บทนำ
“เจียงจูถิง ต่อไปเจ้าไปเป็นสาวใช้ข้างห้องคุณชายใหญ่”
สิ้นคำสั่งของท่านพ่อบ้านร่างของเจียวจูถิงก็พลันแข็งค้าง ตะเกียบในมือพลันชะงัก อาหารในปากพลันไร้รสชาติ ยามที่สติกลับคืนมานางก็เห็นสายตาของผู้คนรอบข้างจดจ้องมองมาที่นางด้วยความเห็นใจ
“อาถิง เจ้าชอบกินอะไร”
เสียงของสาวใช้วัยใกล้เคียงกันเอ่ยถามนางด้วยความเห็นใจ เพียงแต่ประโยคเช่นนี้... อีกฝ่ายกำลังสาปแช่งให้นางตายใช่หรือไม่
ย้อนกลับไปหนึ่งเดือนก่อนว่านจูถิง กำลังนั่งอ่านนิยายเรื่อง
“ห้วงรัตติกาล”
นิยายจีนโบราณที่กล่าวถึงตัวเอกที่เกิดจากมารดาผู้เป็นอนุ ไต่เต้าฝ่าฟันจนได้เป็นเสนาบดีขวาเคียงข้างบัลลังก์มังกร โดยมีนางเอกที่แสนอ่อนโยนคอยส่งเสริม เพียงแต่อ่านจนจบนางกลับไม่รู้สึกซาบซึ้งกับความรักของพระนางคู่นี้เลย ด้วยเพราะในเรื่องนี้มีตัวร้ายผู้น่าสงสารอยู่ผู้หนึ่งนามว่า
เฉินเจ๋อหยุน
เฉินเจ๋อหยุน ผู้เป็นตัวร้ายของเรื่องนี้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ บิดาเป็นเจ้ากรมอาญา มารดาเป็นบุตรีแม่ทัพอุดร อายุเพียงสิบสี่ก็สอบเป็นขุนนางขั้นเจ็ด อายุยี่สิบก็เลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นห้า หากมิใช่เพราะหลงเชื่อคำลวงของนางเอกที่หวังเพียงส่งเสริมพระเอกของเรื่อง เขาคงมิพลาดพลั้งพาตระกูลเฉินอันรุ่งโรจน์ต้องล่มสลายกลายเป็นนักโทษกบฏ ถูกประหารสิ้นทั้งตระกูล
ตัวเอกที่เหยียบย่ำตัวร้ายเพื่อส่งเสริมตนเองเช่นนี้ ยังจะนับเป็นตัวเอกได้อย่างไร
เป็นประโยคที่ว่านจูถิงกร่นด่านักเขียนทันทีที่อ่านจบ พร้อมกับโยนหนังสือในมือใส่ลังไม้ เพราะไม่คิดจะหยิบมาอ่านอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลับบนเตียงนุ่มของตนเอง เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าหลับเพียงหนึ่งตื่นทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไป หรือเป็นสวรรค์ที่กลั่นแกล้ง ตัวนางจึงได้เข้ามาในนิยายที่ตัวเองก่นด่าเช่นนี้ ที่สำคัญ…
ผู้อื่นล้วนข้ามภพ ทะลุมิติ มาเป็นนางเอก นางร้าย หรืออย่างน้อยก็เป็นตัวประกอบที่มีชื่อในนิยายสักสองบรรทัด เหตุใดพอเป็นนางกลับเป็นเพียงตัวละครไร้ชื่ออย่างเช่นสาวใช้ตัวร้ายเช่นนี้เล่า
“อาถิง เร่งมือหน่อยคุณชายใกล้กลับถึงจวนแล้ว”
ว่านจูถิงที่ยามนี้อยู่ในร่างของสาวใช้นามเจียงจูถิง เร่งหยิบข้าวของใส่ห่อผ้าแล้วก้าวเท้าออกมาจากห้องของตนเอง
“อั๊ยหยา! เหตุใดช้านัก เร็วเข้า เร่งเท้าหน่อย”
สาวใช้วัยกลางคน ที่มีฐานะเป็นแม่นมของคุณชายใหญ่เฉินเอ่ยบ่นนางหนึ่งประโยคก่อนดึงรั้งนางให้เร่งสาวเท้าเดินไปยังเรือนฝั่งตะวันตก
ก่อนหน้านี้ตอนที่อ่านนิยายเรื่อง “ห้วงรัตติกาล” นักเขียนบรรยายถึงตัวร้ายเฉินเจ๋อหยุนว่าเป็นบุรุษมากปัญญา เจ้าเล่ห์ และโหดเหี้ยม เพียงแต่ว่านจูถิงอ่านจนจบเรื่องนางก็ยังคิดถึงความโหดเหี้ยมของเขาไม่ออกสักนิด บุรุษที่ทุ่มเทในความรัก ยินดีมอบแม้แต่ลมหายใจของตนเองให้ผู้เป็นนางเอกของเรื่อง บุรุษเช่นนี้จะเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมร้ายกาจได้อย่างไรกัน
เพียงแต่นั่นเป็นความคิดในตอนที่นางยังเป็นเพียงนักอ่าน ว่านจูถิง เพราะนับจากชะตาพานางเข้ามาในนิยายเรื่อง “ห้วงรัตติกาล” คำว่าโหดเหี้ยม สำหรับตัวร้ายเฉินเจ๋อหยุนผู้นี้แล้ว ยังนับว่าน้อยเกินไป
“ท่านป้าชุน ข้าเป็นคนไม่รู้ความเกรงว่าจะทำให้คุณชายใหญ่ขุ่นเคือง มิสู้ท่านเปลี่ยนให้ผู้อื่นมาดูแลคุณชาย”
“อาถิง มิใช่เจ้าบอกข้าว่าอยากไถ่ถอนตัวเองหรือ”
“ข้า...”
“เป็นสาวใช้ข้างห้องคุณชายใหญ่จะได้ค่าตอบแทนพิเศษเดือนละห้าสิบเหรียญทองแดง เจ้าอดทนรับใช้คุณชายใหญ่หนึ่งปีก็ไถ่ถอนตัวเองได้แล้ว”
เจียงจูถิงส่งยิ้มแห้งให้อีกฝ่าย แม้นางไม่อยากเป็นสาวใช้ แต่ก็ยังอยากมีชีวิต ถึงแม้จะในโลกนิยายก็ตาม
แม้การรับใช้คุณชายใหญ่จะมีค่าตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ที่ผ่านมามีสาวใช้ข้างห้องคุณชายใหญ่คนใดมีชีวิตที่ดีเกินหนึ่งเดือนบ้างเล่า สาวใช้พวกนั้นหากไม่ก็ถูกโบยจนตาย ก็ถูกตัดมือตัดเท้า ตัดลิ้น ควักลูกตา หรือเบาหน่อยก็ถูกขายต่อไปยังหอนางโลม
นางไปรับใช้เขาเช่นนี้ ไม่เท่ากับฆ่าตัวตายหรือไร
“แต่ข้าเกรงว่าจะทำให้คุณชายใหญ่ไม่พอใจ”
“คุณชายใหญ่ไม่ใช่คนใจร้ายเจ้าอย่าได้กังวล”
ไม่ใช่คนใจร้าย ท่านป้าชุน ท่านเข้าใจสิ่งใดผิดหรือไม่ หากการกระทำที่ผ่านมาของเขาไม่เรียกว่าใจร้าย โหดเหี้ยม ควรใช้คำว่าอะไรกัน อำมหิตเลือดเย็น อย่างนั้นหรือ
“อาถิง เจ้าจำไว้คุณชายใหญ่เป็นคนหวงเนื้อหวงตัว เจ้าเพียงแค่ไม่สัมผัสตัวคุณชายเท่านี้ก็ไม่เกิดปัญหาใดแล้ว”
สัมผัสตัว ประโยคนี้ย่อมหมายถึงมิได้หมายถึงการถูกเนื้อต้องตัวอีกฝ่าย แต่หมายถึงการสัมผัสยั่วยวนพ่อตัวร้าย แน่นอนว่าเรื่องเสี่ยงต่อชีวิตเช่นนี้ต่อให้ท่านป้าชุนไม่บอก เจียงจูถิงก็ไม่คิดจะทำ
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“ดีมาก! ไปเถิดอย่ามัวโอ้เอ้ คุณชายใหญ่ไม่ชื่นชอบยามที่กลับมาแล้วไม่มีคนปรนนิบัติ”
..................................