ตอนที่ 7 ไข่เจียวหรือไข่ดำ

1646 Words
เมื่อได้กลิ่นหอมฟุ้งของไข่เจียวลอยโชยเข้าจมูก ส่งผลให้หน้าท้องหนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้ามของดนัยร้องจ๊อกๆ ร่างสูงซึ่งตอนนี้ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว สวมเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ท่อนบนเปิดเผยแผงอกเป็นมัดเดินเข้ามายืนอยู่ในโซนห้องครัว เขาเผลอยิ้มกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นคนตัวเล็กสวมเอี๊ยมยืนทอดน่องทำอาหารราวกับเชฟก็ไม่ปาน อยากรู้เหมือนกันว่ากลิ่นหอมขนาดนี้รสชาติจะน่ากินหรือเปล่า แต่พอจานไข่เจียวนำมาเสิร์ฟตั้งโต๊ะโดยแม่ครัวหุ่นเซ็กซี่ ดนัยมองไข่เจียวสลับกับเจ้าของดวงหน้าสวยหวานตอนนี้ส่งยิ้มแฉ่งมาให้เขาแล้วถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “นี่ไม่ได้คิดจะฆ่าพี่ทางอ้อมใช่ไหม?” หัวคิ้วเข้มเลิกขึ้นขณะเอ่ยถาม จากที่รู้สึกหิวข้าว ตอนนี้อยู่ๆ ก็เบื่ออาหารขึ้นมากะทันหัน “ถึงหน้าตาไข่เจียวจะไม่น่ากินเหมือนคนทำ แต่รับรองว่าอร่อยจนติดใจเหมือนที่พี่นัยติดใจคนทำนั่นแหละค่ะ” ดวงหน้าสวยหวานย่นเข้ามาใกล้ ด้วยท่าทางฉอเลาะ ดนัยอยากจะหัวเราะให้กับคนหลงตัวเอง เหลือเกิน เรื่องความหลงตัวเองไม่มีใครเกินทับทิม แต่จะว่าไปคำพูดของยัยตัวร้ายไม่ได้เกินจริง ที่ว่าติดใจรสชาติคนทำ ใช่เขาติดใจ “เอาสิ อยากลองดูว่าจะอร่อยเหมือนที่โม้ไว้หรือเปล่า” ดนัยรับจานข้าวสวยจากเธอแล้วลงมือชิมไข่เจียว ไม่สิเรียกว่าไข่ดำถึงจะถูก เนื่องจากรอยไหม้ได้กลบสีของไข่เจียวจนดำปี๋ ชายหนุ่มเกือบจะคายไข่เจียวที่เพิ่งตักเข้าปากแทบไม่ทัน นี่ยัยตัวร้ายไม่เคยทำอาหารเลยหรือไง ทำไมรสชาติอาหารถึงได้แย่ขนาดนี้ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ทับทิมว่าน่าอร่อยออก” ยัยตัวร้ายทำหน้างอเมื่อเห็นเขาคายไข่เจียวทิ้ง “น่าอร่อยก็ลองชิมดูสิ” ชายหนุ่มว่าพลางตักไข่เจียวขึ้นมาป้อนคนตัวเล็ก คนถูกป้อนยิ้มกระหยิ่มในใจกับการกระทำของเขา ดนัยคงขยาดกับรสชาติไข่เจียวของเธอมาก จนลืมตัวตักป้อนให้เธอชิมกับมือ ทั้งที่ปกติไม่เคยทำแบบนี้กับเธอเลยตลอดสองปีมานี้ “เป็นไงอร่อยใช่ไหม ห้ามคายทิ้งนะ” ดนัยปรี่เข้าไปปิดปากคนที่เตรียมท่าจะคายไข่เจียวออก “อื้อ…! พี่นัยปล่อยทับทิมนะ เค็มปี๋แบบนี้ทับทิมกลืนไม่ลงหรอกค่ะ” หญิงสาวรีบเอนคอหนี สองมือก็พยายามผลักเขาออก “ทีนี้เชื่อหรือยังว่าพี่ไม่ได้โกหก” เธอไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า แล้วคว้าทิชชูที่เขาส่งให้รีบคายไข่เจียวหน้าที่ว่าแย่แล้ว รสชาติยิ่งแย่กว่า ใส่กระดาษเร็วไว “แล้วแบบนี้เราจะทานอะไรดีล่ะคะ?” คนทำหน้ามุ่นมุ่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายหมดหนทาง ดนัยมองแล้วหลุดยิ้มออกมา พร้อมๆ กับวางมือลงบนศีรษะทุยได้รูปแล้วโยกเบาๆ “มา เดี๋ยวมาชิมฝีมือพี่ดีกว่า” ชายหนุ่มสวมบทพ่อครัวแล้วตรงไปยังตู้แขวนชั้นลอย จัดการหยิบวัตถุดิบที่นึกได้ในตอนนี้ออกมาจากตู้ “พี่นัยจะทำสปาเก็ตตี้หรือคะ?” ทับทิมถามเมื่อเห็นฝ่ายนั้นหยิบเส้นสปาเก็ตตี้ออกมาหนึ่งห่อ ในใจพลางนึกลิงโลด เพราะสปาเก็ตตี้คือเมนูโปรดของเธอ โดยเฉพาะสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า “ใช่ แล้วเราก็ต้องช่วยพี่ทำด้วย” ชายหนุ่มหันมายิ้มหล่อให้กัน “ได้ค่ะ” ทับทิมรับคำด้วยความยินดีปนตื่นเต้น ก่อนตรงเข้าไปยืนเคียงข้างกับเขา “มาใกล้ทำไม ไปหยิบเบคอนในตู้เย็นโน่นไป” ดนัยไล่ยัยตัวร้ายขณะเอื้อมมือหยิบครีมกระป๋องในตู้ โชคดีที่มารดาส่งแม่บ้านมาจัดเตรียมของไว้ให้เขา ในคอนโดเลยมีทุกอย่างพร้อม ต่อมาสองหนุ่มสาวช่วยกันรังสรรค์เมนูเส้นพาสตา โดยดนัยเป็นหัวหน้าเชฟ ส่วนทับทิมเป็นลูกมือช่วย กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เส้นสปาเก็ตตี้ที่ผ่านการปรุงเรียบร้อยถูกตักใส่จานโดยเขา ส่วนผู้ช่วยอย่างทับทิมมองจานตาเป็นมัน “โห! น่าทานสุดๆ เลยค่ะพี่นัย” “รสชาติก็อร่อยด้วยครับ” พ่อครัวในชุดเอี๊ยมลายหมีพูลคอนเฟิร์มด้วยความมั่นใจ เนื่องจากเมนูนี้ดนัยมักจะทำกินบ่อยๆ อยู่แล้ว “ทับทิมเชื่อค่ะว่ารสชาติอร่อย… เหมือนคนทำไงคะ” คนตัวเล็กว่าพลางปล่อยเสียงหัวเราะคิกคัก ดนัยหัวเราะในลำคอ ก่อนจะส่งช้อนไปให้คนตัวเล็กตักชิม ส่วนเขานำกระทะไปไว้ในซิงค์ล้างจาน แล้วเดินกลับมานั่งตรงข้ามกับเธอในเวลาต่อมา “เป็นไงรสชาติถึงใจเหมือนคนทำไหม?” ชายหนุ่มเย้าหยอก หลังจากเห็นคนตัวเล็กซูดเส้นราวกับฟินสุดๆ “อร่อยมากค่ะ โหพี่นัยสามารถเปิดร้านสปาเก็ตตี้ได้เลยนะคะเนี่ย” คนช่างประจบพยักหน้าตาโต “เวอร์ไปละ” มือหนาแสร้งโยกหัวคนตัวเล็กเบาๆ จากนั้นเขาจึงลงมือทานสปาเก็ตตี้พร้อมกับเธอ ความสุขของทับทิมช่างผ่านพ้นไปเร็วแสนเร็วเมื่อท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้า บัดนี้ความมืดคืบคลานเข้ามาแทนที่ ตลอดระยะเวลาสองปีที่เธอและเขาตกลงมีความสัมพันธ์แบบคู่นอนไร้สถานะ นอกจากเรื่องบนเตียงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ดนัยทำกิจกรรมสนุกๆ แบบนี้ร่วมกับเธอ “ทำหน้าแบบนี้ทำไม?” “ก็ทับทิมไม่อยากกลับนี่คะ” ทับทิมถูศีรษะกับท่อนแขนแข็งแรง ความเป็นกันเองของดนัย ทำให้ทับทิมกล้าที่จะใช้ลูกอ้อนลูกชนกับเขามากขึ้น “ไม่อยากกลับก็นอนค้างอีกสักคืนสิ” “ไม่เอาค่ะ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า แถมประชุมเสร็จต้องไปคุยงานกับลูกค้าอีก” พอได้ยินคำว่าลูกค้าจากยัยตัวร้าย สีหน้าของดนัยเคร่งขรึมขึ้นทันตา หากแต่เธอกลับไม่กลัวเลย อาจเป็นเพราะดนัยมีโครงหน้าไม่ได้เข้มเหมือนผู้ชายไทยทั่วไป ชายหนุ่มผิวขาวหมดจด แถมผิวหน้าก็เกลี้ยงเกลาใสกิ๊ง อาจจะใสกว่าเธอด้วยซ้ำ เลยไม่ได้ดูหน้าดุเลย ออกจะน่าหยอกน่าเอ็นดูมากกว่า “ลูกค้าที่ว่าคงไม่ใช่ไอ้อัศราใช่ไหม?” “ไม่ใช่ค่ะ” บางทีก็นึกสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมดนัยถึงได้เกลียดอัศรานัก “แล้วไป” ชายหนุ่มผละออก แล้วเดินไปหยิบนาฬิกามาสวม ทับทิมมองดูการกระทำของเขาพลางอมยิ้มน้อยๆ “ยิ้มอะไร?” “เปล่าสักหน่อย ก็แค่…” “ก็แค่อะไรบอกมา” ดนัยรีบคว้ายัยตัวร้ายไว้ บอกตามตรงว่าไม่ชอบท่าทางยิ้มยั่วของเธออย่างในตอนนี้เลย “อ๊ะ! พี่นัยทับทิมเจ็บนะ” ทับทิมกรีดร้องเมื่อหน้าอกถูกบีบจากฝ่ามือหนาแรงหนัก “เจ็บสิดี จะได้เจียมตัว ว่าตัวเองยังมีพันธะ ไปมั่วกับใครเขาไม่ได้” ชายหนุ่มดุ และเมื่อเห็นว่ายัยตัวร้ายหน้าแดง เพราะสองเต้าอวบอัดถูกบีบเคล้นแรงไปหน่อย เขาเลยลูบเรือนผมคล้ายปลอบเธอเบาๆ จากนั้นเดินไปคว้ากุญแจรถ “พี่นัยหึงทับทิมใช่ไหม?” “หึ! หึงเหรอ?” สิ้นคำถามเธอ เจ้าของดวงหน้าหล่อเหลา หันมาเหยียดเย้ยคล้ายดูแคลน “เธอคิดว่าตัวเองมีค่าและสำคัญขนาดนั้นเลย เธอมันก็แค่หญิงร่านที่อยากให้พี่เอา คำว่าหึงไม่มีในหัว และก็ไม่มีวันหึงด้วย เพราะพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอนอกจากเป็นที่ระบายความใคร่” ดนัยคงไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดตัวเองได้ทำร้ายหัวใจคนฟังมากแค่ไหน ทับทิมกลบเกลื่อนอาการปวดหนึบหัวใจด้วยการแสร้งยิ้มสวย แล้วไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก นอกจากเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กที่มารดาซื้อให้ในวันเกิดก่อนที่ท่านจะจากไปด้วยโรคร้าย ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาคล้องบ่า แล้วเดินนำเจ้าของห้องออกไป ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ดนัยชังเธอยังไงก็ยังคงชังเธออยู่อย่างนั้น ส่วนเธอนั้นได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่จะเลิกรักผู้ชายใจร้าย ปากร้ายคนนี้ได้เสียที ถ้าถึงวันนั้น เธอจะหนีไปไกลๆ ไม่มาให้เขาเห็นหน้าแม้แต่นิด ได้แต่เฝ้ารอว่าจะถึงวันนั้นเมื่อไหร่ หรืออาจไม่มีวันนั้นเลย… เพราะเธอรักเขามากเกินไป ดนัยเดินตามคนตัวเล็กที่เอาแต่เงียบตั้งแต่ออกจากห้องเขาแล้ว แม้แต่ตอนที่อยู่ในลิฟต์ก็ไม่พูดไม่จากับเขาสักคำ ซึ่งต่างจากทุกวันที่เธอจะต้องหยิบยกสารพัดเรื่องราวมาคุยไม่ว่างเว้น เขายอมรับว่าไม่ชอบท่าทางแบบนี้ของเธอเท่าไร “เงียบทำไม?” “ทับทิมไม่มีอะไรจะพูดนี่คะ” เธอหันมาคลี่ยิ้มหวานให้คู่นอนไร้สถานะ เธอไม่ควรน้อยใจเขา และคาดหวังอะไรทั้งนั้น เพราะพวกเธอตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้วว่าอยู่ในสถานะไหน “แล้วไป” พอได้เห็นรอยยิ้มประดับบนริมฝีปากอวบอิ่มของคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจไม่ได้เสแสร้ง ดนัยรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บอกตามตรงเวลาเห็นเธอเงียบทำหน้าเหมือนคนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เขาเกลียดที่สุด +++++++++++ พี่นัยปากร้ายแบบนี้ระวังเถอะ สักวันน้องอาจจะหนีไปนะคะ

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD