3
“ท่านแม่ ถึงอย่างไรหลังจากสิ้นเดือนเอ้อร์เยว่ ลูกก็จะแต่งงานกับชิงเอ๋อร์” เขายังคงยืนกรานคำเดิม ทำให้ถังม่านชิงดีใจเป็นไหน ๆ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ทอดทิ้งนาง และก็มั่นใจเป็นแน่ว่าท่านแม่ทัพไม่ได้รักภรรยา
“เหอะ อยากเห็นข้าตายเร็วใช่หรือไม่ ไอ้ลูกไม่รักดี!” หลิวซื่อหน้าดำหน้าแดงเพราะโกรธจนควันออกหู อยากจะมีกระบี่ในมือเสียเหลือเกิน จะได้ตัดหัวลูกชายที่ไม่รู้จักคิด
ท่านหมอเห็นว่าบรรยากาศในห้องอึดอัดนัก จึงได้ขอตัวกลับจวนก่อน เมื่อเดินออกมาก็พบฮูหยินเข้าให้ นางระบายยิ้มอ่อนหวาน รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมนัก เหตุใดท่านแม่ทัพจึงได้หมางเมินเช่นนี้
“ท่านหมอเดี๋ยวข้าจะไปส่งนะเจ้าคะ” ฟางหรงกล่าวขึ้นมา ในห้องของสามียังคงมีปากเสียงกัน เรื่องของนางและเขา
“ฮูหยิน ทำใจได้หรือท่านแม่ทัพยืนกรานหนักแน่นเช่นนั้น” รู้ว่าเป็นเรื่องภายใน แต่เขาก็อดเห็นใจไม่ได้ ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคนน้ำใจงดงามนัก ภรรยาของเขาคลอดลูกสาว นางก็ส่งของขวัญมาให้ บรรดาฮูหยินที่ฮูหยินน้อยรู้จักก็มักจะมีของขวัญส่งไปให้เสมอ
“หากท่านแม่ทัพ ยืนยันเช่นนั้น ข้าก็คงจะคัดค้านไม่ได้เจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางแผ่วลง ดวงตานั้นดูโดดเดี่ยวนัก
ท่านหมออดสงสารไม่ได้ จึงได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ฮูหยิน จะทำอะไรก็ควรคิดให้ดี สตรีใดเล่าอยากให้สามีของตนมีภรรยาเพิ่ม ข้าเองเป็นบุรุษแท้ ๆ ยังรักเดียวใจเดียว ชายในแคว้นอู๋หลายคนก็เป็นเช่นข้า อีกอย่างข้าน่ะแก่แล้ว อดเห็นใจฮูหยินน้อยไม่ได้จริง ๆ”
ท่านหมอปาดเหงื่อขึ้นมา แม้ว่าอากาศจะหนาวจัดเพียงใด แต่ใจของเขาร้อนรุ่มและสงสารไป๋ฟางหรงนัก นั่นเพราะนางมีความสามารถโดดเด่น จนกระทั่งก่อนที่นางจะแต่งงาน ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“หากมีสักวันที่ข้าจะต้องเดินออกไป ถ้าเช่นนั้นก็ต้องรบกวนท่านหมอช่วยเหลือ” ฟางหรงคิดว่าในชาตินี้นางก็คงจะหมดวาสนากับเขาแล้ว หากนางเดินจากเขาไปก็คงจะมีแต่เสียงโห่ร้องยินดี ในจวนก็คงจะได้ไม่ต้องถกเถียงกันเช่นนี้ เป็นเพราะนางดื้อดึงเกินไป
“ข้ายินดี อย่างไรเสียข้ากับท่านพ่อของฮูหยินน้อยก็รู้จักกันมานาน หากท่านหมอไป๋ไม่จากไปเสียก่อน ก็คงจะคิดเช่นเดียวกันกับข้า” ท่านหมอกล่าวขึ้นอย่างจริงใจ
“เจ้าค่ะ อากาศหนาวเช่นนี้ท่านหมอเดินทางระวังด้วย” เมื่อนางส่งท่านหมอขึ้นรถม้าแล้ว รูปร่างผอมแห้งของนางช่างดูน่าสงสารนัก ใบหน้าดูเหมือนอิดโรย แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้ท่านแม่ทัพหนุ่มแน่นหันมาสนใจภรรยาอยู่ดี
เขายืนกอดอกพิงเสาประตูดูแผ่นหลังของนาง ที่เห็นสะท้านเพราะความหนาวไอเย็นเข้ามาปะทะ นางสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว เหมือนกับลูกชายของเขา ใบหน้าของชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าอีกครั้ง เมื่อยามได้สบตาคู่งามเข้าให้ เขารีบเสมองไปทางอื่นทันใด
ผ้าสีขาวที่พันบนหัวเขาไว้ น่าจะมาพันที่ปากเขาด้วย ฟางหรงนึกแค้นนัก หากรู้เช่นนี้นางจะกรอกยาพิษให้เขากินจะได้ไม่ต้องมาพูดมากให้รำคาญใจ สายตาคู่นั้นไม่เคยมองมาที่นางสักครั้ง กระทั่งนางเดินผ่านและหยุดเดินเลยเขาไปเพียงแค่เล็กน้อย
“ท่านพี่” ฟางหรงมองเขาด้วยสายตาแห่งความหวัง ขอให้เขาพูดจาดี ๆ กับนางสักครั้ง บอกรักนางสักคำเพียงแค่นั้น นางยินดีทุกอย่างจะให้นางทำงานดูแลจวน จนตัวตายนางก็ยินดี ขอเพียงแค่ให้เขามองมาที่นางบ้าง
“อย่ามาเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน ข้าสะอิดสะเอียนเจ้า” จ้าวหย่งคังกล่าวขึ้น มองดวงหน้าที่ดูเศร้า ใจก็สงสาร แต่นึกแค้นนักนางเจ้าเล่ห์เพทุบายหลอกลวงให้เขารักและสุดท้ายนางก็ทำเพื่อหวังจะเป็นฮูหยินแห่งจวนตระกูลจ้าว
“ช่างเสแสร้งเก่งนัก!”
“ท่านพี่บอกข้าได้หรือไม่ ว่าข้าทำอะไรผิดต่อท่านนักหนา ท่านถึงได้เมินเฉยเย็นชาใส่ข้า พูดจาไม่รักษาน้ำใจข้าบ้าง อย่างไรข้าก็เป็นภรรยาของท่านนะ”
“เจ้าช่างกล้าพูด” เขาจับท่อนแขนของนาง บีบเข้าให้ ทำให้นางเจ็บปวดนัก สีหน้าของนางยังคงสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ จู่ ๆ ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ มีม่านน้ำตาปกคลุมและมันก็ไหลลงมาจนได้
จ้าวหย่งคังเห็นเช่นนั้นก็ตกใจนัก หัวใจของเขาที่แข็งกระด้างอ่อนยวบยาบเข้าให้ เขาปล่อยแขนนาง แล้วยืดมองนางอีกครั้ง จึงได้กล่าวขึ้นมาอีกหน “มารยานัก เสแสร้งเก่งขนาดนี้ บอกมาเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ท่านพ่อท่านแม่ข้า เจ้าทำอะไรพวกเขาถึงได้รักเจ้าและต่อต้านข้าเช่นนี้”
“ในสายตาของท่าน ข้าไม่ดีขนาดนั้นเชียวรึ ในสายตาของท่านยังมีที่ว่างให้ข้าบ้างหรือไม่ หรือว่าที่แล้วมานั้นล้วนเป็นข้าที่คิดฝ่ายเดียว เป็นข้าเองที่หลอกลวงตนเอง ข้าเจ็บ ข้าปวดและข้า ก็มีหัวใจไม่ต่างจากท่าน”
น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าของนาง ทำให้จ้าวหย่งคังตะลึงอ้ำอึ้งคล้ายคนเป็นใบ้ จะจับข้อมือของนางก็ไม่กล้า เพียงแค่เห็นแผ่นหลังที่แสนบอบบางอ่อนปวกเปียกนั่นเดินเข้าไป จู่ ๆ ก้อนน้ำแข็งในใจของตนก็รู้สึกคล้ายกลับมามีบางอย่างกระแทกเข้าให้
ในจังหวะที่ไป๋ฟางหรงเดินเข้าไปก็พบเข้าให้กับถังม่านชิง ว่าที่ฮูหยินรอง “พี่สาว ท่านนี่เก่งจริง ๆนะ มัดใจท่านแม่กับท่านพ่อเสียอยู่หมัด ท่านทำได้ ข้าเองก็ทำได้ คอยดูว่าข้าจะทำให้ท่านกลายเป็นคนที่ถูกลืม”
ม่านชิงแสยะยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเมื่อเห็นว่าท่านแม่ทัพเดินมา ก็จับข้อมือของฟางหรงเอาไว้ รีบบีบน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างทันใด นางแอบจิกเล็บลงบนฝ่ามือของฟางหรง “พี่สาว ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ซักถามอะไรให้ท่านรำคาญใจอีกแล้ว” นางแสร้งกล่าวขึ้นมาเท่านั้น เพื่อให้อีกฝ่ายหลงกลนาง
ไป๋ฟางหรงสะบัดแขนออกจากการกอบกุมของนางเพราะเจ็บ จากนั้นนางก็เห็นว่าสามีรีบก้าวเท้ามารับตัวนางแพศยาเอาไว้ได้ทัน “พี่สาวเหตุใดจะต้องทำร้ายข้าด้วย” นางรีบซบลงแผงอกของท่านแม่ทัพจ้าวหย่งคังเข้าให้
“เจ้าทำอะไรนางเพียงเท่านี้ก็ถึงขั้นทำร้ายนางเชียวรึ” นึกไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ น้องน้อยที่น่ารักอ่อนหวานคนนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่นางปีศาจร้ายยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา