15
ทนฝืนเฝ้าดูแลจวนของเขามาหกปี สุดท้ายสิ่งที่ได้ครอบครองมันมีเพียงแค่ความว่างเปล่า นางกอดตัวเองด้วยความอ้างว้างเหน็บหนาว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่คลอดลูก ๆ ทั้งสอง มิเคยดูแลบำรุงร่างกาย กินน้อยนอนน้อย ทำให้ร่างกายทั้งผ่ายผอมและทรุดโทรม
หากแต่ยามนี้นางเลือกที่จะรักตัวเองให้มากขึ้น และมากขึ้น สิ่งที่นางได้ทอดทิ้งไปตอนนี้กำลังค่อย ๆ จะกลับมา เป็นภรรยาที่ดี ไม่ได้ช่วยให้เขาหันมาสนใจนางสักนิด มีแต่คำพูดเหยียดหยัน เสียดสีทิ่มแทงใจนางครั้งแล้วครั้งเล่า
เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผากมน แม้ว่าจะมีปุยหิมะร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย อากาศที่แสนจะหนาวเหน็บนั่น ยังสู้ความรู้สึกของนางไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป ฝ่ามือเรียวที่แสนหยาบกระด้างนั่นกำลังจับกระบี่ฟาดฟันเข้าให้กับปุยหิมะ
ฟางหรงเคร่งเครียดนัก นางจะไม่ทำให้ลูก ๆ ต้องผิดหวัง หากเข้าตาจนได้ประลองฝีมือกับสามีจริง ๆ นางจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด ฝีเท้ากวาดเป็นวงกลม จากนั้นกระโดดทะยานขึ้นต้นไม้ ทะยานอยู่ในอากาศ กระบี่ตวัดฉวัดเฉวียนออกกระบวนท่าอย่างมั่นคง ไม่มีเงอะงะอีกแล้ว
นางใช้เวลาฝึกฝนเกือบจะรุ่งเช้า เมื่อเห็นว่าควรจะต้องพักผ่อนเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้จะเป็นวันขึ้นชิวอิก นางจะต้องส่งของขวัญไปให้มารดา เสร็จแล้วก็จะต้องส่งของบำรุงไปให้อดีตพ่อสามีและแม่สามี
อาชุนเดินออกมาหลังจากไปพักผ่อนจนสบายตัว เมื่อพบเข้าให้กับคุณหนูของนาง จึงมีแต่ความสงสัยอยู่บนใบหน้า “คุณหนู กล่องไม้พวกนี้คืออันใดเจ้าคะ” นางเห็นวางเรียงอยู่หลายกล่องนัก
“สองกล่องนี้ส่งไปให้ท่านพ่อกับท่านแม่” เพราะเรียกจนคุ้นปากแล้ว ก็ไม่นึกว่าจะเรียกเป็นอย่างอื่น แต่ไหนแต่ไรมาพวกท่านทั้งสองเอ็นดูนางมาก
ส่วนสองกล่องนี้ส่งไปให้ท่านแม่ของข้า อีกสามกล่อง ส่งไปยังเรือนของฮูหยินแม่ทัพแดนใต้ และจวนท่านอาหลิวด้วย” ฟางหรงกำชับเป็นอย่างดี จิบชาอุ่น ๆ ดับความหนาวเล็กน้อย หลังจากฝึกฝนแล้วร่างกายของนางก็รู้สึกว่าจะปวดเมื่อยนัก
กำปั้นน้อย ๆ ของนางทุบตรงไหล่ทั้งซ้ายและขวา ใบหน้าของนางก็ยังคงซีดไร้สีเลือดอยู่เหมือนเช่นเคย คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน คล้ายว่ามีเรื่องกังวลใจ “วันนี้ท่านพ่อกับท่านแม่จะส่งสาวใช้มาให้ เช่นนั้นรบกวนให้ท่านน้าอาชุนดูแลด้วยนะเจ้าคะ”
เบี้ยรายเดือนของสาวใช้ที่ส่งมาเป็นบิดาและมารของจ้าวหย่งคังออกให้ จริง ๆ แล้วนางไม่ได้อัตคัดถึงเพียงนั้น ถึงแม้จะไม่ร่ำรวย แต่ก็มีเงินเก็บกินใช้จ่ายอยู่ไม่น้อยนัก
หากจะให้นางอยู่เฉย ๆ เช่นนี้เงินที่เก็บออมเอาไว้ก็คงจะต้องร่อยหรอ เห็นทีว่านางจะต้องทำการค้า หรือไม่ก็อาจจะปักผ้าขาย ของมีเพียงแค่รายได้แค่นี้นางก็พอใจนัก
ยังไม่ทันที่นางจะเดินออกไปไหนเสียด้วยซ้ำ เมื่อพระอาทิตย์กำลังค่อย ๆ โผล่ขึ้นมา พ่อบ้านฝูรีบออกจากจวนมิให้นายน้อยของตนเห็น เขาออกมาทางประตูหลัง กับบ่าวไพร่อีกจำนวนหนึ่ง ขนหีบสมบัติของหลิวซื่อมามอบให้ฮูหยินน้อย ตอบแทนน้ำใจที่พักอยู่จวนข้าง ๆ
ชายอายุมากเดินเข้ามาเรือนด้านหน้าและเดินลัดเลาะไปยังเรือนด้านหลังที่มีขนาดกลางไม่ใหญ่มากนัก หีบสมบัตินี้ในนั้นมีเงินอยู่ไม่น้อย เมื่อก้าวเท้ามาถึงแล้ว “ฮูหยินน้อยขอรับ” คำเรียกขานยังคงเป็นเช่นเดิม
ฟางหรงเดินออกมา เมื่อเห็นว่าพวกเขายกหีบใบใหญ่มาทำไมกัน “พวกท่านยกมาทำไมเจ้าคะ” ฟางหรงไม่เข้าใจนัก สีหน้ายังคงงุนงงอยู่ไม่น้อย มือเรียวจับผ้าคลุมขนจิ้งจอกขาวเอาไว้
“เป็นของรางวัลตอบแทนน้ำใจจากฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ” กล่าวจบก็สั่งให้คนงานเปิดหีบขึ้นมา ในนั้นอัดแน่นไปด้วยเครื่องประดับ และยังมีอีกหีบที่อัดแน่นเป็นด้วยตำลึงทอง และตำลึงเงิน อีกหีบเล็ก ๆ เป็นโฉนดที่ดินในเมืองหลวง
ฟางหรงถอยหลังแทบลมจับ อ้าปากค้างเพราะตกใจนัก “ข้ารับไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ มันมากเกินไป” นางไม่อยากติดหนี้บุญคุณใครทั้งนั้น ในเมื่อนางหย่าแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือใด ๆ อีก
“ฮูหยินน้อย รับไว้เถิดขอรับ ท่านผู้เฒ่าทั้งสองรักเอ็นดูฮูหยินน้อยนัก ไม่อยากให้ตกระกำลำบาก อีกอย่าง ขอพวกนี้เดิมที ฮูหยินผู้เฒ่าได้จัดเตรียมเอาไว้ ต้อนรับหลานคนที่สาม แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ก็เลยยกให้ฮูหยินน้อย ตอบแทนที่ดูแลจวนหลายปีมานี้ขอรับ”
“ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นไหน ๆ ท่านลุงฝูก็มาแล้ว ข้าจะมอบของสองกล่องนี้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ”
“ขอรับ” พ่อบ้านฝูนอบน้อมอย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้น
“อ้อ ลืมไปเจ้าค่ะ เดี๋ยวเอาโจ๊กลูกบัวไปให้ด้วย เช้า ๆ เช่นนี้ควรทานของอ่อน ๆ กำชับแม่ครัวเอาไว้ด้วยนะเจ้าคะ ไม่ควรรับเนื้อมาก ๆ เน้นผักและผลไม้” ถึงแม้จะหย่าแล้ว แต่นางก็เคยชิน นางทำโจ๊กเอาไว้หม้อใหญ่ จึงได้ให้อาชุนไปตักใส่เถา
เด็ก ๆ ทั้งสองตื่นแล้ว พวกเขาล้างหน้ากันเองและเริ่มแต่งตัวให้มิดชิดสักเล็กน้อย แม้ในห้องจะดูอบอุ่น แต่ภายนอกก็คงยังหนาวเย็นอยู่มาก พวกเขาเป็นเด็กดีด้วยกันทั้งคู่ พี่น้องเริ่มลงมือประลองกันอยู่ในเรือนนอนของมารดา
พ่อบ้านฝูกลับไปพร้อมกับเถาโจ๊กของโปรดฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวไพร่ชุดใหม่กำลังมายืนรอที่สวนด้านหลัง รอพ่อบ้านฝูคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้ และยังต้องมีระเบียบวินัยเคร่งครัด มิให้พูดขายนายอย่างเด็ดขาด ใครปากมาก็คงจะต้องขายทิ้งเสีย
บนโต๊ะอาหารสำรับมื้อเช้า มีคนที่มานั่งร่วมโต๊ะด้วยใบหน้าที่เขียวช้ำไปหมด นางเสนอหน้ามาก็เพราะอยากจะให้ไป๋ฟางหรงไม่มีที่ยืนอยู่ในจวนนี้ พ่อบ้านสั่งให้แม่ครัวอุ่นโจ๊กก่อนและค่อยนำไปให้เจ้านายทั้งสอง
“โจ๊กของข้า นึกว่าจะไม่ได้กินเสียแล้ว” หลิวซื่อดีใจนัก ได้กลิ่นหอม ๆ และสีสันเช่นนี้ จะมีใครทำนอกเสียจากจะเป็นลูกสะใภ้ของนาง
“ท่านป้า กลิ่นหอมมาก ๆ มีพอจะให้ข้าสักถ้วยหรือไม่ขอรับ” หลิวมู่ฉวนเพิ่งจะกลับถึงจวนก็เมื่อครู่ เมื่อคืนเขาอยู่ที่หอสุราและก็อยู่กับสตรีน่ารัก ๆ ทั้งคืน
“เจ้านี่นะ หากไม่มีของกินจะโผล่หน้ามาหาข้ารึไม่ แล้วเหตุใดวันนี้ไม่กลับจวนเล่า” หลิวซื่อถามหลานชาย หลิวมู่ฉวนมักไม่ค่อยลงรอยกับบิดาและนั่นก็คือญาติผู้น้องของนาง