ตอนที่ 10 จะไม่มอบใจให้อีกแล้ว

1362 Words
ตอนที่ 10 จะไม่มอบใจให้อีกแล้ว หลิวอวี่หนิงนอนจ้องมองดูภาพเหล่านั้นนานเพียงใดไม่รู้ จนกระทั่งหญิงสารเลวผู้นั้นเดินออกจากห้องไป นางจึงลุกขึ้นเดินโซเซไปที่ร่างกายของนางอีกคน หญิงสาวยื่นมือออกไปหมายจะสัมผัส ทว่าก็ไม่กล้าที่จะสัมผัส ภาพเหตุการณ์ในอดีตยังคงผุดขึ้นมาไม่จบสิ้น เหมือนกับลาวาของภูเขาไฟ ครั้นได้ปะทุขึ้นก็ต้องไหลออกมาจนหมดนางรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มือทั้งสองข้างยกขึ้นกุมเส้นผมตนเอง เชิดหน้าขึ้นกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง ภาพตรงหน้าพลันมืดลง พร้อมกับร่างกายนางที่ถูกแรงดึงดูดเหวี่ยงออกมา เฮือก!!.. หลิวอวี่หนิงสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจ มือนางยังคงกุมศีรษะตนเองเอาไว้ ริมฝีปากบางส่งเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวด หลิวอวี่เหวิน รีบวิ่งเข้ามาที่ตั่งนอน เขาพยายามแกะมือนางออกไม่ให้ทึ้งเส้นผมตนเองอย่างนั้น “หนิงหนิง!!..เจ้าเป็นอะไร..เด็กดีอย่าทำให้พี่ใหญ่กลัวพี่ใหญ่อยู่กับเจ้าแล้ว”ครั้นได้ยินเสียงของพี่ใหญ่นางพลันได้สติขึ้นมา ร่างบางโถมตัวอ้าแขนไปกอดเอาพี่ชายเอาไว้แน่น “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” หลิวอวี่เหวินขมวดคิ้วขึ้น เขายกมือไปกอดตอบนาง น้องเล็กเป็นอะไร เหตุใดจึงได้ดูหวาดกลัวเช่นนี้ “พี่อยู่นี่ หนิงหนิงไม่เป็นอะไรแล้ว..เจ้าฝันร้ายหรือ เล่าให้พี่ฟังได้หรือไม่” ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีเพียงเสียงสะอื้นปานจะขาดใจของนาง หลิวอวี่เหวินกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว หลิวอวี่หนิงไม่เคยเป็นเช่นนี้ ขนาดตอนที่บิดามารดาจากไป นางยังไม่ดูหวาดกลัวเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าตอนนั้นนางจะไม่เสียใจ นางร้องไห้อยู่หลายวันจนล้มป่วยทว่าไม่ได้หวาดกลัวจนตัวสั่นเช่นนี้นางฝันเห็นอะไรกันแน่ “หนิงหนิงเจ้าเป็นเช่นนี้พี่ปวดใจรู้หรือไม่ บอกพี่สักคำเถอะความฝันใดที่น่ากลัวของเจ้า พี่จะปัดเป่ามันออกไปเอง หากเจ้ายังหวาดกลัวพรุ่งนี้เราจะไปวัดหลินซาน ไปคารวะพุทธองค์ดีหรือไม่” แม่ทัพหนุ่มลูบศีรษะของน้องอย่างปลอบใจ ตั้งแต่บิดามารดาจากไป เขาและนางก็มีกันสองคนพี่น้อง เห็นนางเป็นเช่นนี้หัวใจคนเป็นพี่เจ็บปวดยิ่งนัก ยิ่งพูดเสียงเขาก็ยิ่งสั่นเครือ “องค์ชายมาเฝ้าเจ้าอยู่ตลอดเลยรู้หรือไม่ นี่พระองค์ก็เพิ่งออกไปก่อนเจ้าจะฟื้นไม่ถึงชั่วยาม หนิงหนิงเจ้ารู้หรือไม่ ที่เจ้าฟื้นเป็นเพราะโสมของฮองเฮา ข้าได้ยินฉีกงกงบอกว่า องค์ชายสี่ยอมรับปากจะไปปราบโจรภูเขาที่เมืองตงซานเพื่อแลกกับโสมพันปีชิ้นนั้น หนิงหนิงองค์ชายสี่มีใจ...” “ไม่!!..พี่ใหญ่อย่าได้พูดอีกเลย” หลิวอวี่เหวินขมวดคิ้วจ้องมองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาอย่างงงงวย ไม่ใช่ว่าน้องเล็กก็มีใจให้องค์ชายสี่หรอกหรือ “เจ้าโกรธที่พระองค์ทำเจ้าหลุดมือหรือ” หลิวอวี่หนิงสูดลมหายใจเข้าลึก นางเผลอแสดงกิริยาเช่นนั้นออกไป พี่ใหญ่นางจะไม่สงสัยได้อย่างไร “พี่ใหญ่ข้าปวดหัวเจ้าค่ะ เรื่ององค์ชายข้าทราบแล้ว” “เช่นนั้นข้าจะส่งคนไปบอกองค์ชายสี่ว่าเจ้าฟื้นแล้ว พระองค์ต้องดีพระทัยแน่นอน” แม่ทัพหลิวดันนางนอนลงไปบนตั่งและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายนาง เมื่อเสร็จแล้วก็ผละตัวออก เพื่อจะส่งคนไปแจ้งข่าวให้กู่เหว่ยหยวนทราบ ทว่าหลิวอวี่หนิงกลับห้ามเอาไว้เสียก่อน “พี่ใหญ่!!..ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ”คราวนี้ใบหน้าหล่อเหลาของแม่ทัพหนุ่มดูสงสัยเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองน้องสาวตนเอง พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาของนาง หลิวอวี่หนิงพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา “ข้าเป็นห่วงเจ้าค่ะ องค์ชายสี่จะต้องไปปราบโจรที่ตงซาน อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องของข้าไปรบกวนพระองค์เลย รอให้กลับมาก่อนค่อยบอกก็ยังไม่สาย พี่ใหญ่ออกไปเถอะข้าอยากนอนแล้ว” “อืมแล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน แต่เดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ของเจ้านำยาเข้ามาให้ กินให้หมดเล่าหากข้ารู้ว่าเจ้าเททิ้ง ข้าจะจับกรอกปากเจ้า” หลิวอวี่หนิงหัวเราะไม่ได้ออกร้องไห้ไม่ออก จริงอยู่ที่เมื่อก่อนนางไม่ชอบดื่มยาขม นางเกลียดเป็นที่สุด ทว่าเมื่อผ่านความตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ยาขมจะนับเป็นอะไรได้อีก “ข้าไม่ทิ้งหรอกเจ้าค่ะ หากพี่ใหญ่ไม่เชื่อก็นำมาให้ข้าด้วยตนเองเถอะ” หลิวอวี่เหวินพยักหน้าอย่างพอใจ “ดีแล้ว..เจ้ารู้หรือไม่ ยานี้ปรุงมาจากโสมพันปีของฮองเฮา แคว้นต้าฉู่ของเรามีเพียงสองชิ้น อยู่ที่ฝ่าบาทหนึ่งต้นและอยู่ที่ฮองเฮาหนึ่งต้น ยามนี้ฮองเฮาประทานมันให้เจ้าแล้ว องค์ชายสี่ให้หมอหลวงโจวมาปรุงให้เจ้ากับตนเองเชียวล่ะ และยามนี้หมอหลวงก็พักอยู่ที่จวนของเรา เพื่อดูอาการเจ้าตามคำสั่งขององค์ชาย หนิงหนิงเจ้าช่างวาสนาดีนัก ต่อไปนี้พี่ใหญ่ไม่ห้ามเจ้าอีกแล้ว ทำตามใจเจ้าปรารถนาเถอะ” “หมอหลวโจว” มิใช่ว่าหัวหน้าหมอหลวงที่ทั่วทั้งวังจะรักษาเพียงแค่องค์ฮ่องเต้และฮองเฮาหรอกหรือ กู่เหว่ยหยวนถึงกลับกล้าให้มาคอยรักษานาง และยังรั้งตัวให้อยู่ในจวนสกุลหลิวอีกด้วย ช่างทุ่มเทเสียจริง หากนางไม่ได้ย้อนกลับไปในอดีตนางคงจะยิ่งหลงรักเขามากยิ่งขึ้นกระมังริมฝีปากบางแสยะยิ้มออกมา ทว่าเพียงแวบเดียวก็เม้มปากลง “ใช่แล้วหัวหน้าหมอหลวงที่รักษาเพียงเชื้อพระวงค์เท่านั้น” หลิวอวี่เหวินเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจ ทว่านอกจากความภูมิใจก็ยังกังวลอยู่บ้าง เพราะหลังจากเหล่าขุนนางรู้เรื่องนี้ ก็ยื่นฎีการ้องเรียนเขาว่าทำตัวเสมอเชื้อพระวงค์ ช่างเป็นข้อกล่าวหาที่หนักหนานัก แต่ดีที่องค์ชายสี่ทรงปกป้องสกุลหลิว ยอมรับผิดต่อหน้าพระพักตร์ และยังประกาศความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวเขาอีกด้วย หลิวอวี่เหวินเห็นน้องสาวไม่พูดสิ่งใดอีกก็เดินออกจากห้องไป เพราะยามนี้ใบหน้าของนางขาวซีดขึ้นมาอีกแล้ว ปล่อยให้นางพักไปก่อน หากนางหายดีเขาจะพานางไปไหว้พระที่วัดหลินซานก็แล้วกัน หลังจากที่หลิวอวี่เหวินออกจากห้องไป หลิวอวี่หนิงก็พลันลืมตาขึ้น นางยกมือตนเองขึ้นมา มือนางยังคงขาวเนียนมิได้หยาบกร้านเล็บสีชมพูมิได้ดำเต็มไปด้วยรอยเลือด นางขยับลุกขึ้นเดินไปที่คันฉ่อง เพื่อส่องดูใบหน้าตนเอง ดวงตานางยังมองเห็น ใบหน้ายังเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสี่ปีเท่านั้น นางกลับมาแล้ว หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกจนเจ็บไปทั้งทรวงอก “เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือเพียงฝันหนึ่งตื่น”ต่อให้นางไม่แน่ใจว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นนางที่ฝันไป หรือว่านางย้อนกลับคืนมาจริง ๆแต่ไม่ว่าจะฝันหรือเรื่องจริง นางก็จะไม่มีวันเดินซ้ำรอยเดิม เรื่องเหล่านั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะจริงหรือฝัน กู่เหว่ยหยวน นางก็จะไม่ขอมอบใจให้เขาอีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD