บทที่1.3 แรกพานพบ
ต้นยามเหม่า เจียงจูถิงค่อยๆ ปรือตาตื่น แม้ท้องฟ้าด้านนอกยังคงมืดมิดแต่แสงเทียนในห้องกลับสว่างไสว นางค่อยๆ ขยับตัวหมายจะก้าวขาลงจากเตียง เพียงแต่ยามที่คิดถึงคำขู่ของคนข้างกายร่างกายก็พลันแข็งค้าง ดึงเท้าเล็กของตนกลับขึ้นเตียงในทันที
หากเจ้ากล้าก้าวขาลงจากเตียง ข้าจะหักขาเจ้า
เฉินเจ๋อหยุนเป็นคนพูดจริงทำจริง เรื่องนี้คนในจวนเฉินรู้ดี หากเขาบอกจะหักขานางแน่นอนว่าเขาก็จะทำจริงๆ หรือต่อให้เขาแค่คิดข่มขู่นาง นางก็ไม่กล้าเอาขาน้อยๆ ของตนไปเสี่ยงกับโทสะของเขา สุดท้ายเจียงจูถิงจึงทำได้เพียงทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง
แต่เพราะเจียงจูถิงตื่นนอนเวลานี้จนเคยชิน ดังนั้นให้พยายามอย่างไรก็ไม่อาจหลับลงได้อีก ดวงตาเรียวจึงหันมามองประติมากรรมที่งดงามข้างกาย บนใบหน้าพลันมีรอยยิ้มบาง
ทั้งที่มีใบหน้าแสนอ่อนโยนเช่นนี้ เหตุใดจึงได้โหดเหี้ยมนัก
“อยากโดนควักลูกตาใช่หรือไม่”
ยามได้ยินถ้อยคำข่มขู่ดังมาจากคนข้างกายที่ยังหลับตาอยู่ ดวงตาเรียวก็หลับลงในทันที ทั่วทั้งตัวแข็งค้างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
เฉินเจ๋อหยุนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ตั้งแต่นางขยับตัวตื่นเขาก็รู้สึกตัวแล้ว เพียงแต่เขาอยากรู้ว่าในยามที่เขาหลับใหลสาวใช้คนใหม่ผู้นี้จะมีพฤติกรรมอย่างไร
จะพยายามแสดงท่ายั่วยวนเขาหรือไม่ หรือ จะมองเขาด้วยความสมเพช หรือ จะพยายามลอบฆ่าเขา เพียงแต่สิ่งที่เขาคาดคิดนางกลับไม่ทำ ตรงข้ามนางกลับทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด อย่างเช่น
นอนมองเขาด้วยรอยยิ้มลุ่มหลง
ในใจเขาพลันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด ยามเห็นท่าทางคนแกล้งหลับจนตาหยีคิ้วขมวด มุมปากก็ยกขึ้นยิ้มขบขันโดยไม่รู้ตัว
เจียงจูถิงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยามที่ดวงตาเรียวเปิดออก แววตาขบขันก่อนหน้าของคนข้างกายก็ถูกซุกซ่อนเอาไว้แล้ว หลงเหลือเพียงใบหน้าที่นิ่งสงบเยือกเย็นเท่านั้น
“คุณชายตอนนี้สายมากแล้ว บ่าวจะไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้ท่านเจ้าค่ะ”
“ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า”
เจียงจูถิงขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย นางเป็นสาวใช้ข้างห้องของเขา เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนเป็นหน้าที่ของนางมิใช่หรือไร
“แต่...”
“ไปทำธุระของเจ้าให้เรียบร้อย แล้วมากินข้าวเช้ากับข้า”
กินข้าวเช้ากับเขา นางเป็นสาวใช้จะกล้ากินข้าวร่วมโต๊ะกับเขาได้อย่างไร เรื่องเช่นนี้ให้อย่างไรก็ไม่สมควร
“คุณชายเรื่องนี้ไม่...”
“อยากถูกตัดลิ้นใช่หรือไม่”
เจียงจูถิงได้ยินคำข่มขู่ของอีกฝ่ายก็เร่งยกมือขึ้นปิดปากของตนเองในทันที พลางส่ายหน้าไปมา
“สองเค่อ ข้าต้องเห็นเจ้าที่โต๊ะอาหาร”
สองเค่อ เวลาเท่านี้นางยังอาบน้ำไม่ทันเสร็จด้วยซ้ำ เจียงจูถิงไม่เสียเวลาเอ่ยต่อรองกับเขาเพราะรู้ดีว่าเอ่ยไปก็ไร้ประโยชน์ จึงทำเพียงหมุนกายลงจากเตียงวิ่งไปยังห้องเล็กข้างห้องของเขา หยิบชุดผลัดเปลี่ยนล้างหน้าเช็ดเนื้อตัวอย่างรวดเร็ว ยามที่รวบผมขึ้นเสร็จก็ครบเวลาสองเค่อพอดี
....................................................
เฉินเจ๋อหยุนมองสาวใช้คนใหม่ของตนที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างโต๊ะอาหารแล้วยกมุมปากขึ้นอย่างพึงพอใจ ยามกลับมาที่จวนเขาไม่ชื่นชอบการอยู่คนเดียว ไม่ว่าจะยามหลับ หรือยามตื่นล้วนไม่ชื่นชอบ ดังนั้นหลายปีมานี้จึงต้องมีสาวใช้ข้างห้องมาคอยอยู่เป็นเพื่อน
เพียงแต่ที่ผ่านมาสาวใช้พวกนั้นเพียงเขาบอกให้อาบน้ำให้เขาก็ลูบไล้เนื้อตัวเขา เขาบอกให้ขึ้นเตียงก็เปลื้องผ้ายั่วยวนเขา เขาอนุญาตให้ร่วมโต๊ะก็ทำตัวเย่อหยิ่งลำพองราวเป็นภรรยาของเขา ดังนั้นที่ผ่านมาเขาจึงเปลี่ยนสาวใช้บ่อยครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เขากลับไม่คิดเปลี่ยนคน
“นั่งลง!”
เจียงจูถิงเริ่มคุ้นชินกับน้ำเสียงเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา อีกทั้งยังเรียนรู้เพิ่มเติมคือ
ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไร ขอเพียงนางยอมทำตาม แขนขา ตลอดจนส่วนต่างๆ บนร่างกายของนางก็จะปลอดภัย
“กินเนื้อให้มาก เจ้าผอมไป”
เฉินเจ๋อหยุนเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าสาวใช้ของเขาเอาแต่คีบข้าวเปล่าใส่ปาก สุดท้ายเมื่อตะเกียบนางยังไม่ขยับเขาจึงคีบเนื้อใส่ชามนางอย่างรำคาญใจ
“ขอบคุณ คุณชายเจ้าค่ะ”
ยามที่ได้ยินคำขอบคุณ พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนจากคนตรงหน้า ตะเกียบของเฉินเจ๋อหยุนก็ชะงักไป ในใจของเขากระตุกค้างหากแต่เพียงเสี้ยวลมหายใจทุกอย่างก็กลับมาเยือกเย็นดังเดิม
“ดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้ใครตำหนิว่าเรือนคุนหมิงได้”
เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะวางตลับยาลงบนโต๊ะแล้วลุกจากไป เจียงจูถิงไหนเลยจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร สุดท้ายจึงทำเพียงเก็บอาหารและตลับยาบนโต๊ะใส่ลิ้นชักเล็กเท่านั้น
....................................................
เมื่อเฉินเจ๋อหยุนไม่อยู่ที่จวน เจียงจูถิงก็ช่วยสาวใช้ในเรือนเก็บกวาดเรือนของเขา เพียงแต่ท่านป้าชุนเคยกล่าวว่าภายในเรือนของคุณชายเฉินผู้นี้ เจียงจูถิงจะไปที่ใดก็ได้ มีเพียงห้องหนังสือของเขาที่ห้ามผู้ใดเข้าไป แน่นอนว่าเจียงจูถิงที่รักชีวิตย่อมไม่คิดก้าวเท้าเข้าไป หรือกล่าวให้ถูกคือนางไม่แม้แต่จะแตะประตูหน้าห้องเสียด้วยซ้ำ ทำเพียงกวาดใบไม้ที่หน้าห้องเท่านั้น
“คุณชายรอง คุณชายใหญ่ไม่อยู่เรือนขอรับ”
เสียงของ ต้าสง บ่าวชายหน้าเรือนคุนหมิงเอ่ยรายงานด้วยท่าทางอ่อนน้อม หากแต่ผู้มาเป็นคุณชายรองเฉิน ที่แม้จะถือกำเนิดจากมารดาผู้เป็นอนุ แต่ทั้งจวนตระกูลเฉินล้วนรู้ดีว่าอนุสามเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของนายท่านเฉินที่สุด ดังนั้นในจวนตระกูลเฉินนี้คุณชายรองเฉินเจ๋อหรานจึงนับว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่มิควรลบหลู่
“แต่ข้าจะเข้าไป! หลบ!”
กล่าวจบเขาก็ผลักบ่าวชายหน้าเรือนผู้นั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น บรรดาสาวใช้ในเรือนต่างพากันตื่นตระหนก ขยับตัวหลบหลีกไปจนหมด
เจียงจูถิงที่ยืนถือไม้กวาดอยู่หน้าห้องหนังสือเห็นอีกฝ่ายพุ่งตรงมาก็ขยับตัวไปขวางกั้น
“คุณชายรอง”
“หลบไป!”
เฉินเจ๋อหรานตวาดดังก้องอย่างขุ่นเคือง เพียงแต่เจียงจูถิงเคยถูกพ่อตัวร้ายทั้งตะวาดทั้งข่มขู่มาก่อน เช่นนี้แล้วถ้อยคำของคุณชายรองย่อมไม่ทำให้นางตื่นกลัว ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“เรียนคุณชายรอง ห้องหนังสือคุณชายใหญ่ลงกลอนเอาไว้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปเอากุญแจมาไข หากไม่มีกุญแจก็หลีก ข้าจะพังเข้าไปเอง”
“ย่อมต้องมีเจ้าค่ะ”
มีที่ไหนกันเล่า เจียงจูถิงนึกก่นด่าในใจ ห้องหนังสือคุณชายใหญ่เป็นเขตต้องห้าม ผู้คนทั้งจวนตระกูลเฉินต่างรู้ดี แต่คนตรงหน้ายังหมายใจจะเข้าไป เช่นนี้มิเท่ากับประกาศตัวงัดข้อกับคุณชายใหญ่หรือ แน่นอนว่าเจียงจูถิงเป็นสาวใช้ของคุณชายใหญ่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา นางก็รู้ว่าต้องยืนอยู่ฝั่งไหน
“อากาศวันนี้ร้อนไม่น้อย ระหว่างรอบ่าวไปเอากุญแจมาไขห้องหนังสือ คุณชายรองท่านไปหลบแดดในห้องรับรองก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ”
ท่าทางอ่อนโยน น้ำเสียงอ่อนหวานของสาวใช้ตรงหน้าสร้างความพึงพอใจให้เฉินเจ๋อหรานไม่น้อย เขาขยับตัวมาประชิดนางก่อนจะใช้มือจับปลายคางนางเงยขึ้น พินิจดวงหน้าอีกฝ่าย
“ในจวนของข้ามีสาวใช้หน้าตางดงามถึงเพียงนี้เชียว”
เจียงจูถิงถูกอีกฝ่ายใช้วาจาคุกคามซึ่งหน้าในใจย่อมรู้สึกขุ่นเคือง เพียงแต่ในเวลาที่เฉินเจ๋อหยุนผู้เป็นเจ้าของเรือนไม่อยู่ นางย่อมไม่สมควรสร้างความขุ่นเคืองให้เฉินเจ๋อหรานผู้เป็นน้องของเขา
“เช่นนั้นเชิญคุณชายรองที่ห้องรับรองก่อนนะเจ้าคะ”
เฉินเจ๋อหยุน อยากครอบครองเรือนฝั่งตะวันตกนี้มานานแล้ว เมื่อมีโอกาสเขาย่อมเดินสำรวจให้มากหน่อย ดังนั้นจึงยอมทำตามคำของอีกฝ่ายโดยง่าย
เจียงจูถิงพาคุณชายรองเฉินมาที่ห้องรับรอง ก่อนจะจุดกำยานที่เฉินเจ๋อหยุนมักใช้จุดยามเข้านอน
“กลิ่นนี้”
“เป็นกำยานที่คุณชายใหญ่ใช้ประจำเจ้าค่ะ”
นอกจากจุดกำยานแล้ว เจียงจูถิงยังรินชาให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ เฉินเจ๋อหรานฉวยโอกาสที่หญิงสาวส่งถ้วยชาให้เขาลอบสัมผัสมือขาวของนางอย่างจงใจ เจียวจูถิงขบกรามแน่นด้วยโทสะที่เริ่มรุกโชน แต่ในยามนี้นางจำต้องสงบอารมณ์ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มแสร้งเขินอาย ก่อนจี่นางจะเบี่ยงหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย แล้วดึงมือของตนออกจากมือหนาอย่างเป็นธรรมชาติ
“บ่าวจะเร่งไปเอากุญแจ คุณชายรองโปรดรอสักครู่”
เฉินเจ๋อหรานยกมุมปากเย้ยหยัน มองตามร่างเย้ายวนที่เดินจากไปด้วยใจที่หมายมั่น เจียงจูถิงแสร้งหันกลับมามองเขาด้วยแววตาเขินอาย ลงมือปิดประตูห้องแล้วเดินจากไป
เฉินเจ๋อหยุน ทุกสิ่งที่เป็นของเจ้าข้าจะแย่งชิงมาให้หมด
....................................................