ที่นี่ที่ไหน 2

2423 Words
หลังจากที่ฮูหยินกลับซีได้แต่นอนนิ่งพลางนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ไม่ใช่ฝันจริงหรือที่แห่งมันอยู่ส่วนใดของโลกนะการแต่งตัวของหญิงเมื่อครู่นี้เหมือนกับหนังจีนกำลังภายในที่เธอชอบดู "ยัยเหมยตื่นๆ "ต้องลองปรึกษาเพื่อนของเธอเสียก่อน "อืม อะไรเหรอยัยซี" เหมยงัวเงียลุกขึ้นมามองหน้าเพื่อนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ "แกลืมตาดูดีๆซิเราอยู่ที่ไหนกัน"ซีได้ต่อถอนหายใจคนที่ไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งใดคงมีแต่เพื่อนเธอคนนี้นี่แหละ "เอ๋!!นี่เราอยู่ที่ไหนล่ะทำไมเราห้องมันดูแปลกชุดที่ใส่ก็แปลกอีกนี่พวกเราถูกส่งมาที่ไหนกัน" ยังไม่ทันได้สงสัยอะไรมากพวกเธอก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างนอกหวังว่าคงไม่ใช่คนไม่ดีนะเหมยคิดอย่างที่เธอเคยอ่านเจอ "ขออนุญาตค่ะคุณหนูพวกเราเป็นสาวใช้ของฮูหยินท่านได้ให้พวกเรามาคอยรับใช้คุณหนูทั้งสองเจ้าค่ะ" สองสาวต่างมองหน้ากันและมีคำถามในหัวเหมือนกันว่า ‘นี่เรามาโผล่ที่ไหนกัน’ "เข้ามาเถอะพวกเราตื่นแล้ว" เหมยส่งเสียงไปอย่างตื่นเต้น "เจ้าค่ะ" สาวใช้ที่ถูกส่งมาดูแลมีถึงสามนางด้วยกันพวกนางทั้งสามต่างตกตะลึงถึงความงดงามของหญิงสาวทั้งสองคนตั้งแต่เกิดมาหญิงที่ว่างามล่มเมืองก็ไม่อาจสู้พวกนางทั้งสองคนได้แม้แต่น้อย ดูจากหน้าตาอายุหน้าจะไม่เกิน17ปีอย่างแน่นอน ยังเยาว์วัยยิ่งนักและยังสามารถงดงามได้อีก ไม่ต้องเดาก็พอจะนึกออกว่าภายภาคหน้าที่จวนเจ้าเมืองคงวุ่นวายเพราะสาวงามปานล่มเมืองสองนางนี้อย่างแน่นอน "พวกเรา..เอ่อพวกข้ามาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไร" ซีเอ่ยถามทันทีถึงยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าตอนนี้พวกเธอได้มาเกิดใหม่ที่ไหน "เรียนคุณหนูที่นี่คือจวนของเจ้าเมืองหนายโจมีนามว่าตงโฉท่านเจ้าเมืองเจอคุณหนูทั้งสองเมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่ไปไหว้บรรพบุรุษที่หุบเขาแสงจันทร์เห็นคุณหนูทั้งสองไม่ได้สติจึงได้นำตัวกลับมารักษาที่จวนเจ้าค่ะ" "เอ่อ..แล้วที่นี่เมืองหลวงชื่ออะไรหรือ" "เมืองหลวงมีชื่อว่าเมืองลั่วหยางเจ้าค่ะ" "ห๊ะ!!!"เสียงอุทานของซีทำให้หญิงสาวทุกคนในห้องถึงกับสะดุ้ง ทำไมถึงส่งมาไกลขนาดนี้กันตอนนี้ฉันกับเพื่อนกลับมาเกิดที่จีนโบราณก่อนประวัติศาสตร์ถึง1000ปี "เป็นอะไรหรือแก" เหมยรีบหันไปถามเพื่อนอย่างตกใจอะไรที่ทำให้ยัยซีถึงกับหลุดทำหน้าตาตื่นตกใจขนาดนี้ปกติจะเป็นพวกหน้าตายตลอด ซีทำสีหน้าหนักใจก่อนที่จะปรายตามองสาวใช้ของพวกเธอ "พวกเจ้าไปทำตามหน้าที่ของพวกเจ้าก่อนเถอะ" "เจ้าค่ะเดี๋ยวพวกข้าน้อยจะไปเตรียมน้ำให้อาบและสำรับเช้านี้นะเจ้าค่ะ" สาวใช้ต่างลุกขึ้นแยกย้ายไปทำตามหน้าที่ของตนซีก็รีบกระซิบบอกเหมยทันที "ที่ๆท่านเทพหนี่ว่าส่งเรามาเกิดคือเมืองหนายโจเมืองโบราณของจีนก่อนยุคประวัติศาสตร์1000ปี" "ห๊ะ!! นี่แสดงว่าเรามาในที่ๆไม่มีน้ำประปาและไฟฟ้าใช้นะซิ" "อย่าเพิ่งห่วงเรื่องนั้นเลยตอนนี้เราต้องตามน้ำไปก่อนและต้องปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ให้ได้พวกเราอย่าได้ทำตัวให้แตกต่างแม้แต่การพูดจาก็ต้องพูดให้เหมือนที่นี่" "ทำไมเราถึงพูดและฟังภาษาของที่นี่ออกและอย่างกับเกิดที่นี่จริงๆ" "เหมยแกคงไม่คิดว่าท่านเทพหนี่วาจะส่งเรามาเกิดโดยไม่รู้ภาษาที่นี่หรอกนะมันคงแตกต่างจากผู้คนเกินไป" "อืมจริงของแกเหอะๆ"สิ่งที่เรียกว่าอำนาจพิเศษมันดีจริงๆ เหมยคิดอย่างปลงๆก่อนจะมองรอบๆห้องอย่างตื่นเต้น ว้าวช่างสวยงามราวกับในซีรี่ย์ที่เธอเคยดูเลย "คุณหนูเจ้าค่ะน้ำเตรียมเสร็จแล้วค่ะเชิญคุณหนูไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนประเดี๋ยวท่านเจ้าเมืองและฮูหยินจะเข้ามาร่วมทานอาหารด้วยเจ้าค่ะ" สองสาวเดินตามสาวใช้ไปอย่างว่าง่าย ดีเหมือนกันที่จะได้อาบน้ำพอนึกได้ว่าพวกเธอหลับไปตั้งอาทิตย์ก็รู้สึกเหนียวตัวชะมัด ทางฮูหยินหลังจากที่กลับมาถึงห้องก็รีบเดินเข้าไปหาสามีเธอต้องการเล่าเรื่องฝันและเหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้ให้สามีฟังเพื่อที่สามีของนางจะได้ตัดสินใจรับพวกนางเข้ามาเป็นบุตรีในจวนเสียทีนางคิดพลางอมยิ้มเห็นทีเธอคงสมหวังในครั้งนี้แหละ "ท่านพี่ตื่นแล้วหรือเจ้าค่ะน้องกำลังจะมาปลุกพอดี" "เจ้าไปที่ไหนมาข้าตื่นขึ้นก็ไม่เห็นเจ้าบนเตียง" ตงโฉเลิกคิ้วมองฮูหยินของตนอย่างนึกเคืองเมื่อยามตื่นเขาควานหาร่างนุ่มนิ่มหมายจะกอดให้ชื่นใจแต่ก็ควานหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เฮ้อนี่ไม่ทันไรเขาก็รู้สึกถูกละเลยเสียแล้วรึ "ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟังโปรดรับฟังเรื่องที่ข้าจะพูดและขอให้ไตร่ตรองด้วยเถอะค่ะท่านพี่" นางหาได้ใส่ใจกับท่าทีของสามมีก่อนจะทำในสิ่งที่ตนตั้งใจ นางสูดลมหายใจก่อนที่จะพูดถึงความฝันและเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจ เมื่อนางเล่าจบก็เห็นสามีของนางนั่งนิ่งไม่มีทีท่าว่าอย่างไรทั้งที่นางมั่นใจ แต่พอพูดไปแล้วก็กลัวสามีของนางไม่เชื่อ "ท่านพี่คิดเห็นประการใดเจ้าค่ะ" จิตใจเริ่มสั่นไหวเมื่อลองสังเกตสีหน้าของสามีที่ยังนิ่งเฉยหวังว่าสามีของตนคงไม่มองว่านางนั้นคิดมากจนเก็บไปนอนฝันหรอกนะ "เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกฮูหยินข้าเชื่อเจ้าทุกประการ" เหมือนตงโฉจะอ่านสีหน้าของฮูหยินตนได้จึงได้รีบบอกกล่าวสิ่งที่ตนคิดออกมา "จริงหรือท่านพี่"อย่างนี้ท่านพี่ของนางคงไม่ขัดหากนางจะรับหญิงสาวทั้งสองเป็นบุตรบุญธรรม "เจ้าเชื่อหรือไม่ข้าฝันเรื่องเดียวกันกับเจ้าในฝันช่างประหลาดเหลือแต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจคือพวกนางต้องเป็นธิดาที่สวรรค์ส่งมาแน่แท้" เจ้าเหมืองพูดพลางนึกถึงคำสัตย์สาบานที่ให้กับหญิงสาวในความฝันแต่ในฝันของตนมีต่อจากที่ฮูหยินฝันสักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ต่างกันมากนักเห็นทีความหวังที่จะมีบุตรก็คงสมใจคราวนี้เป็นแน่ "ข้าจะไปพบพวกนางสักหน่อยถึงยังไงก็ต้องถามไถ่ถึงสาเหตุที่พวกนางนอนหลับไม่ได้สติก่อน" "ข้าได้ส่งสาวใช้ไปให้พวกนางแล้วและข้าก็จะพาท่านไปทานอาหารที่นั่นพอดี" หญิงสาวทั้งสองต่างตื่นเต้นกับการที่สาวใช้แต่งตัวให้พวกนาง การหวีผมและม้วนผมปักปิ่นก็ทำได้อย่างสวยงามชุดที่สวมก็สวยแปลกตาเนื้อผ้านุ่มบ่งบอกถึงราคาที่ค่อนข้างสูงในยุคนี้ "ท่านเจ้าเมืองกับฮูหยินมาแล้วเจ้าค่ะ" สาวใช้หน้าห้องรีบมาบอกสองสาวให้เตรียมตัวก่อนหน้านี้พวกเธอขอให้สาวใช้ทั้งสามสอนสิ่งต่างๆรอบตัวให้ตอนแรกพวกนางก็มองพวกเธอแปลกๆแต่พวกเธอก็บอกไปแค่ว่ามาจากต่างเมืองไม่แน่ใจว่าการวางตัวจะเหมาะสมหรือไม่ แม้พวกนางจะแปลกใจแค่ไหนก็ทำเป็นหูหนวกตาบอกเสียยิ่งรู้มากชีวิตยิ่งอยู่ใกล้คมดาบมากเท่านั้น คนรู้มากมักตายเร็วและสาวใช้อย่างพวกนางก็ไม่อยากตายเร็ว "ท่านเจ้าเมือง ฮูหยิน ข้าน้อยขอคารวะ" ทั้งสองสาวต่างคำนับอย่างอ่อนช้อยพวกเธอนั้นต่างรู้สึกขอบคุณท่านทั้งสองตรงหน้านัก ถึงจะมีท่านเทพช่วยให้มาเกิดแต่คนที่ช่วยไม่ให้พวกเธอต้องตายก็คือบุคคนตรงหน้าพวกเธอนั่นเอง "ลุกขึ้นเถิด ข้ามีเรื่องสอบถามพวกเจ้าสักหน่อย" ท่านเจ้าเมืองส่งสายตาไปให้เหล่าข้ารับใช้โดยไม่ต้องกล่าวอะไรพวกนางเหล่านั้นก็รีบออกจากห้องนี้ทันที "ไปที่โต๊ะอาหารก่อนเถิดท่านพี่จะได้กินไปคุยไป" พูดเสร็จฮูหยินก็เดินนำทุกคนไปที่โต๊ะอาหาร กลิ่นหอมช่างยั่วน้ำลายคนหิวอย่างพวกเธอชะมัดอาหารช่างน่ากินเหลือเกิน "เชิญท่านพี่นั่งพวกเจ้าทั้งสองก็นั่งลงข้างๆข้าเถอะ" ฮูหยินจัดแจงให้ทุกคนจากนั้นก็ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าเมืองได้ถามถึงเรื่องที่ค้างคานางคิดว่าอย่างน้อยก็ให้หญิงสาวทั้งสองกินอิ่มก่อนค่อยซักถามดีกว่า หลังจากกินข้าวเสร็จพวกนางก็รอคอยให้ท่านเจ้าเมืองถามคำถามเพราะพวกนางก็มีคำถามมากมายเหมือนกัน "พวกเจ้าเป็นใครมาจากที่ใดกันหรือทำไมไปอยู่ที่สุสานของบรรพบุรุษตระกูลเหลียนได้" สองสาวมองหน้ากันก่อนจะที่ท่านทั้งสองจะมาพวกนางต่างตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะพูดความจริงถ้าพวกเขาไม่เชื่อหรือรับไม่ได้พวกนางก็จะจากไปทันที "เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่เราทั้งสองเล่านะคะ" เมื่อมองสีหน้าของท่านเจ้าเมืองและฮูหยินก็คงกล่าวได้เพียงแค่ ‘สุดแล้วแต่สวรรค์นำทางเถอะ’ ซีได้แต่คิดอย่างปลงตก "เป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆด้วยพวกเจ้าคือดวงแก้วที่ท่านเทพหนี่วานำมามอบให้กับข้าต่อไปนี้พวกเจ้าคือบุตรีบุญธรรมของข้าพวกเจ้าจะรังเกียจหรือไม่" ที่นางถามไปแบบนั้นเพราะที่มาของสองสาวนั้นไม่ธรรมดาหากพวกนางไม่ยอมเธอก็จะคอยดูแลอยู่ดีอย่างน้อยก็จนกว่าจะมีคนที่พวกนางอยากแต่งให้ "จริงหรือเจ้าค่ะ" สองสาวแทบจะตะโกนพร้อมกันช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด "พวกข้าน้อยขอคารวะท่านแม่เจ้าค่ะ" ฮูหยินได้ฟังคำก็ดีใจมากรีบเข้าไปกอดบุตรบุญธรรมทั้งสองคนช่างน่าตื้นตันเสียจริง "ไม่ได้!!" เสียงท่านเจ้าเมืองดังขึ้นทุกคนต่างหยุดชะงักคนที่ไม่เข้าใจที่สุดคงเป็นฮูหยินที่ตอนนี้หันไปเผชิญหน้ากับสามีของตัวอย่างเอาเรื่อง "ท่านมีอะไรข้องใจนักหรือ" โอ้ ท่านแม่บุญธรรมของพวกเธอช่างห้าวหาญนักท่านเจ้าเมืองถึงกับหน้าเสียไปเลย "มีแต่แม่จะสมบูรณ์เช่นไรครอบครัวจะต้องมีพ่อเป็นผู้นำถึงจะถูกต้อง" ท่านเจ้าเมืองกล่าวออกมาแต่ริ้วสีบนหน้าช่างตรงข้ามกับเสียงที่กล่าวอย่างดุดัน "ท่านพี่ก็อยากรับพวกนางเป็นบุตรบุญธรรมก็พูดมาตรงๆเถิดแม้ท่านไม่ยอมข้าคงต้องบังคับใจท่านอยู่ดี" ฮูหยินช่างร้ายนักเขาหรือจะไม่เห็นดีด้วยในเมื่อเป็นความสุขของสตรีตรงหน้าที่เขารักหมดหัวใจ "พวกเจ้าทั้งสองรีบมาคารวะท่านพ่อของพวกเจ้าเถอะ" "คารวะท่านพ่อคารวะท่านแม่พวกข้าขอฝากตัวด้วย" สองสาวทำความเคารพอย่างอ่อนช้อยหวังว่าภพนี้ชีวิตของพวกเธอจะสงบสุขมีแต่รอยยิ้มและหัวเราะไปกับครอบครัวใหม่ของพวกเธอ "ลุกขึ้นเถิดลูกทั้งสอง นี่คือสิ่งที่ติดตัวพวกเจ้าข้าขอคืนให้" ท่านเจ้าเมืองยื่นกำไลหยกให้สองสาวเมื่อทั้งสองเห็นต่างพากันดีใจเธอนึกว่ามันจะหายไปแล้วเสียอีกพอรับมาพวกเธอก็ใส่ไว้ที่แขนทันที ความร้อนวูบวาบหลังจากใส่กำไลในหัวมีสิ่งที่ไม่น่าเชื่อฉายชัดความรู้มากมายหลั่งไหลเข้าสู่สมองพวกเธอมองหน้ากันก่อนที่จะถอยออกห่างท่านเจ้าเมืองและฮูหยินเล็กน้อยเพื่อทดลองบางสิ่ง "วูบ!!!" ลูกไฟกลมๆปรากฏบนฝ่ามือของทั้งสองคน ซีมีลูกไฟสีแดง เหมยมีลูกไฟสีฟ้า พื้นฐานของพลัง ซีมีพลังจากธาตุไฟเหมยมีพลังจากธาตุน้ำและสิ่งที่พวกเธอชอบที่สุดก็คือเพลงกระบี่ที่อยู่ในหัว อ่าอยากฝึกแล้วล่ะซิ "นี่คงเป็นพรที่ท่านเทพหนี่วาให้พวกเจ้ามาลมปราณของพวกเจ้าช่างรุนแรงและแข็งแกร่งนักคงต้องฝึกควบคุมมันก่อน" ท่านเจ้าเมืองเริ่มหนักใจกับบุตรบุญธรรมนักความสามารถที่ติดตัวมาช่างสูงส่งกว่าคนในยุทธภพบางคนเสียอีกยิ่งเก่งกาจเท่าไหร่อันตรายยิ่งเข้ามามากเท่านั้น "ข้าจะตั้งชื่อให้พวกเจ้าใหม่ดีหรือไม่" ตงโฉทำท่าทางครุ่นคิดเพื่ออยากให้ลูกสาวทั้งสองมีนามที่ไพเราะและไม่แตกต่างจากที่นี่สักเท่าไหร่ "แล้วแต่ท่านพ่อเถิดเจ้าค่ะ" สองสาวมอบสิทธิ์นั้นทันทีมาภพใหม่ก็ต้องได้ชื่อใหม่เก๋ๆซิ "แซ่เหลียน นาม ซีซี. กับ ซีเหมย เป็นเหลียนซีซีและเหลียนซีเหมย พวกเจ้าจะว่าอย่างไร" ตงโฉกล่าวออกมาอย่างภูมิใจในชื่อที่ตนคิดออกมา เหล่าสตรีถึงกับต้องกลั้นหัวเราะให้กับชื่อที่ท่านพ่อตั้งให้เท่ากับว่าเอาชื่อมาเพิ่มกับเอามาไว้ด้านหน้าแค่นั้น แต่พวกนางกลับชอบในชื่อและแซ่นี้เหลือเกิน "อ่า.....ข้าน้อยเหลียน ซีซี ขอคำนับท่านพ่อและท่านแม่เจ้าค่ะ" ซีทิ้งตัวคุกเข่าก่อนคำนับพ่อและแม่ในภพนี้ "ข้าน้อยเหลียน ซีเหมย ขอคำนับท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่เจ้าค่ะ" ซีเหมยก็คุกเข่าคำนับท่านพ่อและท่านแม่ก่อนจะส่งรอยยิ้มอันซุกซนให้แก่พี่สาวของเธอ เหอะๆๆๆท่านพี่~~~~~ต่อไปนี้ข้าจะออดอ้อนท่านให้หนักช่างสมใจนางนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD