ตอนที่ 8 โสมจากฮองเฮา

1420 Words
ตอนที่ 8 โสมจากฮองเฮา หมอหลวงโจวรีบรุดมาที่จวนสกุลหลิวอย่างร้อนรนแต่ละวันเขาจะต้องถูกองค์ชายสี่ตามตัวเช่นนี้ไม่รู้กี่รอบต่อวัน หมอชราเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาเป็นหัวหน้าหมอหลวง หรือเป็นหมอประจำจวนแม่ทัพหลิวกันแน่ “อาการหนิงหนิงเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเหตุใดนางจึงไม่ยอมฟื้นแล้วนางจะฟื้นเมื่อไร” หมอหลวงโจวเหงื่อไหลออกมาที่มุมขมับทั้งสองด้าน เขาส่งสายตาไปทางแม่ทัพหลิวหวังให้อีกฝ่ายออกหน้าให้ตนบ้างทว่าแม่ทัพหนุ่มกลับไม่รับรู้ถึงสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย “ทูลองค์ชายสี่ ร่างกายของแม่นางหลิวไม่เป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ อาการช้ำในก็หามีไม่ เรื่องที่จะฟื้นเมื่อไรนั้น..เอ่อ..กระหม่อมก็จนปัญญาเช่นกัน” ปั้ง!!..กู่เหว่ยหยวนฟาดมือลงบนโต๊ะเสียงดัง ป้านน้ำชากระเด็นตกลงแตกกระจายเต็มพื้น หมอหลวงโจวรีบคุกเข่าโขกศีรษะลงเต็มแรง ร่างชราสั่นเทิ้มไปทั้งตัว “เห็นทีตำแหน่งหัวหน้าหมอหลวงเจ้าคงไม่ต้องการแล้วกระมัง” “กระหม่อมทำสุดความสามารถแล้ว องค์ชายสี่โปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หมอชราเอ่ยเสียงสั่น เหงื่อหยดลงบนพื้นกระเซ็นเป็นวงกว้าง ทว่าไม่กล้าแม้แต่จะส่งมือไปเช็ด เขาแทบจะหมอบราบลงกับพื้น หากเป็นองค์ชายอื่น ๆ ไหนเลยจะน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ ถึงแม้กู่เหว่ยหยวนจะไม่ใช่พระโอรสพระองค์แรก แต่ก็เป็นพระโอรสพระองค์สุดท้ายที่ประสูติจากฮองเฮา และฮองเฮาก็มีพระโอรสเพียงสองพระองค์ คือองค์ชายใหญ่กู่เหว่ยเหยา และองค์ชายสี่กู่เหว่ยหยวน นั่นไม่ต้องกล่าวถึงความรักใคร่โปรดปรานที่องค์ชายผู้นี้ได้รับ เช่นนี้แล้วผู้ที่มีตาย่อมไม่กล้ากวนโทสะให้พระองค์ขุ่นเคืองอย่างแน่นอน “องค์ชายสี่โปรดระงับโทสะ” หลิวอวี่เหวินเข้าคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียด ออกหน้าช่วยเหลือหมอหลวงโจวที่ยามนี้ยังคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น “กระหม่อมเชื่อว่าท่านหมอหลวงโจวรักษาหนิงหนิงเต็มความสามารถแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กู่เหว่ยหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามระงับโทสะที่พวยพุ่งออกมา รักษาสุดความสามารถอย่างนั้นหรือ หากรักษาสุดความสามารถจริงเหตุใดหนิงหนิงของเขาจึงไม่ฟื้นอีกเล่า ทว่าก่อนที่องค์ชายสี่จะทันได้บันดาลโทสะออกมาอีกครั้ง พ่อบ้านก็วิ่งมาคุกเข่าแจ้งว่า นางกำนัลคนสนิทของฮองเฮามาขอพบแม่ทัพหลิว กู่เหว่ยหยวนรีบลุกออกไป หลิวอวี่เหวินก็ตามออกไปเช่นกัน หมอหลวงโจวจึงได้ยืดตัวขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลเข้าตาจนแสบไปทั้งตาเสียที หมอชราถอนหายใจออกมาแข้งขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง โทสะขององค์ชายสี่ช่างรุนแรงนัก กู่เหว่ยหยวนกับหลิวอวี่เหวินออกไปเพียงไม่นานก็กลับเข้ามาใหม่ หมอหลวงโจวเพิ่งจะพักหายใจก็พลันวิตกขึ้นมาอีกครั้ง เขาขยับเข้าไปยืนชิดมุมนิ่ง เหมือนกับว่าหากยืนนิ่ง ๆ แล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นเขาอีก “หมอหลวงโจว ท่านนำโสมพันปีนี้ไปปรุงโอสถให้หนิงหนิงเดี๋ยวนี้” กู่เหว่ยหยวนฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่โสมต้นนี้แล้ว หมอชราไม่รอช้ารับโสมมาก็เร่งนำมาปรุงกับตัวยาอื่น ๆ หากจะกลับไปทำที่จวนตนเองก็คงไม่ทัน เขาจึงได้ทำมันเสียที่นี่แหละ กูเหว่ยหยวนเดินเข้ามานั่งที่ข้างตั่ง เขาจับมือเล็กขึ้นมาแนบกับแก้มของตนเอง ดวงตาที่มองใบหน้านางคลอเคล้าไปด้วยน้ำตา ตอนแรกหลิวอวี่เหวินก็ไม่ค่อยจะพอใจเท่าใดนักองค์ชายสี่เป็นบุรุษแต่กลับเข้ามาถึงในห้องนอนของน้องสาวเขาเช่นนี้ ต่อให้เขาไม่ได้เคร่งธรรมเนียมก็ยากจะทำใจ แต่ครั้นกำลังจะเอ่ยวาจาเตือนก็เห็นท่าทางเศร้าหมองขององค์ชายสี่เสียก่อน เขาจึงได้เก็บคำพูดเอาไว้ในลำคอ “กระหม่อมจะออกไปดูหมอหลวงโจวพ่ะย่ะค่ะ” กู่เหว่ยหยวนพยักหน้าโบกมือส่ง ๆ เขาไม่ได้สนใจแล้วว่าแม่ทัพหนุ่มจะอยู่ตรงนี้หรือไม่ ยามนี้สิ่งที่เขาสนใจก็มีเพียงร่างอรชรที่นอนหลับตาอยู่ตรงหน้านี้ หลิวอวี่เหวินหันกลับออกมา เขาส่งสายตาให้สาวใช้ออกมาด้วยเช่นกัน ถึงแม้สาวใช้เหล่านี้จะเป็นคนสนิทของน้องสาว แต่ไม่อยากจะให้รับรู้เท่าไรมากนัก “พวกเจ้าเฝ้าหน้าห้องเอาไว้ให้ดี อย่าได้ไปไหน” “เจ้าค่ะ” กู่เหว่ยหยวนได้ยินทุกคำที่แม่ทัพหลิวสั่งสาวใช้ เป็นเรื่องปกติที่พี่ชายจะห่วงน้องสาว เขาไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร เพราะเขารู้ว่านอกจากเขาแล้ว ก็มีหลิวอวี่เหวินที่รักหลิวอวี่หนิงดุจชีวิต สาวใช้สองคนของนางก็จงรักภักดียิ่งกว่าชีวิตของพวกนาง คนเหล่านี้ล้วนเชื่อใจได้ “หนิงหนิงเมื่อไรเจ้าจะฟื้นขึ้นมาเสียที อย่าได้จากข้าไปได้หรือไม่ ข้าปวดใจเหลือเกิน”องค์ชายสี่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาทั้งแหบแห้งและสั่นไหว “ยังมีอีกหลายที่ ที่ข้ายังไม่ได้พาเจ้าไป เจ้าจะนอนขี้เซาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หนิงหนิงตื่นขึ้นมาหาข้าได้หรือไม่ ยอดรักของข้า ข้ายังไม่ได้ชดเชยความผิดกับเจ้า เจ้าก็กล้าหลับใส่ข้าเช่นนั้นหรือ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่หากเจ้าตื่นขึ้นมา อย่าว่าแต่สุราเฝินจิ่วเลยแม้แต่สุราซีเฟิ่งที่เจ้าชื่นชอบยิ่งกว่า ข้าก็จะหามาให้เจ้าดื่ม ข้าเอาใจเจ้าถึงเพียงนี้แล้ว ตื่นขึ้นมาได้หรือไม่” ไม่มีแม้แต่เสียงตอบกลับมาจากร่างอรชรที่นอนหลับอยู่บนตั่ง กู่เหว่ยหยวนปล่อยเสียงสะอื้นออกมา ซบหน้าลงบนหน้าอกของนาง น้ำตาไหลเปียกเป็นวงกว้าง หลิวอวี่หนิงไม่ได้ยินเสียง ทว่าสาวใช้ทั้งสองและหลิวอวี่เหวิน หมอหลวงโจวกลับได้ยินอย่างชัดเจน แม่ทัพหนุ่มไม่รู้จะทำหน้าเช่นไรแล้ว เขาเหลือบไปมองใบหน้าชราของหมอหลวง ทว่าคนผู้นี้กลับเก็บสีหน้าได้ดียิ่งนัก “แม่ทัพหลิว ข้ายังต้มยาเอาไว้อยู่บนเตา เช่นนั้นท่านนำถ้วยยานี้ไปป้อนให้แม่นางหลิวดื่มเถอะ ข้าอยู่ในโรงครัว มีอะไรก็ให้คนไปเรียกก็แล้วกัน” แม่ทัพหนุ่มรู้ดีว่า หมอชราเพียงแค่ต้องการจะหลีกหนีจากเหตุการณ์ตรงหน้านี้ “เช่นนั้นก็รบกวนท่านหมอหลวงแล้วขอรับ ถ้วยยานี้ข้าจะนำไปให้น้องเล็กเอง” หลิวอวี่หนิงรับถ้วยยามาถือเอาไว้ เขาถอนหายใจออกมา แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาได้เห็นแล้วองค์ชายสี่มีใจให้น้องสาวเขา แต่ก็ไม่คิดว่าพระองค์จะรักนางมากถึงเพียงนี้ ขนาดที่หลั่งน้ำตาเพื่อนางได้เช่นนี้ เขาไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แต่ในใจก็เอนเอียงไปทางองค์ชายสี่หมดแล้ว “องค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ ยาจากโสมของฮองเฮาหมอหลวงโจวปรุงเสร็จแล้ว กระหม่อมขอป้อนหนิงหนิงด้วยพ่ะย่ะค่ะ” “อาเหวินเจ้าส่งมาให้ข้าเถอะ เดี๋ยวข้าจะป้อนนางเอง เจ้ามีอะไรต้องไปทำก็ไปเถิด ข้าจะอยู่เฝ้านางตรงนี้แหละ” หลิวอวี้เหวินส่งยาให้กับองค์ชายแต่โดยดี ทว่าสายตากลับมองไปเห็นอาภรณ์ตรงหน้าอกที่เปียกเป็นวงกว้าง ใบหน้าแม่ทัพหนุ่มก็บึ้งตึงขึ้น แต่เหมือนกู่เหว่ยหยวนก็รู้ตัวเช่นกัน “น้ำตาข้าคงหยดลงไปใส่อาภรณ์นางตอนที่ข้าชะโงกไปมองหน้านางกระมัง เดี๋ยวป้อนยาเสร็จเจ้าก็ให้สาวใช้เข้ามาเปลี่ยนให้นางก็แล้วกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD