ฟ้า
“ขอบคุณมากนะคะ” ฉันก้มหัวให้กับลูกค้าคู่สุดท้ายในร้าน ก่อนจะเดินกลับมาช่วยคนอื่นๆเก็บร้าน
“เรียบร้อยแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้านเถอะ” พี่ออน พี่ใหญ่ของร้านพูดขึ้น
“งั้นพวกเรากลับกันเลยนะคะ สวัสดีค่ะ” พนักงานทุกคนรวมถึงฉันลาพี่ออน และพนักงานร่วมงานด้วยกัน
“ฟ้า วันนี้พี่ขอโทษนะที่ไปส่งไม่ได้ พอดีพี่ต้องไปหาเพื่อนอีกทางเลย” พี่ออนพูดขึ้น ซึ่งหอฉันเป็นทางผ่านกลับบ้านพี่ออนพอดี และพี่ออนมักจะให้ฉันติดรถไปลงหน้าหอบ่อยๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ หอฟ้าไม่ได้ไกลเลย ฟ้ากลับเองได้” ฉันพูดขึ้น เพราะว่าหอฉันเดินจากร้านไปไม่ไกลก็ถึงแล้ว
“จ้ะ งั้นกลับดีๆนะ” พี่ออนพูดขึ้น
“ค่ะ งั้นฟ้าลาเลยนะคะ” ฉันบอกแล้วยกมือลาพี่ออนอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากร้านเพื่อกลับหอ
ฟ้าใส หรือใครๆเรียกว่าฟ้า ตอนนี้เรียนปี2 สาวสวย ร่าเริง เธอเก่ง ขยัน อดทน สู้ชีวิต เข้มแข็ง เก็บอาการเก่งจนบางครั้งมันกลับมาทำร้ายตัวเอง
เธอมีแม่เหลือแค่คนเดียว เพราะว่าพ่อเสียไปไม่นาน ทำให้ชีวิตของเธอตอนนี้ค่อนข้างลำบาก ทั้งต้องเรียน และทำงานไปด้วย ดีที่เธอสอบชิงทุนได้ ทำให้ยังพอลดค่าใช้จ่ายด้านค่าเทอมไปบ้าง ถึงมันจะลำบากไปหน่อย แต่เธอก็อยากจะเรียนให้จบปริญญาสักใบ
ปี๊ดๆ ระหว่างที่ฉันพึ่งเดินออกหน้าร้านได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ฉันหยุดชะงักก่อนจะหันกลับไปมอง และได้เห็นรถที่คุ้นเคยจนฉันยิ้มออกมา และรถก็เคลื่อนมาจอดหน้าฉันก่อนกระจกจะลดลงเผยให้เห็นใบหน้าของผู้ชายนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
“ทำไมวันนี้เดินกลับล่ะ” เสียงเข้มเอ่ยถามออกมา
“พี่ออนไปธุระค่ะ ฟ้าก็เลยเดินกลับ” ฉันตอบกลับไปตามตรง
“ขึ้นมา เดี๋ยวฉันไปส่ง” พี่สกายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ใจดี
“ค่ะ” ฉันรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะขึ้นรถไปนั่งด้านข้างของเขา
“เป็นไง เหนื่อยไหม” พี่สกายถามหลังจากที่ฉันขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยพร้อมกับออกรถ
“นิดหน่อยค่ะ แต่ก็สนุกดี” ฉันตอบพี่สกายออกไปตามความจริง จะบอกว่าไม่เหนื่อยเลยมันก็ไม่น่าเชื่อ ทำงานเดินไปเดินมานี่หน่า
“อืม ยังไงก็สู้ๆแล้วกัน” พี่สกายพูดขึ้น ซึ่งฉันก็ยิ้มออกมากับความใจดีของเขา แล้วหลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยจนถึงหอพักของฉันที่อยู่ไม่ห่างจากร้านที่ฉันทำงาน(อยากให้อยู่ไกลๆจัง)และมหาลัยที่ฉันเรียน
“ขอบคุณพี่สกายมากนะคะที่มาส่งฟ้า” ฉันหันไปบอกพี่สกายด้วยรอยยิ้ม
“อืม รีบไปพักได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้านี่” พี่สกายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนเดิม
“ค่ะ ฝันดีนะคะ” ฉันบอกเสร็จก็ลงจากรถทันที ไม่นานรถหรูของพี่สกายก็เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าหอของฉัน ซึ่งฉันก็ได้แต่มองตามไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข
ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าฉันมีความสุขอะไร เพราะความสุขของฉันมันอยู่ที่พี่สกายตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” วันนั้นเป็นวันที่ฉันเดินหางานใหม่เพื่อรอเวลาเปิดเข้ามหาลัย แต่ดันหน้ามืดจนล้มลงไป แต่ก็ได้พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาประคองไว้
“หน้ามืดนิดหน่อยค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแห้งแหบ เพราะด้วยอากาศที่ร้อน และเดินมานาน
“เดี๋ยวเข้าไปพักที่ร้านก่อน” พี่คนนั้นพูดพร้อมกับพยุงฉันเดินเข้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง และหาน้ำให้ฉันดื่ม
“แล้วทำไมถึงได้เดินตากแดดแบบนี้ล่ะ” หลังจากฉันดีขึ้น พี่ผู้ชายก็ถามออกมา
“พอดีฟ้าเดินหางานค่ะ” ฉันตอบออกไปตามตรง
“หางาน ดูจากหน้าอายุยังไม่หน้าถึงยี่สิบ ทำไมมาหางานแล้วล่ะ” พี่ผู้ชายพูดขึ้น
“พอดีว่าฟ้าหางานพาร์ทไทม์ทำระหว่างเรียนน่ะค่ะ” ฉันตอบ
“อ๋อ งั้นทำงานร้านอาหารไหวไหม” พี่เขาถาม
“ไหวค่ะ งานอะไรฟ้าก็ไหว” ฉันตอบกลับไป
“งั้นก็ทำงานที่นี่แหละ ที่นี่เป็นร้านแม่ฉันเอง” พี่ผู้ชายตรงหน้าบอกอีกครั้ง
“จริงหรอคะ พี่รับฟ้าทำงานจริงๆหรอ” ฉันถามไปด้วยความดีใจ
“หน้าฉันดูพูดเล่นหรอ” พี่ผู้ชายถามออกมานิ่งๆ
“ไม่ค่ะ ไม่ได้พูดเล่น” ใครจะกล้าคิดว่าพูดเล่นล่ะ ก็หน้าพี่จริงจังขนาดนั้น
“หึ ฉันชื่อสกาย” แล้วฉันก็ได้รู้จักชื่อของเขาจนได้
และหลังจากนั้น ฉันก็ทำงานที่นี่มาจนถึงตอนนี้ได้ โดยตลอดที่ผ่านมา พี่สกายก็มักจะเข้ามาที่นี่บ่อยๆทำให้เราได้เจอกันและสนิทกันในระดับหนึ่ง บวกกับเขาเรียนมหาลัยเดียวกับฉันและยังเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกันอีก นั่นยิ่งทำให้ฉันได้เห็นเขาแทบทุกวัน
และที่สำคัญ ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่และได้เห็นหน้าเขา ยิ่งได้พูดคุยกับเขามากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งมีความสุข จะว่าเป็นความรักแบบหนุ่มสาวฉันก็ไม่แน่ใจ เพราะว่าฉันไม่เคยมี ฉันรู้แค่ว่าพี่สกายเป็นผู้มีพระคุณต่อฉัน ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆเขา