"ต้นกล้า ทำไมกลับมาสภาพถึงได้เป็นแบบนี้"ผู้เป็นแม่ร้องถามเมื่อเห็นสภาพลูกชายหลังจากที่กลับมาจากโรงเรียน มุมปากมีรอยฟกช้ำคิ้วแตกจนมีเลือดไหล ชุดนักเรียนยับเต็มไปด้วยเศษฝุ่นและหยดเลือดที่แห้งเกรอะ
"ไปมีเรื่องกับใครมาอีกแล้วใช่ไหม ต้นกล้า"
"ครับ"
"กล้า แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปมีเรื่องกับใคร แม่สอนกี่ครั้งไม่เคยจำแล้วนี่ดูสภาพของลูกสิ ถ้าหากทางโรงเรียนรู้เข้า ลูกอาจจะถูกถอนออกจากนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนได้เลยนะ"ผู้เป็นแม่บ่นร่ายยาวเพราะไม่อยากให้ลูกไปมีเรื่องชกตีกับใคร แต่ผู้ชายเลือดร้อนในวัยคึกคะนองมีหรือจะทนได้เมื่อคนในโรงเรียนมาต่อว่าให้ร้ายพี่สาวฝาแฝด
"อยากจะถอนก็ให้ถอนไปเลยสิแม่ ผมไม่แคร์หรอกกะไอ้แค่นักกีฬาของโรงเรียน"
"ทำไมต้นกล้าถึงได้พูดแบบนี้ นักกีฬาบาสเกตบอลมืออาชีพคือความฝันของลูกเชียวนะ และนี่ก็คือทางเดียวที่จะทำให้ลูกไปถึงจุดนั้นได้"
"ผมยอมเสียสละความฝันของตัวเองได้ครับแม่"ต้นกล้ามองหน้าผู้เป็นแม่สองมือกำหมัดแน่นเมื่อนึกถึงคำดูถูกเหยียดหยามของคนพวกนั้น
"แต่ผมยอมไม่ได้ และจะไม่มีวันยอมให้ใครมาต่อว่า หรือมาด่าพี่สาวของผม"
"ต้นกล้า นี่ลูก"
"พี่สาวของผม ผมรังแกได้คนเดียวคนอื่นไม่มีสิทธิ์ แม่จำเอาไว้นะครับผมยอมเสียสละให้พี่ต้นน้ำได้ ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกยัยขี้แยของผม"
"แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นนักกีฬาตามความฝันของตัวเองก็ตาม"ต้นน้ำที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูห้องนอนน้ำตาไหลอาบหน้าเมื่อได้ยินบทสนทนาของน้องชายและแม่ เธอเป็นต้นเหตุทำให้เธอทุกอย่างมันเลวร้ายไปกันใหญ่ ผู้เป็นพ่อไม่แม้จะมองหน้าเวลาเธอท่านก็มักจะเดินหนีจะมีก็แต่แม่และน้องชายที่ยังรักและคอยดูแลเธอในยามอ่อนแอ
ตู้ด ตู้ด
'บริการฝากหมายเลขโทรกลับ'
ติ๊ด
เธอมักจะได้ยินประโยคนี้ซ้ำ ๆ หลังจากมีข่าวสะพัดเรื่องการตั้งท้องแพร่กระจายออกไป แม้ว่าจะติดต่อหาคนรักพี่วงตำแหน่งพ่อของลูกในท้องสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถติดต่อหาได้แถมพักหลังเขายังปิดเครื่องหนีหายเข้ากลีบเมฆไม่ติดต่อเธอมา
ริมฝีปากเรียวเล็กเม้มเข้าหาคิดไม่ตกว่าจะติดต่อพ่อของลูกอย่างไรดี เพราะตอนนี้เธอต้องการคนคอยอยู่เคียงข้าง ต้องการคนช่วยดูแลถึงแม้ว่าเขาจะเคยบอกและคอยย้ำเตือนไม่ให้เธอบอกกับใครเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างทั้งสอง
สมองเริ่มคิดทำงานหนักไร้หนทางติดต่อหาชายคนรักจะออกจากบ้านไปหาก็ไร้ความหมายเมื่อผู้เป็นพ่อได้สั่งห้ามให้เธออยู่แต่ในบ้าน วันทั้งวันต้นน้ำได้แต่นั่งรอว่าเมื่อไหร่เขาจะติดต่อกลับมาหา แต่ทว่ากลับไร้วี่แวว จนเธอได้มาเจอกับข้าวสดใหม่ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ติดท็อปในวันนี้
เสียงร้องไห้มาพร้อมกับน้ำตาความเสียใจรินไหลเมื่อได้เห็นผู้เป็นคนรักพ่วงตำแหน่งพ่อของลูกประกาศคบหาดูใจกับนางเอกดังแถมยังมีรูปที่ทั้งคู่พากันไปสวีทหวานที่ร้านอาหารสุดหรูระดับห้าดวงซึ่งเขาก็เคยพาเธอไปซึ่งเป็นเรื่องน่าอิจฉาสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ไม่ใช่เธอ
"คุณทำกับหนูแบบนี้ได้ยังไง ฮึก คุณทรยศหนูได้ยังไง ฮืออ"
ผู้เป็นแม่มีสีหน้าหนักใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าลูกสาวล็อกประตูจากด้านในขังตัวเองอยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง แม้จะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากลูกสาว
"เป็นอะไร"ผู้เป็นสามีที่กลับมาจากบริษัทเอ่ยถามภรรยาที่นั่งอยู่บนโซฟาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดไม่สู้ดี
"ก็ลูกน่ะสิ ล็อกประตูขังตัวเองอยู่แต่ในห้องดิฉันเรียกเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมตอบ"คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินคำบอกเล่า คนเป็นแม่ยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่กังวลไปต่างต่างๆ นานา
"ลูกยิ่งแพ้ท้องอยู่ด้วย ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน"สามีได้แต่ยืนฟังคิดในใจว่าเขาทำรุนแรงกับลูกไปหรือเปล่าแต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ต้นน้ำทำมันเป็นเรื่องซึ่งไม่สมควร
"กล้า ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ"น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นมาจากทางด้านหลังก่อนที่ร่างของวาดฝันจะเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งลงบนพื้นหญ้าตรงข้างสนามฟุตบอลในเวลาเลิกเรียน
"เราแค่มานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วเธอล่ะทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน เดี๋ยวคุณน้าก็ว่าเอาหรอก"
"หึ พ่อน่ะไม่มาสนใจฉันหรอก ตอนนี้คงกำลังมีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ของท่านอยู่"วาดฝันถอนหายใจยามเมื่อพูดถึงบิดา แม้เธอจะเกิดมาบนกองเงินกองทอง มีทรัพย์สินมากมากมายแต่ก็ไม่เคยได้รับความสุขจากอ้อมกอดของผู้ให้กำเนิดอย่างมารดา ตลอดเวลามีแต่ผู้เป็นพ่อคอยให้ความสุขและความอบอุ่นแก่เธออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
"อย่าไปว่าคุณน้าเลย ท่านแก่แล้วคงอยากมีใครมาช่วยดูแล"
"จะหาใครมาช่วยดูแลฉันไม่ว่าอะไรหรอก ขอแค่ไม่เอาพวกผู้หญิงแบบนั้นเข้ามาอยู่ในครอบครัวของฉันก็พอ"
"คิดมาก"ต้นกล้าวางฝ่ามือลงบนศีรษะเล็กพร้อมโยกไปมา ดวงตาอ่อนโยนมองใบหน้ายิ้มกริ่มของแฟนสาวราวกับต้องมนต์สะกด
"อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบหนึ่งปีที่เราเป็นแฟนกัน ฝันมีอะไรจะให้กล้าด้วยนะ"
"อะไร"
"ไม่บอกหรอก รอลุ้นเอาเอง"
"อย่าบอกนะว่าเป็นไม้ตียุงเหมือนปีที่แล้วอีก"
"บ้าน่า ปีที่แล้วเป็นของขวัญสำหรับเพื่อน แต่ปีนี้เป็นของขวัญสำหรับแฟนมันต้องพิเศษหน่อยสิ"วาดฝันว่าอย่างอารมณ์ดี ความน่ารักและรอยยิ้มสดใสของเธอพอที่จะทำให้ต้นกล้าลืมเรื่องความเครียดลงไปได้บ้าง
ต้นกล้ากับวาดฝันเป็นเพื่อนซึ่งสนิทกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะพ่อของเขาและเธอเป็นเพื่อนซี้มาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ความเป็นเพื่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคนรู้ใจซึ่งทั้งครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รู้เห็นและไม่คัดค้านแต่ถึงอย่างนั้นต้นกล้าก็ยังให้เกียรติวาดฝันไม่คิดล่วงเกินอย่างมากก็แค่หอมแก้มจูงมือเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาจนเป็นที่อิจฉาของใครหลาย ๆ คนในโรงเรียน
"แล้วนี่จะเดินกลับพร้อมฉันหรือจะโทรเรียกคนขับรถให้มารับ"ต้นกล้าหยัดกายลุกขึ้นยืนมือไปให้วาดฝันจับแถมยังช่วยปัดเศษฝุ่นเศษหญ้าออกจากกระโปรงของเธอรวมถึงตัวเอง
"เดินกลับพร้อมกับกล้าดีกว่า ช่วงนี้เราไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยฝันอยากมีเวลาอยู่กับกล้านาน ๆ"
"งั้นเอากระเป๋ามา เดี๋ยวกล้าถือให้"
"ไม่เป็นไร ฝันถือเองได้ของกล้าก็หนักมากพอแล้ว"
"ตัวเท่าลูกแมว แล้วดูกระเป๋า"เด็กสายเรียนดีอย่างวาดฝันทำปากยู่แต่ก็ไม่ยอมส่งกระเป๋าจนต้นกล้าต้องชิงไปคล้องสะพายไว้บนไหล่
"ชิ อยากช่วยนักก็ช่วยแบกไปให้ถึงบ้านเลยนะ"
"ได้ครับ คุณผู้หญิง"ต้นกล้าตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มยียวน ทั้งคู่เดินออกจากประตูโรงเรียนทั้งสองเดินไปตามถนนเส้นเล็กลัดเลาะไปตามเส้นทาง ระยะห่างจากโรงเรียนกับบ้านใช้เวลาเดินทางสิบห้านาทีก็ถึง