ลิฟต์ที่มีอยู่สองตัวภายในคอนโดแห่งนี้ถูกเรียกใช้งานหมด กว่าลิฟต์จะวิ่งลงมารับแก้วสันต์ก็กินเวลาไปเกือบห้านาที ซึ่งนั่นมันก็เป็นเวลามากโขสำหรับการลั่นปืนฆ่าหญิงเลวชายชั่วด้วยน้ำมือของเจ้าสัวคมณ์
เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!!
เสียงปืนดังขึ้นสองนัดติดๆ กัน ทำเอาแก้วสันต์ซึ่งเพิ่งวิ่งมาถึงหน้าห้องชุดของเมียน้อยของเจ้าสัวคมณ์ ถึงกับสะดุ้งเฮือกแทบก้าวเท้าไม่ออก และเมื่อลากเท้าอันหนักอึ้งเข้าไปในห้อง เขาก็เข่าอ่อนกับภาพที่เห็น
เมียน้อยและชายชู้นอนตายตาเหลือกอยู่บนเตียงใหญ่ในสภาพเปลือยกาย กลิ่นเขม่าปืน กลิ่นคาวเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาจากบาดแผลถูกยิงเหม็นคละคลุ้งไปทั่วห้อง
ส่วนเจ้าสัวคมณ์มีอาการตรงกันข้ามกับคนขับรถในทุกอย่าง ใบหน้าถมึงทึงแสยะยิ้มด้วยความสะใจ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองคนชั่วสองคนที่ตนเองยิงกับมือด้วยแววโหดเหี้ยม เค้นเสียงลอดไรฟันเย็นยะเยือก
‘พวกมึงสมควรตาย’
ไม่มีสำนึกผิด ไม่มีหวาดกลัวคุกตะราง เจ้าสัวคมณ์ตะโกนหัวเราะลั่นไม่ต่างจากคนบ้า มือข้างขวายังคงกำปืนไว้แน่น จนเส้นเอ็นปูดโปน
‘ท่านเจ้าสัว...ท่านเจ้าสัว...’
แก้วสันต์ตะโกนเรียกผู้เป็นนาย เมื่อเจ้าสัวไม่รู้สึกตัว จึงเข้าไปเขย่าร่างหนักๆ พร้อมกับคว้าปืนมาถือไว้ในมือ ซึ่งเป็นการกระทำที่โง่ที่สุด!
‘ท่านเจ้าสัว...ได้ยินเสียงผมไหมครับ’
เมื่อการเรียกในครั้งแรกไม่ได้ผล แก้วสันต์จึงทำใจกล้าตบหนักๆ ลงไปบนต้นแขนของเจ้าสัวคมณ์ และคราวนี้ก็ได้ผล เมื่อเจ้าสัวรู้สึกตัวกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาที่แข็งกร้าวในก่อนหน้านี้อ่อนแสงลง แต่ยังคงจ้องมองศพตรงหน้าด้วยความสะใจ
‘ไอ้แก้ว! นังนิด้ากับชายชู้มันตายแล้ว’
‘ครับ เจ้าสัวคมณ์ ผมเห็นแล้วครับ เจ้าสัวยิงพวกเขาตาย’
‘เจ้าสัวยิงพวกเขาตาย’
คำพูดของคนขับรถค่อยๆ ซึมเข้าสู่โสตประสาท เมื่อความจริงปรากฏว่าตนเองเป็นฆาตกรฆ่าคนตายถึงสองคน เจ้าสัวคมณ์เกิดอาการตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว...กลัวว่าจะต้องเข้าคุก!
‘ไม่! กูไม่ได้ฆ่าพวกมัน มึงต่างหากที่ฆ่านังนิด้าและชายชู้’
แก้วสันต์ตกใจหน้าซีด ที่จู่ๆ เจ้าสัวคมณ์ป้ายความผิดให้กับเขา ‘ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา เจ้าสัวต่างหากที่ฆะ...’
‘ปืนอยู่ในมือของมึง...มึงยังกล้าปฏิเสธอีกหรือไอ้แก้ว’
เจ้าสัวคมณ์ชี้ไปยังมัจจุราชสีดำมะเมื่อมที่อยู่ในมือของคนขับรถ พลางลอบหัวเราะอยู่ในใจ เมื่อมีแพะรับบาปแทนเขาแล้ว
แก้วสันต์ก้มลงมองปืนในมือของตัวเอง กำลังจะทิ้งปืนลงกับพื้นก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ รปภ.และตำรวจสองนายในท้องที่ ได้วิ่งมาถึงห้องที่เป็นแดนประหารเมียน้อยของเจ้าสัวคมณ์
เจ้าสัวคมณ์ช่างฉลาดนัก พอเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกรูเข้ามาในห้อง ก็รีบชี้นิ้วไปยังคนขับรถ ซึ่งยืนหน้าซีดตัวสั่น แล้วตะโกนพูดเสียงดังลั่น
‘มาตรกรอยู่นี่ครับคุณตำรวจ จับมันเลยครับ ปืนยังอยู่ในมือของมันเลยครับ’
แก้วสันต์ยังมึนงงกับเหตุการณ์ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จู่ๆ เขาก็กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนตายสองศพ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำ!
‘ผมไม่ได้ฆ่าใคร เจ้าสัว...’
ผัวะ!!!
เจ้าสัวคมณ์ซัดกำปั้นลงไปบนหน้าของแก้วสันต์เต็มแรงจนเลือดกบปาก เพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ถ้อยคำที่เหลือหลุดออกมาจากปากของคนขับรถ
‘ไอ้สารเลว ขี้บนเรือนรดบนหลังคา กูอุตส่าห์เลี้ยงดูมึงกับครอบครัวเป็นอย่างดี แต่มึงยังแอบตีท้ายครัวเมียของกู จับมันเลยครับ มันเป็นคนยิงสองคนนี้ตายครับ’
หลักฐานยังคงมีอยู่ในมือ ปืนที่อาบไปด้วยเลือดของคนสองคน ยังคงถูกกำไว้แน่น ซึ่งเป็นหลักฐานมัดตัวชั้นดี ที่คนโง่ ทว่าเป็นคนดี รู้ไม่เท่าทันคนอย่างแก้วสันต์ ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับใส่กุญแจมือในที่สุด
‘ผม ไม่ใช่ฆาตกร ผมไม่ได้ฆ่าใคร’ แก้วสันต์ตะโกนเสียงดังลั่น ใบหน้าไร้สีเลือด มือทั้งสองถูกใส่กุญแจมืออย่างแน่นหนา
‘ท่านเจ้าสัว ทำไมถึงป้ายความผิดให้กับผม’
เจ้าสัวคมณ์ถึงกับหน้าถอดสีกับคำพูดของลูกน้อง พอหันไปมองเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นหัวหน้าชุดตรวจ เจ้าสัวคมณ์ก็เดินเข้าไปหา พร้อมกับขอคุยเป็นการส่วนตัว
‘ท่านเจ้าสัว บอกคุณตำรวจว่าผมไม่ผิด ผมไม่ได้ฆ่าใคร’
แก้วสันต์ตะโกนตามหลังเจ้าสัวคมณ์ ซึ่งกำลังเดินออกจากที่เกิดเหตุไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว
คนที่กำลังจะกลายเป็นแพะรับบาป ไม่รู้ว่าเจ้าสัวคมณ์ไปคุยอะไรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้าง แต่เมื่อคนทั้งสองกลับเข้ามาในห้องที่เกิดเหตุอีกครั้ง เขาก็กลายเป็นฆาตตกรฆ่าคนตาย และกำลังจะถูกนำไปฝากขังยังสถานีตำรวจ
‘ท่านเจ้าสัว ทำไมไม่บอกตำรวจว่าผมไม่ได้ฆ่าใคร ผมไม่ได้ยิงพวกเขาตาย’
แก้วสันต์ เข่าอ่อนไม่มีแรงเดิน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายต้องหิ้วปีกเขาออกมาจากห้องที่เกิดเหตุ พอถูกหิ้วปีกกึ่งลากออกมาถึงห้องนั่งเล่นภายในห้องชุดสุดหรูของเมียน้อยเจ้าสัวคมณ์ ผู้เป็นนายก็บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าต้อง
การคุยกับลูกน้องสักครู่
เจ้าสัวคมณ์นั่งอยู่บนโซฟา ใกล้ๆ เขาก็มีร่างของคนขับรถซึ่งหน้าซีดเป็นกระดาษขาวนั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายยืนคุมอยู่ตรงมุมห้อง ห่างไกลมากพอที่จะไม่ได้ยินคำพูดของเจ้าสัวคมณ์กำลังกล่อมลูกน้อง หรือถึงแม้จะได้ยิน พวกเขาก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไร่ เพราะเงิน! สามารถทำให้คนร้ายกลายเป็นคนบริสุทธิ์ได้ในพริบ
ตาเดียว
‘ท่านเจ้าสัว ทำไมท่านต้องโยนบาปให้ผม ท่านก็รู้ว่าผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา’ แก้วสันต์ถามเสียงสั่น ดวงตาแดงก่ำจากกล้ำกลืนหยาดน้ำตาไว้สุดกำลัง
‘มึงเป็นคนฆ่านังนิด้ากับชายชู้ของมัน’ เจ้าสัวคมณ์เค้นเสียงบอกห้วนจัด
‘ผมไม่ได้ทำ ท่านเจ้าสัวต่างหากที่ยิงพวกเขา’ แก้วสันต์ปฏิเสธในทันที แต่พอได้ยินประโยคทวงบุญคุณของเจ้าสัวคมณ์ก็ถึงกับน้ำตาตก