บทที่ 6

1115 Words
เป็นเวลากว่าร่วมสัปดาห์แล้วที่ปภาวรินทร์ได้ย้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเหมืองแห่งนี้อย่างเต็มตัวโดยไร้วี่แววของสามีในอนาคตของตัวเอง แต่หญิงสาวกลับได้ร้อนรนเลยแม้แต่น้อยที่อีกฝ่ายพยายามหลบหน้ากัน เธอกลับรู้สึกสบายใจมากกว่าจนถึงขั้นอยากอยู่ในสถานะคนอาศัยแบบนี้แทนที่จะเป็นภรรยาของคนๆ นั้นไปเลย            คนที่เธอยังไม่เคยแม้แต่เห็นหน้าของเขาว่าจะเป็นอย่างไร!!            “มีอะไรสงสัยก็ถามมาเถอะ มัวแต่นั่งอ้าปากค้างอยู่นั่นแหละแม่น้อมก็” คุณมานพตัดสินใจเอ่ยถามนางน้อมที่จู่ๆ ก็เดินขึ้นมาหาตน  สายตาจ้องมองไปยังอีกคนซึ่งตอนนี้กำลังนั่งเช็ดแจกันเรือนเก่าอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องพร้อมกับสีดาสาวใช้ที่เธอสนิทมากกว่าใครๆเพราะอีกฝ่ายนั้นอายุไม่ได้ห่างกันสักเท่าไหร่            “น้อมแค่สงสัย…ว่าคุณท่านไม่ได้พามาผิดตัวแน่เหรอคะ คุณรินเธอเหมือนจะเป็นคนใช้เสียมากกว่าลูกสาวของคนรวยในเมืองกรุง งานบ้านงานเรือนรึก็ทำเป็นหมด ไหนจะอาหารการกินอีก นี่เด็กในครัวบ่นกันระงมว่าแม่คุณเธอแย่งงานทุกคนทำตั้งแต่ล้างจานยันล้างส้วม!” นางน้อมอดไม่ได้ที่ต้องสอบถามตามที่สงสัย เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นแขกของเจ้านายทำตัวเหมือนคนใช้เสียมากกว่าแขก ไม่ว่าจะตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อลงครัวช่วยพวกสาวใช้ทำอาหาร พ้นกลางวันหน่อยก็ลงสวนช่วยคนงานถางหญ้าผสมปุ๋ยแปลงกุหลาบที่หน้าบ้าน ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ เลยสักวัน!            “แล้วแม่น้อมไม่ชอบรึ” คุณมานพย้อนถามอย่างยิ้มๆ อันที่จริงเขาเองก็เคยห้ามแล้วแต่ปภาวรินทร์ก็ดึงดันที่จะทำเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ สุดท้ายจึงจนใจปล่อยให้หญิงสาวได้ทำตามใจตัวเอง            “ก็ชอบคะ…เอ้ย! คือน้อมหมายถึงเธอก็ดีค่ะ ไม่ดัจริตเหมือนนังคนก่อนๆ ที่คุณราชหิ้วกลับบ้าน แต่คนเราต้องดูกันไปนานๆ บางคนก็อาจแสร้งเป็นแสนดีแต่รับหลังเหลือร้ายก็มีถมเถไป”            “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ฝากแม่น้อมช่วยสอดส่องหนูรินไปเลยก็แล้วกันนะ ว่าเธอเป็นคนแบบไหนแน่ ฉันเชื่อว่าเรื่องแบบนี้มันคงไม่เกินความสามารถของแม่น้อมไปได้หรอก จริงไหม” ชายชราเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปรายตาของว่าที่ลูกสะใภ้แสนขยันพร้อมความมั่นใจ เขาเชื่อว่าเขามองคนไม่ผิด แม่หนูคนนี้นี่แหละสะใภ้ในฝันเลย            “คุณท่านพูดเองนะคะ อย่าหาว่าน้อมรังแกเด็กไม่ได้นะคะ”            “เอาตามที่แม่น้อมสบายใจ แต่อย่ารุนแรงนักถือเสียว่าเห็นแก่หน้าฉัน อีกอย่างหนูรินเธอน่าสงสาร เธอผ่านเรื่องแย่ๆ มามากพอแล้ว เอาแต่พอดีเถอะนะ” หญิงชราหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะยอมตอบตกลง นางเองก็ใช่ว่าจะรังเกียจในตัวของหญิวสาวสักเท่าไหร่ ก็แค่อยากลองพิสูจน์อะไรหลายๆ  อย่างเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง            ว่านางไม่ได้กำลังเป็นปลื้มให้กับคนที่กำลังแสดงละครอยู่มันก็เท่านั้นเอง…            ปภารินทร์จำต้องละมือจากงานเมื่อจู่ๆ สีนวลหนึ่งในสาวใช้ก็เดินมาเรียกให้เธอต้องเดินมาพบกับป้าน้อมหญิงชราที่ถึงแม้จะดุไปสักหน่อยแต่เธอกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นน่ารักเกินกว่าจะน่ากลัว เพราะยิ่งใกล้ชิดมันยิ่งทำให้เธออดคิดถึงแม่นมของตัวเองขึ้นมาไม่ได้            ยิ่งคิดถึงมากแค่ไหนก็ยิ่งรู้สึกเหงามากขึ้นเท่านั้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าแอบโทรกลับไปหาอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้            “ป้าน้อมเรียกรินมีอะไรรึเปล่าคะ”  หญิงสาวถามเมื่อมาถึง            “คุณเอากับข้าวนี่ไปส่งที่กระท่อมให้หน่อยสิ ป้าเขียนแผนที่เอาไว้ให้แล้ว เดินจากตรงนี้ไปไม่ไกลหรอก” นางน้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ก่อนจะยัดปิ่นโตที่อัดแน่นไปด้วยของโปรดของนายน้อยให้อีกคนไป   ไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอได้อ้าปากปฏิเสธออกมา            “ได้สิคะ” ปภาวรินทร์ไม่รีรอที่จะรับปาก เพราะอยากพิสูจน์ให้หญิงสาวชราตรงหน้าได้เห็นว่าเองก็ทำประโยชน์ให้กับทุกๆ คนได้            หญิงสาวออกตัวเดินไปเบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้ม โดยหารู้ไม่ว่าคนที่แม่บ้านวัยชราส่งเธอไปเจอนั้น คือคนที่อันตรายยิ่งกว่าใครๆ            คำว่า ‘ไม่ไกลหรอก’ ของหญิงชรานั้นดูไม่ได้ใกล้เคียงจากความจริงตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย  เพราะยิ่งเดินมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูเหมือนกับว่าจุดหมายของตนเองนั้นมันจะยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังกัดฟันสู้แดดที่ร้อนเปรี้ยงพาตัวเองมาถึงที่หมายได้สำเร็จ ถึงแม้ว่ามันจะกินเวลาไปถึงครึ่งคร่อนวันเลยก็ตามที            หญิงสาวลอบมองหาใครสักคนที่จะมารับปิ่นโตในมือนี้ต่อแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบแม้เงาของสิ่งมีชีวิตเธอจึงก้าวเท้าเข้ามาภายในกระท่อมอย่างถือวิสาสะเพราะคิดเอาไว้ว่าอาจจะมีใครสักคนอยู่ด้านใน  แต่ไม่ช้าก็ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำซากเมื่อไม่เจอใคร            นอกจากเจ้าแมวสีขาวตัวกลมที่กำลังยืนขู่แยกเขี้ยวใส่กันอยู่ “ไงจ๊ะเจ้าตัวเล็ก รู้จักหวงบ้านด้วยเหรอเรา น่ารักจริงๆ เลย” แทนที่จะกลัวเธอกลับรู้สึกว่ามันน่ารักมากกว่า ตัวรึก็เล็กกลมแต่ก็ยังแสดงท่าทีหวงอาณาเขตของตัวเองได้อย่างตั้งอกตั้งใจ  ฉลาดจริงๆ            “ฉันมาดีนะ แค่เอากับข้าวมาส่งเฉยๆ นี่ไงเห็นไหม” เจ้าแมวตัวน้อยหยุดนิ่งเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่าง มันค่อยๆ เดินตรงเข้ามาใกล้คนแปลกหน้า สูดดมรอบๆ ตัวหญิงสาวเหมือนยังไม่คิดจะปล่อยวางความกังวลลงโดยง่าย ครั้นพออีกฝ่ายยิ้มละมุนมาให้ รอยยิ้มที่คล้ายคลึงกับเจ้านายเก่าซึ่งลาโลกไปแล้วจึงยอมเข้าหา ส่งใบหน้าที่อัดแน่นไปด้วยขนปุยสีขาวเข้าไปคลอเคลียต้นขาของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD