ได้
อังค์กูณฑ์มองภาพตรงหน้าด้วยความเฉยชา เขาเห็นจนชินตาจึงไม่ได้ตกใจหรือแตกตื่นอะไร
“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ” เขาเอ่ยพูดพร้อมกับจูงมือไพลินไปนั่งยังโซฟาตรงข้ามของคู่สนทนา
“เด็กคุณไฟน่ารักจังเลย จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมอยากจะให้เธอมาดูแลผมตรงนี้” ดอนเอ่ยขออย่างตรงไปตรงมา คนที่อังค์กูณฑ์พามาด้วยถูกอกถูกใจเขาไม่น้อย
“คงไม่สะดวก...” ชายหนุ่มตั้งใจจะปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่เมื่อก้มมองคนตัวเล็ก เธอกลับทำให้เขาเลือดขึ้นหน้าเสียอย่างนั้น “น้องลิน!”
“ขาเฮีย...”
“หนูเล่นหูเล่นตาให้แขกของเฮียแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง”
“ก็แขกของเฮียมองหนูก่อน เหมือนจะจ่ายหนักนะคะคนนี้ เอาไหมคะหนูเชียร์เบียร์ให้” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาราวกระซิบพร้อมกับยื่นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ให้กับเจ้านาย
“ไม่!”
“ทำไมล่ะคะ หนูอุตส่าห์ตั้งใจหารายได้ให้คลับเฮียเลยนะคะเนี่ย”
“ถ้าหนูยังส่งสายตายั่วแขกของเฮียไม่เลิก เฮียจะไม่ใจดีแล้วนะ” มือหนาดึงเอาเนกไทของตนมาผูกปิดตาหญิงสาวไว้
“อื้อเฮีย... หนูมองไม่เห็น” ไพลินพยายามดึงเนคไทออกจากดวงตา แต่ก็ถูกอังค์กูณฑ์ดึงเนคไทให้แน่นกว่าเดิม “เอาออกนะ”
“ดูคุณไฟจะหวงเธอมากนะครับ” นักธุรกิจอีกคนที่กำลังนัวเนียอยู่กับสาวนั่งดริ๊งหันมาพูดด้วย
“ยิ่งมีคนหวงก็ยิ่งน่าสนใจ” ดอนพูดพลางส่งสายตามองไพลินไม่กะพริบ
อังค์กูณฑ์ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ใครต่อใครต่างก็มองไพลินด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยแบบนั้น
“ตามสบายนะครับ ผมขอจัดการกับเด็กของผมก่อน” อังค์กูณฑ์ตีมือเล็ก ๆ ที่พยายามแกะเนคไทออกด้วยความหมั่นเขี้ยว
“อื้อเฮีย...หนูหิวน้ำ”
“เอาน้ำอะไร น้ำส้มไหม”
“แกะผ้าออกให้หนูก่อน”
“สัญญากับเฮียก่อนว่าจะไม่ส่งสายตายั่วแขกของเฮียเหมือนเมื่อกี้”
“สัญญาค่ะสัญญา”
เมื่อตกลงกันได้เขาจึงยอมแกะเนคไทออกให้ ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้เตรียมเครื่องดื่มมาเพิ่ม
“ไม่ใช่ทุกครั้งนะที่เฮียจะใจดีกับหนู อะไรที่เฮียไม่ชอบอย่าทำเข้าใจไหม”
ไพลินทำหน้าเซ็ง เขามีสิทธิ์อะไรมาสั่งเธอ เป็นแค่เจ้านายไม่ใช่เจ้าของชีวิตเสียหน่อย
“เข้าใจก็ได้ค่ะ” เธอรับปากอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มแก้กระหาย
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง ในขณะที่อังค์กูณฑ์พูดคุยอยู่กับเหล่านักธุรกิจสีเทา ไพลินเริ่มรู้สึกมึนหัวทั้งที่ดื่มเพียงน้ำส้ม ความร้อนรุ่มแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย มือเรียวเริ่มปลดกระดุมเสื้อสูทออกที่ละเม็ดจนเผยให้เห็นชุดด้านในสุดเซ็กซี่
“ดูท่าทางเด็กคุณไฟจะไม่ไหวแล้วนะครับ”
“น้องลิน!” อังค์กูณฑ์รีบติดกระดุมเสื้อสูทกลับเข้าที่ เผลอไม่ได้จ้องแต่จะยั่วแขกของเขาท่าเดียว น่าจับฟาดก้นจริง ๆ
“เฮียขาหนูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” ไพลินขยับขึ้นไปนั่งบนตัก ก่อนจะใช้ใบหน้าหวานคลอเคลียอกแกร่ง พยายามคะยั้นคะยอให้เขาพาเธอไปที่อื่นให้ได้
“สงสัยของที่ผมอยากลองคงกำลังออกฤทธิ์น่ะครับ”
“ของอะไร? หมายความว่าไง?” อังค์กูณฑ์เงยหน้าขึ้นมาถามพลางกำหมัดแน่น ที่อยู่ ๆ ไพลินมีอาการแบบนี้เพราะเธอไม่ได้แค่เมาหรอกเหรอ
ครั้นเมื่อมองหน้าอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ถึงอันตรายกรุ่น ๆ
“แค่หยดเดียว” ดอนตอบพร้อมกับวางขวดบางอย่างลงบนโต๊ะกระจก
อังค์กูณฑ์รู้ดีว่าสิ่งนั้นคืออะไร สินค้าที่ดอนกำลังเสนอขายในคลับของเขายังไงล่ะ แม้จะไม่ชอบใจในการกระทำของดอน แต่สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือถามหาวิธีแก้
“ต้องทำยังไง!”
“แค่ทำให้เธอผ่อนคลายสักชั่วโมงสองชั่วโมงเดี๋ยวยาก็หมดฤทธิ์” ดอนตอบพลางแสยะยิ้ม ผลงานชิ้นโบว์แดงตรงหน้าทำให้เขาพึงพอใจไม่น้อย
“เฮียไฟขาหนูไม่ไหว ร้อน... ร้อนไปหมดทั้งตัวเลย” ไพลินพยายามปลดกระดุมเสื้อสูทออกอีกครั้ง มันร้อนรุ่มดุดไฟแผดเผา สติสัมปชัญญะของเธอแทบไม่มีเหลือแล้ว มีเพียงความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจหักห้าม
ใครก็ได้ ช่วยเธอที
“ช่วยเธอหน่อยดีกว่านะครับ เพราะถ้าเธอไม่ได้รับการผ่อนคลาย เธออาจจะช็อคถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถ้าคุณไฟไม่สะดวกผมจัดการให้ได้”
“ไม่จำเป็น! เธอเป็นเด็กของผม คุณดอนไม่น่าทำแบบนี้เลยนะครับ ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องคนของผม ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม”
การวางยาคนของอีกฝ่ายถือเป็นการกระทำที่หยามเกียรติกันมาก แม้จะไม่พอใจดอนแค่ไหน แต่ตอนนี้ไพลินต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน
อังค์กูณฑ์ช้อนร่างหญิงสาวอุ้มขึ้นแนบอก เขาเดินออกไปจากห้องวีไอพี โดยมีลูกน้องคอยอำนวยความสะดวกให้
มาแย้วค๊าบบบ มาช้าแต่มานะ ??
เข้าทางเฮียเลย เฮียช่วยยัยนู๋ลินด้วย ?
♦️กดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ควีน
♦️กดเพิ่มชั้นเพื่ออ่านก่อนใคร และคอมเมนต์พูดคุยกันงับ เยิฟ ๆ ?