บทที่ 1 เสือติดเบ็ด (1)
ลัมโบร์กินีสีแดงคันหรูค่อยๆ ชะลอจอดหน้าสถานบันเทิงชื่อดัง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร
'อังค์กูณฑ์' มองดูนาฬิกาข้อมือ เข็มสั้นชี้เลขเก้าและเข็มยาวชี้เลขหก บ่งบอกเวลายี่สิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาที มือหนาดึงแว่นตาราคาแพงที่เกี่ยวอยู่กับเสื้อเชิ้ตมาสวมใส่ ก่อนจะก้าวขาลงมาจากรถหรู โดยมีลูกน้องสามสี่คนเดินตามหลัง คอยอำนวยสะดวกและดูแลความปลอดภัย
หลังจากไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศตามคำสั่งของบิดามาหลายวัน อังค์กูณฑ์จึงแวะเข้ามาดูความเรียบร้อยในคลับของตน
เฟลมคลับเป็นสถานบันเทิงที่มีระดับ เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการพบปะพูดคุย ดื่มกิน เต้นรำ และสังสรรค์กัน แต่ละวันต้องรองรับลูกค้ามากมายหลายระดับ มาตรฐานจึงต้องเป๊ะในทุกด้าน ทั้งตัวคลับเองและพนักงานที่คอยบริการลูกค้าด้วย
“เป็นยังไงบ้าง ระหว่างที่ฉันไม่อยู่มีปัญหาอะไรไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะที่เปิดอ่านเอกสารในมือไปด้วย
ยอดบัญชีของร้านเป็นอะไรที่ต้องคอยเช็คผ่านตาอยู่ตลอด เขาเคยปล่อยปะละเลยในช่วงแรกของการเปิดร้านแล้วค่อยเช็ครวบยอดทีหลัง ปรากฏว่าเละเทะมาก ทั้งยังมีคนจงใจโกงเงินแบบหน้าด้าน ๆ อีก คงเพราะเห็นเขาเป็นมือใหม่ หารู้ไม่ว่าใครคนนั้นคิดผิดมหันต์ เขาอาจจะมือใหม่ แต่ไม่เคยพลาดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แน่นอน
“ไม่มีครับคุณไฟ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานครับ” ผู้จัดการตอบด้วยเสียงสดใส ไร้ความกังวลเพราะทำตามแผนงานที่คุยกันไว้ตลอด จึงเคลียร์ปัญหาเล็กน้อยได้หมด ส่วนปัญหาใหญ่ก็ไม่มีมาให้ปวดหัว
“ดีมาก เดี๋ยววีคนี้จะมีคนเอาเหล้าตัวใหม่มานำเสนอนะ ถ้าเขานัดวันเมื่อไหร่แจ้งเลขาผมได้เลย”
“รับทราบครับคุณไฟ”
ทุกครั้งเมื่อมีเหล้าเข้ามาใหม่ จะต้องผ่านการชิมจากอังค์กูณฑ์ก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเหล้าราคาแพงทั้งหลายที่เอามาบริการลูกค้าจะได้มาตรฐานจริง ๆ คุ้มค่ากับราคาที่ลูกค้าต้องควักเงินจ่าย
หลังจากเช็คความเรียบร้อยข้างบนเสร็จ อังค์กูณฑ์ก็ลงมาตรวจตราด้านล่างบ้าง พนักงานส่วนใหญ่กำลังให้บริการลูกค้าตามหน้าที่ ทั้งโซนบาร์และโซนนั่ง
คลับของเขาคัดเด็กเชียร์เบียร์ เด็กนั่งดริ๊งค์มาเป็นอย่างดี หุ่นเซี๊ยะได้มาตรฐานในแบบที่ลูกค้าเห็นแล้วมักจะติดใจจนต้องกลับมาอีกหลายรอบหลายหน
ดังนั้นนอกจากหน้าตาที่ผ่านเกณฑ์แล้ว จริตจะก้านมารยาท การเอาใจหรือเอนเทอร์เทนลูกค้าก็ต้องผ่านเหมือนกันจึงจะได้รับคัดเลือกให้เข้ามาทำงานที่นี่
หากใครสร้างปัญหา ทางคลับก็พร้อมจะอัญเชิญออกไปหางานใหม่ได้ทุกเมื่อ
“วันก่อนรับเด็กเข้ามาใหม่เหรอ” อังค์กูณฑ์ถามพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขาจำได้และแยกแยะได้หมดว่าใครเป็นเด็กเก่าและใครเพิ่งเข้ามาใหม่ เนื่องจากต้องคอยประเมินตามเนื้องาน
“ใช่ครับคุณไฟ หนึ่งในนั้นโปรไฟล์ดีใช้ได้ ไม่เคยมีประวัติเสียจากคลับไหนมาก่อน หัวไว เรียนรู้งานเร็ว ลูกค้าติดใจจนตอนนี้ได้ขึ้นห้องวีไอพีบ้างแล้วครับ”
ห้องวีไอพีใช่ว่าเด็กคนไหนจะขึ้นไปได้ง่าย ๆ ต้องผ่านการอนุมัติจากหัวหน้าฝ่ายบริการอีกทีว่าเป็นงานแล้ว ไม่ทำให้คลับเสียหน้าเสียลูกค้าแน่นอน จึงจะได้รับโอกาสขึ้นไปดูแลลูกค้ากระเป๋าหนักระดับนั้น
การที่เด็กใหม่จะได้รับโอกาสก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นั่นทำให้อังค์กูณฑ์อยากเห็นหน้าเจ้าตัวขึ้นมาครามครัน
“งานดีถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่เชิงหรอกครับ เด็กมันเฉลียวฉลาดรู้จักเข้าหาลูกค้าน่ะครับ เห็นว่าทำยอดให้คลับเยอะทีเดียว”
ใครต่อใครก็ชอบเด็กเชียร์เบียร์คนใหม่คนนี้มาก เพราะนอกจากทำยอดให้คลับได้เยอะจนได้รับคำชมแล้ว ยังทำให้เพื่อนร่วมร้านได้ส่วนแบ่งทิปเยอะขึ้นด้วย
“วันนี้ประจำโซนไหน ผมอยากไปดูหน่อย”
“เห็นว่าน่าจะเป็นโซนชั้นลอยครับ”
โซนชั้นลอยของคลับเป็นโซนก้ำกึ่งระหว่างโซนนั่งข้างล่างกับโซนห้องวีไอพี ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ยังไม่ถึงกับปิดห้องเฉพาะ
ทันทีที่อังค์กูณฑ์เดินขึ้นมาถึงชั้นลอยก็ได้ยินเสียงหวานพูดคุยกับลูกค้าสองสามโต๊ะด้วยท่าทีนอบน้อม ทว่าก็เป็นกันเองไปในตัว
เบียร์ในแท็งก์ที่ลดหายไปเกินครึ่งทำให้อังค์กูณฑ์เดาะลิ้นชื่นชมในใจ เพราะเธอทำได้ตามความสามารถ อย่างที่ควรจะเป็นจริง ๆ
ไหนจะรูปร่างผอมเพรียว ทรวดทรงองค์เอวที่มองแล้วเจริญตานั่นอีก ทุกสัดส่วนสอดรับกันเหมาะเจาะจนอยากเชื้อเชิญให้เธอมาเกาะเอวเขาแทน
แบบนี้ลูกค้าไม่ติดใจก็เกินไปแล้ว
จังหวะที่หญิงสาวหันมาสบตากับอังค์กูณฑ์เข้า เขารู้สึกเหมือนหัวใจมันหยุดเต้นและหลุดลอยตามเธอไปเลยในทันที
“เดี๋ยวถ้าน้องเขาเสร็จงานแล้ว ฝากตามเธอไปพบฉันที่ห้องทำงานที” ชายหนุ่มกำชับกับผู้จัดการก่อนจะปลีกตัวไปดูโซนอื่นบ้าง ถึงเขาจะสะดุดตากับความสวยของหญิงสาวแค่ไหน แต่สำหรับเขาเรื่องงานต้องมาก่อน
“ได้ครับ” ผู้จัดการน้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อรับคำสั่ง
'ไพลิน' มองตามหลังชายหนุ่มไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก ในที่สุดเธอก็เจอเขาแล้ว ผู้ชายที่อดใจรอมานานแสนนาน
“น้องลิน เดี๋ยวเสร็จงานตรงนี้แล้วไปที่ห้องทำงานชั้นบนทีนะ พี่จะมารับ” ผู้จัดการหนุ่มเดินมาบอกด้วยตัวเอง เขาไม่รู้หรอกว่าอังค์กูณฑ์ต้องการให้หญิงสาวขึ้นไปทำไม แต่ด้วยหน้าที่แล้วเขาก็จำต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ลินทำผิดอะไรหรือเปล่า” เธอแกล้งทำหน้าตาตื่น ทั้งที่ในใจอยากจะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเต็มประดา
“เปล่าหรอก แค่เจ้านายอยากเจอน่ะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย ได้ค่ะผู้จัดการ” หญิงสาวตอบรับตามมารยาทก่อนจะหันมาดูแลลูกค้าของเธอต่อ
จนกระทั่งเสร็จงานผู้จัดการก็มารับเธอขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นบน ท่ามกลางสายตาอิจฉาปนอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนร่วมงานคนอื่น
กรี๊ดดดดดด
มาเปิดตัวเฮียไฟกับหนูลินแย้วค๊าบบบ
ฝากกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ควีน กดเพิ่มชั้นเพื่ออ่านก่อนใคร และคอมเมนต์พูดคุยกันงับ เยิฟ ๆ ?