9 วิธีเอาตัวรอด

2006 Words
[VIEW TALK] สามวันต่อมา… “บอสรออยู่ในรถครับ” คุณกรเลขาส่วนตัวของพี่ทิวเอ่ยกับฉัน “คุณแม่ของฉันอยากพบเขา...ได้มั้ยคะ” แม่เกี้ยวกราดเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหลักฐาน ตอนแรกเหมือนจะลงโทษฉัน แต่เมื่อบอกเล่าต่อว่ามีคนอยากแต่งกับฉันด้วยจำนวนเงินที่มากโข อารมณ์โมโหของแม่จึงลดลง และอยากจะพบว่าที่เจ้าบ่าวของฉันในเร็ววัน “เดี๋ยวคุณลองถามบอสดูนะครับ” คุณกรเปิดประตูรถให้ฉันลง เขาส่งรถมารับฉันที่หน้าบ้าน และมาส่งฉันที่บ้านหลังหนึ่ง บอกคร่าว ๆ ว่าบอสของเขาอยู่ในรถอีกคันหนึ่ง และให้ฉันไปนั่งคันนั้น เพื่อเดินทางไปบ้านของครอบครัวว่าที่เจ้าบ่าว ฉันเดินมาที่รถ ซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าของรถคันที่คุณกรไปรับฉันมา ฉันยืนเก้ ๆ กัง ๆ ควรนั่งที่ไหนอะไรยังไง จะถามใครก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้รถที่ฉันเพิ่งจะลงขับออกไปแล้ว กระจกรถถูกเลื่อนลง โดยที่คนขับคือแฟนเก่าที่ขยันราวีมาตลอด “ขึ้นรถสิ ไม่สุภาพบุรุษขนาดลงไปเปิดให้นะครับ” ใครอยากได้ความสุภาพบุรุษของพี่กันล่ะ ฉันไม่คิดอยากจะได้อะไรจากพี่นอกจากเงินหรอก แล้วการได้เงินจากเขาก็คงไม่ได้ฟรี ๆ แน่นอน เพราะคุณกรแอบกระซิบบอกฉันว่า ‘บอสไม่ชอบทำอะไรฟรี ๆ อยู่แล้วครับ’ ฉันเข้ามานั่งภายในรถ และเงียบค่ะ คิดแค่ว่าเขาคือนายจ้าง พูดในส่วนที่พูดได้ก็พอ “บอกป๊ากับมี้ฉันไปว่าเราคบกันตั้งแต่สมัยเรียน แล้วเธอไปเรียนต่างประเทศ เคยเลิกกันแล้วกลับมาคบกัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบนิ่งไม่ได้หันมามองฉัน ตั้งท่าขับรถอย่างเดียว “ค่ะ” ฉันต้องเชื่อฟังเขา เพราะเขาเป็นนายจ้าง แต่ฉันก็ควรบอกเขาด้วยว่าแม่ของฉันอยากเจอเขา “พี่คะ” “อย่าเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ชอบ” ให้เรียกไอ้หรือไง ไม่ชอบเหรอ เมื่อก่อนฉันเรียกตลอด หึ “คุณคะ เรียกแบบนี้ได้มั้ยคะ” “อืม” “หลังจากพบครอบครัวของคุณแล้ว คุณไปพบแม่ของฉันได้มั้ยคะ” “เธอมีแม่ด้วยเหรอ” ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้ เพราะตอนที่เราคบกัน ฉันอยู่กับพ่อแค่สองคนในบ้านหลังธรรมดาที่อยู่ไม่ห่างจากวัดที่เขาเคยบอกว่าคือที่หลับนอนของเขา “ค่ะ” ไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องในอดีตให้เขาฟัง เพราะเขาบอกเองว่าห้ามขุดอดีต “ก็ได้” “อย่าบอกแม่นะคะว่าเราเคยคบกัน บอกแม่แค่ว่าคุณบังเอิญเจอฉันแล้วชอบจึงอยากแต่งงานด้วย” “หืม?” จังหวะรถติดไฟแดงพอดิบพอดีเขาจึงปรายตามามองฉัน แล้วพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ฉันไม่ได้ชอบเธอ” “โกหกไงคะ” “หึ” เขาบิดยิ้ม รอยยิ้มสมเพชฉายอยู่บนใบหน้าของเขา “ขี้โกหกตลอดเลยนะเธอน่ะ หวังว่าแต่งงานแล้วจะไม่หาเรื่องมาโกหกฉันนะ” “แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวค่ะ อย่าให้แม่รู้ว่าเราเคยคบกัน” “…” พี่ทิวไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาค่ะ เขาไม่พูดอะไร ตรงกับช่วงไฟเขียวพอดีด้วยแหละ “หยิบถุงที่เบาะหลัง” เงียบไปได้สักพักเขาก็ส่งเสียง ภายในรถมีกันสองคนก็คงจะบอกฉันนั่นแหละค่ะ เหมือนเราจะคุยกันไม่ค่อยเข้าใจ หรือเพราะเขาพูดรวบรัดฉันถึงไม่เข้าใจความหมาย เมื่อก่อนน่ารักกว่านี้ พูดรู้เรื่องกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ นั่นมันเมื่อก่อนนี่เนอะ “แกะออกมา” เขาสั่งอีกรอบเมื่อฉันถือถุงกระดาษ ฉันทำตามที่เขาบอก “เอ่อ?” ของที่อยู่ข้างในนั้นคือเจลล้างมือ เจลแอลกอฮอล์ “คืออะไรคะ” “ทำไมถามโง่ ๆ ไม่รู้จักเจลล้างมือหรือไง” เห็นไหมคะว่าเราคุยกันคนละภาษา แล้วใครจะบ้าไม่รู้จักเจลล้างมือ ฉันอ่านหนังสือออกหรอกน่า “…” เงียบดีกว่า ฉันไม่มีสิทธิ์เถียงเขาอยู่แล้ว เดี๋ยวเขาอยากพูดต่อก็คงพูดเองแหละมั้งคะ “ฉันอาจจะต้องจับมือเธอ เพื่อความสมจริง เธอจึงควรทำความสะอาดร่างกายของเธอหน่อย” WTF คือไรอะ เกินไปไหมอะ หรือเขาปกติ แต่เป็นฉันที่เข้าไม่ถึงโลกของเขาอย่างงี้อะเหรอ หรือฉันดูสกปรก? ฉันคิดว่าฉันสะอาดนะ หรือคำว่าสะอาดของเราไม่เหมือนกัน ค่ะ เช็ดล้างตามที่เขาบอกค่ะ เพราะสัญญาข้อแรกคือ นายจ้างถูกเสมอ เวลาผ่านไปสักพักรถของเขาเลี้ยวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ใหญ่มาก ๆ ค่ะ “ช่วยทำให้คุ้มกับเงินที่ฉันเสียไปด้วยนะ ป๊ากับมี้ของฉันเป็นคนฉลาด แล้วช่วงนี้มี้ก็ไม่ค่อยสบาย มี้พูดอะไรเธอก็พิจารณาเองแล้วค่อยตอบ ถ้าอันไหนไม่มั่นใจเดี๋ยวฉันจะตอบเอง เรื่องสร้างภาพเธอเก่งอยู่แล้ว ฉันคงไม่ต้องสอน” เขาสั่งแกมจิกกัดก่อนจะลงจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ฉัน มีความสุภาพบุรุษขึ้นมาทันที “เธอล้างมือซ้ำอีกรอบหน่อย” ก้มลงมาบอกฉัน ถ้ารังเกียจกันขนาดนี้เอาเชือกมาจับคนละข้างดีกว่าไหม มันเกินไปนะนายประสาทนี่ ทีเมื่อก่อนเดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวจูบ ทีงี้มาทำรังเกียจ ปั้นหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ก็ทำได้แค่บ่นในใจและล้างมือตามที่เขาบอก เถียงได้เหรอ ไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่เถียงเขาได้ “พอหรือยังคะ หรือต้องให้ฉันกินเข้าไปเลย” ฉันพูดประชด “ไปได้แล้ว อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน” เขายื่นมือมาตรงหน้าของฉัน สีหน้าของเขานิ่งนะ แต่ฉันคิดว่าเขาอาจจะพยายามมาก ๆ เลยล่ะที่จะจับมือของฉัน “ถ้าคุณลำบากใจไม่ต้องจับก็ได้มั้ยคะ” “ฉันไม่ได้อยากจับเธออยู่แล้ว แต่ถ้าไม่จับมันจะผิดสังเกตมั้ย มีสมองก็ลองคิดบ้าง ไม่ใช่คิดเป็นแต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ” “ค่ะ” วางมือลงที่ฝ่ามือใหญ่ และนี่คือครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันได้สัมผัสตัวของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ฝ่ามือของเขาใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก “ต่อหน้าป๊ากับมี้ก็เรียกให้เหมือนคนรักกันด้วย หวังว่าคงคิดออกนะ” “ค่ะ” เขาด่าฉันว่าโง่กี่รอบแล้วนะ ฉันคิดว่าหลายรอบแล้วล่ะ คนอะไรปากร้าย เราสองคนเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ชายชุดดำค้อมหัวให้เมื่อเราทั้งสองเดินผ่าน ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าฉันจะได้เดินข้างเขา จับมือเขาแบบนี้อีกครั้ง “มากันแล้ว” หืม? ผู้หญิงคนนี้เป็นดารานี่นา ฉันเคยดูผลงานของเธอ เคยดูกับเขานั่นแหละ อย่าบอกว่านี่มี้ หรือแม่ที่เขาพูดถึงใช่ไหม แล้วทำไมตอนที่ดูละครด้วยกันเขาถึงไม่เอ่ยปากบอกฉันบ้างนะ อ้อ ตอนนั้นเขาเป็นเด็กวัดนี่เนอะ “หนูน่ารักจังเลยลูก อายุเท่าไหร่แล้วคะ หน้าเด็กแบบนี้ 18 รึยังเนี่ย พี่ทิวหลอกน้องมารึเปล่า” คงเพราะความหน้าเด็กของฉันมั้งคะ ตัวเล็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม แถมแม่ยังชอบให้คนขนสมุนไพรยาดีมาให้กินให้อาบเพื่อความสาวความสวยอีก “น้อง 25 จะ 26 แล้วฮะมี้” หืม ทำไมคำพูดเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ ทั้งน้ำเสียงด้วย อ่อนโยนที่สุด “ว้าว หนูหน้าเด็กมากเลย แล้วดูสิหน้าตาน่ารักขนาดนี้พี่ทิวทำไมไม่พามาแนะนำให้มี้รู้จัก” “เราเพิ่งคืนดีกันฮะ คนที่ทิวเคยเล่าไงฮะ เมื่อนานมาแล้ว” เล่าอะไรอะ เขาพูดถึงฉันด้วยเหรอ คงพูดว่าฉันทิ้งเขาอย่างใจร้ายสินะ “อ๋อ มี้จำได้แล้ว ที่พี่ทิวเคยบอกว่าจะพามาแนะนำ แล้วจากนั้นพี่ทิวก็หายไป” “เรื่องเก่าอย่ารื้อฟื้นสิอ้าย” เสียงนุ่มทุ้มของใครอีกคนดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน “เสือ… ขอโทษที อ้ายก็แค่อยากรู้ว่าทำไมน้องทิวของเราถึงได้กั๊กของน่ารักไว้แบบนี้” “หวงไงฮะมี้ คิดถึงมี้จังเลยฮะ” พี่ทิวเขาปล่อยมือฉันแล้วโผเข้ากอดคนที่เขาเรียกว่ามี้ เธอคือคุณอ้าย สิริมา อดีตดาราชื่อดัง ที่บอกว่าอดีตเพราะตอนนี้เธอเลิกเล่นละครแล้ว “ขี้หวงไม่เปลี่ยนจริง ๆ นะเรา” มี้ของพี่ทิวผละกอดพี่ทิวออกและยิ้มให้ฉัน “ทิวลืมแนะนำเลยฮะ” พี่ทิวกลับมาหยุดอยู่ที่เดิมข้างกายฉัน ในขณะที่ผู้ชายอีกคนไปยืนข้างกายมี้ของพี่ทิว “ป๊าฮะมี้ฮะ นี่วิว คนที่ทิวจะแต่งงานด้วย เรากลับมาคบกันหลังจากที่เลิกกันไปสักพัก” ฉันระบายยิ้มแล้วยกมือขึ้นไหว้คนที่เป็นพ่อและแม่ของพี่ทิว “สวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวกับท่านทั้งสอง “หนูวิวนี่ป๊ากับมี้ของพี่” เดี๋ยวนะ! รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังไงไม่รู้กับประโยคที่เรียกหนูวิวเนี่ย “ไม่ใช่ว่าจ้างมาแต่งงานด้วยล่ะ” ประโยคของป๊าพี่ทิวทำฉันหยุดหายใจเลยก็ว่าได้ ไม่นะ ต้องสมจริงสิ ฉันยื่นเงินครึ่งหนึ่งให้แม่ไปแล้วนะ เอาคืนมาไม่ได้แล้ว “อะไรอีกฮะป๊าระ…เรา” เสียงของพี่ทิวขาดหายเพราะฉันนี่แหละค่ะ ฉันก็แค่เอื้อมมือไปจับมือของพี่ทิว และเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มของเขา “ถ้าแบบนี้เรียกจ้างมั้ยคะป๊า พี่ทิวชอบหวงตัวไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าใกล้ แต่วิวหอมแก้มพี่ทิวแบบนี้ พอจะคลายความสงสัยได้มั้ยคะ หรือจะให้วิวจูบพี่ทิวตรงนี้เลยคะ” ฉันกรีดยิ้มสวย ทั้งที่ด้านในอายมาก และคิดว่าหลังจากออกจากบ้านนี้ไปพี่ทิวคงได้เอาเจลแอลกอฮอล์ล้างหน้าตัวเองจนหมดหลอด ฉันไม่ได้อยากทำสักหน่อย ใครจะอยากขโมยหอมแก้มเขาล่ะ ไม่ได้อยากหอมเลยจริง ๆ ก็แค่สถานการณ์บีบบังคับ จริง ๆ นะ “ก็ดีนะ จูบสิ” เดี๋ยวค่ะป๊า ป๊าไม่เชื่อใจลูกชายขนาดนี้เลยเหรอคะ “เสือ พอแล้ว น้องทิวของเราไม่ใช่คนที่จะใช้เงินฟาดความรักนะคะ ใช่มั้ยคะพี่ทิว” มี้ของพี่ทิวเบรกไว้ค่ะ “ใช่ฮะ อย่างอื่นซื้อได้ มีแต่ความรักดี ๆ นั่นแหละฮะที่ซื้อไม่ได้” ไม่ได้ว่าเหน็บฉันใช่ไหมอะ แต่ฉันก็รู้สึกเจ็บอยู่นะ “เห็นมั้ยคะเสือ คุณระแวงเกินไป ดูสิคะแก้มลูกของเราแดงขนาดนั้นจะว่าจ้างมาได้ไง ไปค่ะหนูวิวไปนั่งคุยกัน” มี้ของพี่ทิวกรีดยิ้มสวยก่อนจะเดินมาจับมือฉัน แก้มแดงเหรอ? ขอมองหน่อยสิ อ่า แดงจริงด้วย แต่ฉันว่าแดงเพราะโกรธแน่เลย ไม่ใช่เขินหรอก ฉันโดนเละแน่ที่ขัดคำสั่งนายจ้าง ไม่ ๆ ฉันจะถกเถียง เพราะสถานการณ์มันบีบบังคับ ที่ทำก็แค่วิธีเอาตัวรอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD