เจ้าสัวคมณ์มองไปยังเด็กน้อยที่กำลังทำความสะอาดเครื่องเรือนอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ แล้วหันมาตอบลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างเอาใจ
‘ได้จ้ะลูกสาวของพ่อ ถ้าไอ้ไฟมันทำให้น้ำขิงไม่พอใจ พ่อจะไล่มันออกทั้งครอบครัว’
‘ดีค่ะคุณพ่อ ไล่พวกมันออกวันนี้ พรุ่งนี้เลยนะคะ’
‘ไล่ออกตอนนี้ยังไม่ได้หรอกลูก’
เจ้าสัวคมณ์เอ่ยปฏิเสธความต้องการของลูกสาว
และคำตอบของผู้เป็นพ่อ ก็ทำให้ลูกสาวที่ถูกตามใจแต่เด็กจนเหลิง ต้องยกมือเท้าเอว กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
‘ทำไมถึงไล่ไอ้ขี้ข้าพวกนี้ออกไม่ได้คะคุณพ่อ ได้ยินไหมคะว่าน้ำขิงเกลียดพวกมัน เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือเกลียดยิ่งกว่าสัตว์เลื้อยคลาน’
เมื่อลูกสาวที่เป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจเริ่มแผลงฤทธิ์เข้าให้ เจ้าสัวคมณ์ก็รีบโอบกอดร่างเล็กไว้ แล้วเอ่ยตอบให้ลูกสาวรู้ว่าทำไมถึงยังไล่พวกขี้ข้าเหล่านี้ออกจากบ้านในตอนนี้ยังไม่ได้
‘น้ำขิงลูกพ่อ ฟังพ่อนะลูก ถ้าเราไล่พวกขี้ข้าพวกนี้ออกจากบ้านตอนนี้ เราก็ไม่มีคนใช้คอยรองมือรองเท้าพวกเรา น้ำขิงก็ไม่มีไอ้ไฟหน้าโง่ ให้น้ำขิงแกล้งเล่น พ่อว่าเก็บพวกมันไว้ก่อนเถอะลูก ตอนนี้พวกมันยังมีประโยชน์กับพวกเราอยู่ เอาไว้พ่อหาคนใช้ใหม่ได้เมื่อไร พ่อสัญญาว่าจะไล่พวกมันออกทันที’
ทุกถ้อยคำที่พ่อลูกสนทนากันอย่างดูถูกเหยียบหยาม มองว่าคนจนไม่ใช่มนุษย์เหมือนพวกเขา มองว่าคนใช้เป็นคนชนชั้นต่ำกว่าพวกเขา ทำให้อัคคี เด็กน้อยในวัยสิบห้าปี ซึ่งเลือกเกิดเป็นลูกคนรวยล้นฟ้าเหมือนคุณหนูณัฐณดาไม่ได้ ต้องกัดฟันแน่น กำมือเข้าหากันด้วยความเจ็บใจ เจ็บแค้นที่ถูกคนรวยพวกนี้โขกหัวสับในตลอดเวลา
และไม่ใช่เขาเท่านั้นที่ถูกเจ้าสัวคมณ์กับคุณหนูณัฐณดาดูถูกเหยียบหยามและทำร้ายในทุกวัน ทั้งพ่อและแม่ของเขา ก็ต้องตกเป็นที่ระบายความโกรธของเจ้าสัวคมณ์ด้วย
‘ไอ้แก้วมันหายหัวไปไหน ป่านนี้แล้วยังไม่ออกมาอีก’
เจ้าสัวคมณ์บ่นเสียงดัง เมื่อยังไม่เห็นเงาของคนขับรถสักที และความโมโหก็มาลงที่ลูกของคนขับรถ
‘ไอ้ไฟ! มานี่’
‘ครับเจ้าสัว’
อัคคีรับคำเสียงแผ่วเบา เดินตัวลีบมาคุกเข่านั่งอยู่หน้าเจ้าสัวคมณ์และคุณหนูณัฐณดา ที่กำลังมองเขาอย่างเยาะหยันในทุกนาที
‘มึงไปตามพ่อมึงให้มาหากูเดี๋ยวนี้ กูให้เวลามึงห้านาที ถ้าชักช้านักกูจะตัดเงินเดือนพวกมึงทั้งสามคน’
เจ้าสัวคมณ์สั่งเสียงห้วนจัดพร้อมกับขู่ไปพร้อมๆ กัน และคุณหนูณัฐณดาก็ยุให้บิดาทำตามที่พูดทันที
‘ตัดเงินเดือนพวกมันเลยค่ะคุณพ่อ’
อัคคีซึ่งก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าเจ้าสัวคมณ์ ได้แต่กัดฟันแน่นเจ็บใจที่เขาและบุพการีทั้งสองต้องเกิดมาเพื่อตกเป็นเบี้ยล่างของคนรวย
‘ฮึ! ตัดเงินเดือน แค่เงินเดือนที่พ่อกับแม่ได้รับทุกวันนี้ รวมกันแล้วยังไม่ถึงหมื่นเลย แล้วจะตัดเงินเดือนหาพระแสงอะไรอีก’
อัคคีเค้นเสียงค้านอยู่ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาตามที่กำลังนึกคิด ไม่เช่นนี้แล้วคงได้กินรสมือรสเท้าจากเจ้าสัวคมณ์แน่
‘จะนั่งบื้ออยู่ทำไมอีกไอ้ไฟ ไม่ได้ยินหรือยังไง พ่อฉันบอกให้แกไปตามไอ้แก้วมาพบเดี๋ยวนี้’
ไม่มีคำว่าเคารพคนที่มีอายุมากกว่า ไม่มีความนับถือให้กับเหล่าคนใช้ คุณหนูณัฐณดาเรียกพ่อของอัคคีด้วยคำขึ้นต้นว่า ไอ้ เหมือนที่บิดาใช้เรียกคนเหล่านี้
อัคคีข่มความเจ็บปวดจากการถูกเหยียดหยามไว้ข้างในใจ ใบหล่อเหลาเงยขึ้นมองคนที่ออกคำสั่งกับตนเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับคำเสียงแผ่วเบา
‘ครับคุณน้ำขิง ผมจะไปตามคุณพ่อเดี๋ยวนี้ครับ’
เผียะ!!!
สิ้นคำพูดของอัคคี มือเล็กของณัฐณดาก็ซัดหนักๆ ลงไปบนศีรษะของอัคคี พร้อมกับการแผดเสียงชี้นิ้วด่าด้วยความโกรธจัด
‘ไอ้ไฟ ไอ้สมองขี้เลื่อย ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฉันว่าคุณหนูน้ำขิง’
ไม่ใช่แค่ตบหัวเท่านั้น ณัฐณดายังใช้ตุ๊กตาหมีที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขนฟาดลงไปบนลำตัวของอัคคีอีกรอบ ขณะตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย
‘แกมีสมองบ้างไหมไอ้ไฟ หรือว่าแกมีหัวไว้แค่ตัดผมอย่างเดียว ทำไมแกจำไม่ได้สักทีว่าต้องเรียกฉันว่าคุณหนูน้ำขิง’
อัคคีกัดเนื้อด้านในริมฝีปากจนเลือดซึม ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ อันเกิดจากการกลืนก้อนสะอื้นและความเจ็บใจไว้ข้างในใจลึกๆ
‘ผมขอโทษครับคุณหนูน้ำขิง’
‘อย่าขอโทษแค่ปากเปล่า ยกมือไหว้ฉันด้วย’
ณัฐณดาชี้นิ้วด่าออกคำสั่งเสียงห้วนๆ ยังไงๆ ก็ต้องให้ลูกของขี้ข้ายกมือไหว้เธอให้จงได้
อัคคีกัดริมฝีปากของตนเองจนด้านชา ลำคอแห้งเป็นผง เมื่อจำต้องยกมือขึ้นไหว้ณัฐณดาคนที่มีอายุอ่อนกว่าตัวเองถึงห้าปีเต็ม ทว่ามีฐานะเป็นเจ้านายของตัวเอง
‘ผมขอโทษครับคุณหนูน้ำขิง’
ณัฐณดายิ้มเยาะตรงมุมปาก ดวงตากลมโตจ้องมองคนที่กำลังยกมือไหว้ตัวเองอย่างเหยียดๆ รู้สึกสะใจในทุกครั้งที่สามารถแกล้งอัคคีได้
‘ขอโทษเสร็จแล้วจะนั่งทำบื้อทำไมอีก ทำไมไม่ไสหัวไปตามไอ้แก้วมาหาพ่อของฉัน’
‘ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ’
อัคคีเดินเข่าถอยห่างออกมาหลายสิบก้าว ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนช้าๆ แต่ไม่ทันเดินออกจากห้องโถงใหญ่ก็ถูกคุณหนูณัฐณดาเรียกไว้เสียก่อน
‘เดี๋ยว! ไอ้ลูกขี้ข้าอย่าเพิ่งไป’
อัคคีต้องกัดฟันกรอดทุกครั้งที่ถูกเรียกด้วยชื่อนี้ เด็กน้อยสะกดความเจ็บใจไว้ข้างใน ก่อนจะหันหน้าช้าๆ มามองผู้เป็นเจ้านาย จากนั้นก็ก้มหน้านิ่ง โดยไม่ลืมเอ่ยถามณัฐณดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
‘คุณหนูน้ำขิงมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือครับ’
‘มีสิ!’
คุณหนูณัฐณดาตอบเสียงห้วนๆ ก่อนจะชี้นิ้วสั่งต่อ ‘ไปตามไอ้แก้วเสร็จแล้วก็กลับมาฉันที่นี่ด้วย ฉันจะให้แกยกเฟรมวาดรูปมาให้ฉันที่นี่’