บทที่ 9

1105 Words
“ถ้าอย่างงั้นป้าจะอยู่รอเป็นเพื่อนคุณรินด้วยค่ะ ตามนี้นะคะ!” เหมราชชักสีหน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าขัดใจอะไรแม่นมมากนักเพราะเหมือนอีกฝ่ายชักจะไม่พอใจเขาขึ้นมาหน่อยๆ แล้วเหมือนกัน            ปภาวรินทร์เดินตามป้าน้อมออกมานั่งรอเหมราชทานข้าวกลางวันที่หน้ากระท่อม แต่เพียงแค่ทิ้งตัวลงนั่งเจ้าแมวที่ก่อนหน้านี้เคยแปรพักตร์กลับวิ่งพรวดพราดออกมานั่งตักของเธออย่างรวดเร็ว หนำซ้ำยังหันไปแยกเขี้ยวขู่นางน้อมที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนจะหวงกันจนอีกคนต้องรีบขยับหนีเพราะครั้งหนึ่งเจอฤทธิ์ของไอ้ขนุนมากับตัว            “ขนุนมานี่!” แม้แต่เหมราชเองก็หงุดหงิดเมื่อได้เห็นแมวแสนรักของตัวเองที่นอกจากเขากับผู้เป็นแม่แล้วมันก็ไม่เคยเข้าใกล้ใครมันมักจะชอบแยกเขี้ยวไล่ตะปบเขาไปทั่วจนตอนนี้แค่ได้เห็นหางของมันไวๆ พวกคนงานภายในเหมืองก็วิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง  แต่ดูแม่คนนี้…ไหงมันถึงได้พาตัวเองไปคลอเคลียทำเหมือนว่าหล่อนเป็นเพื่อนรักที่พลัดพรากกันมานานแรมปีก็ไม่ปาน!!            “หงิงๆ” แมวอ้วนที่ถูกเรียกนอกจากจะไม่ยอมเดินกลับไปหาเจ้านายตัวเองแล้วยังซุกใบหน้าลงบนซอกขาอุ่นๆ ของหญิงสาวที่มันถูกชะตาอย่างเอาอกเอาใจ ภาพนั้นทำให้ปภาวรินท์ถึงกับยิ้มออกมา            “มันชื่อขนุนหรอกเหรอคะ น่ารักจัง ชื่อสมกับตัวมากด้วย” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหัวแมวน้อยเบาๆ พร้อมหันไปพูดกับนางน้อมที่นั่งกลืนน้ำลายอย่างหวั่นๆ  เพราะว่าไม่มีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน            “คุณไม่ควรไปลูบหัวมันแบบนั้นนะคะ ไอ้นี่น่ะดุนักเชียว แต่ก็น่าแปลกที่มันยอมเข้าใกล้คุณ ปกติแล้วนอกจากคุณราชกับคุณทอฝันแล้วมันก็ไม่เคยยอมเข้าใกล้ใครเลยสักคน” คำบอกเล่าที่ได้ยินทำให้หญิงสาวชะงักไปชั่วครู่ เธอเผลอหันไปจ้องมองเหมราชชั่วครู่ก่อนจะรีบเบือนสายตาหลบเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังจ้องมาที่เธอเช่นกัน            สองมนุษย์กับหนึ่งแมวนั่งรออยู่สักพักอีกคนที่อยู่ในกระท่อมก็เดินกลับออกมาพร้อมยื่นปิ่นโตให้คนที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด ปภาวรินทร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ เธอหันไปมองนางน้อมเหมือนจะขอความช่วยเหลือแต่อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับ เหมือนจะบอกให้เธอรู้ว่าเหมราชยื่นปิ่นโตให้กับใครมันก็เท่ากับว่าเขาต้องการให้คนๆ นั้นรับไป คิดเช่นนั้นมือน้อยๆ  จึงเอื้อมไปรับมันมาถือเอาไว้            “ถ้าไม่มีอะไรแล้วป้ากับคุณรินขอตัวกลับบ้านใหญ่ก่อนนะคะ แล้วตอนเย็นคุณราชอยากทานอะไรดีคะเดี๋ยวป้าให้เด็กเอามาให้” นางน้อมเอ่ยทำลายความเงียบก่อนกันถามนายน้อยของตนเอง            “ไม่ต้องครับ เย็นนี้ผมจะกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้าน!” ซึ่งคำตอบที่อีกฝ่ายตอบกลับมานั้น ก็ทำเอาหญิงชราเริ่มชักรู้สึกหวั่นๆ ไหนจะรอยยิ้มที่เหมราชจงใจทิ้งให้คนข้างกายนางนั่นอีก เห็นทีว่างานนี้ปภาวรินทร์คงต้องรับศึกหนักเข้าแล้ว เพราะเมื่อใดก็ตามที่นายน้อยของนางแสยะยิ้มเช่นนั้นออกมา รับรองได้เลยว่าภายในหัวนั้นย่อมเต็มไปด้วยแผนการร้ายอย่างแน่นอน แผนการที่นางเองก็ยากจะเดาว่าเหมราชนั้นกำลังคิดที่จะกระทำสิ่งอยู่กันแน่…            “คุณรินไม่เป็นอะไรนะคะ” หญิงชราตัดสินใจหันกลับมาถามเธอในทันที รู้สึกผิดก็รู้สึกที่เป็นต้นเหตุทำให้อีกคนต้องเจอกับอะไรเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะนางอยากจะลองใจอีกฝ่ายดูแล้วล่ะก็เรื่องบ้าๆแบบนี้ก็คงจะไม่เกินขี้นแน่            “รินสบายดีค่ะ เรากลับกันเถอะนะคะป้าน้อม ออกมานานกันแบบนี้คุณลุงคงเป็นห่วงแย่แล้ว” ปภาวรินทร์เลือกที่จะตอบเพื่อให้อีกคนสบายใจ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเธอเองก็ใจสั่นต่อรอยยิ้มของเหมราชเมื่อสักครู่นี้เช่นกัน รอยยิ้มของเขามันทำให้เธอเริ่มกลัวขึ้นมาหน่อยๆ กลัวกับการรับมือความร้ายกาจของเขาที่ต้องเผชิญนับต่อจากนี้ไปกลัวไปหมดว่าอีกคนนั้นจะเล่นงานเธอในรูปแบบไหน            เธอรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเขาน่ะร้ายกาจมาก            แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะร้ายได้สักแค่ไหน และก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองจะอดทนอยู่ในสภาพที่อยากหนีก็ทำไม่ได้ อยากเดินเข้าไปเผชิญหน้าก็ยังไม่กล้าพอนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ เธอรู้แค่เพียงว่ามันคงนานมาก หรือไม่บางทีมันอาจจะเนิ่นนานจนไม่มีที่สิ้นสุดเลยก็ว่าได้            แต่ในเมื่อเลือกแล้วที่จะพาชีวิตเดินมาในเส้นทางนี้เธอก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเธอเองเท่านั้น แต่เพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณมานพที่อุตส่าห์หยิบยื่นน้ำใจช่วยเหลือครอบครัวเธอ            ครอบครัวที่คงไม่มีทางรู้หรอกว่าเธอต้องเจอกับอะไรบ้างที่นี่ เหมราชปรากฏตัวขึ้นในช่วงหัวค่ำของวัน แต่ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการหนีบเอาลั่นทมกับลำดวนสองสาวพี่น้องฝาแฝดติดมือมาด้วย ภาพนั้นทำให้คนเป็นพ่อที่รู้อยู่ก่อนหน้าแสยะยิ้ม คิดเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่าไอ้ลูกชายมันคงไม่ยอมกลับมามือเปล่าแน่ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้แทบจะทั้งหมด            “ผมมาช้าไปหน่อย พอดีว่าต้องรอสาวๆ เขาแต่งตัว เริ่มทานกันเลยไหมครับ” เหมราชหันไปบอกบิดาหลังจากที่จัดแจงให้สาวๆ นั่งขนาบตัวเอง ไม่คิดจะหลงเหลือที่ว่างข้างกายให้ใครบางคนที่กำลังนั่งหน้าเสียอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกัน ใครบางคนที่ตอนนี้ปากบวมเจ่อจนแทบจะจำเคร้าโครงเดิมไม่ได้เพราะพิษจูบอันร้อนแรงของเขา แค่ได้เห็นภาพตรงหน้า มันก็ทำเอาคนที่หงุดหงดมาทั้งวันอารมณ์ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD