ทว่า...ไม่ได้เป็นไปตามที่เอมอรคิดไว้ มีบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาทำลายความสุขและความหวังของนางให้พังทลาย
เอมอรเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาน้อย แต่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนารถลดาภรรยาหลวงที่ให้ความยินยอมยอมให้เอมอรมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ซึ่งเอมอรให้ความเกียรติและให้ความเคารพนารถลดามาก และคนรับใช้ในบ้านก็ให้เกียรติเอมอรกับพวงชมพูในฐานะเจ้านายด้วยเช่นกัน ทว่ามีเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมรับการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
คนนั้นคือปราณปวิช ลูกชายเพียงคนเดียวของปริญญากับนารถลดา ที่ตอนนั้นกำลังศึกษาปริญญาโทใบที่สองในประเทศอังกฤษ เขาอยากกลับมาอาละวาดทันทีที่รู้เรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากการเรียนกำลังเข้มข้น กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่เดือน อีกทั้งนารถลดาบอกให้ลูกชายเอาเรื่องเรียนไว้ก่อน เขาจึงอดทนรอจนกว่าตนจะเรียนจบ แล้วบินกลับบ้านเกิดเมืองนอนทันทีที่สำเร็จการศึกษา
เอมอรไม่ต้องลำบากทำงานหนักเพื่อหาเงินส่งเสียพวงชมพูเรียนมหาวิทยาลัย อีกทั้งหนี้สินที่ติดรุงรังมาหลายปีก็เคลียร์หมดภายในหนึ่งวัน แต่ก่อนพวงชมพูต้องขึ้นรถเมล์ไปเรียน แต่ตอนนี้เธอมีรถยนต์ส่วนตัวที่ปริญญาเป็นคนซื้อให้ ไม่อยากรับแต่ก็ขัดคนอยากให้ไม่ได้ เงินทองก็ให้ใช้ไม่ขาดมือ จ่ายเป็นเงินเดือนและให้ส่วนตัว
แม้ว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทว่าสองแม่ลูกก็ไม่ได้ทำตัวเป็นวัวลืมตีน ทั้งคู่อยู่อย่างเจียมตัว เอมอรดูแลปริญญาในเรื่องอาหารการกิน และดูแลนารถลดาที่มีอายุมากกว่าตนสิบสองปีที่ตอนนั้นป่วย ส่วนพวงชมพูไม่ได้ทำตัวเป็นภาระให้คนรับใช้ เธอทำความสะอาดห้องเอง ซักชุดชั้นในเอง ช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ทำอาหารให้คนในบ้านกินบ้างเป็นบางมื้อ สองแม่ลูกจึงเป็นที่รักใคร่มากกว่าถูกเกลียดชัง
ห้องของปราณปวิชที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ แม้ว่าเจ้าของห้องไม่อยู่ ทว่าห้องก็ถูกทำความสะอาดอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เดิมทีเป็นหน้าที่คนรับใช้ในบ้าน ทว่าตั้งแต่พวงชมพูเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอจะรับหน้าที่นี้แทน และนั่นทำให้เธอหลงรักเจ้าของห้องผ่านทางรูปถ่ายที่ติดไว้บนผนังห้อง เป็นความรักปลาบปลื้มที่เกิดขึ้นในหัวใจอันบริสุทธิ์ รักเงียบๆ โดยไม่หวังว่าจะได้ความรักนั้นตอบ และเฝ้ารอการกลับมาของเขา โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ปราณปวิชจะนำความเจ็บปวดมาสู่ตน
ปราณปวิชกลับมาเมืองไทยโดยไม่บอกให้บิดามารดารู้ เขาพักอาศัยอยู่ในคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ซื้อไว้ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครรู้คือ ระหว่างที่เขาเรียนอยู่ประเทศอังกฤษ เขาได้จ้างวานนักสืบดูความเคลื่อนไหวของสองแม่ลูก อีกทั้งได้โทรศัพท์มาถามแก้วสาวใช้ในบ้าน ทำทีเป็นถามนั่นถามนี่หลายคำถาม ก่อนวกมาถามเรื่องเอมอรกับพวงชมพู
และนั่นทำให้ปราณปวิชรู้ว่า เอมอรกับพวงชมพูได้รับความเมตตาจากบิดาตนมาก ถึงขนาดซื้อรถให้ใช้ แล้วยังอีกเรื่องว่า ตั้งแต่สองแม่ลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน มารดาเขาป่วยมาตลอดคงตรอมใจกับเรื่องสามีพาภรรยาน้อยเข้ามาในบ้าน เรื่องนี้ปราณปวิชไม่รู้เลยหากแก้วไม่บอก เพราะทุกครั้งที่โทรศัพท์มาหานารถลดา นางจะบอกว่าสบายดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ราวกับว่าไม่อยากให้คนเป็นลูกเป็นห่วง ส่งผลให้ความไม่พอใจและความเกลียดชังที่มีต่อเอมอรกับพวงชมพูมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสองแม่ลูกเป็นสุข ในขณะที่แม่เขาเป็นทุกข์ หน้าชื่นอกตรม แน่นอนว่า เขาไม่ยอมให้มารดาทุกข์ฝ่ายเดียวแน่ ใครทำแม่เขาเจ็บจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่า
ปราณปวิชกลับบ้านที่ห่างหายไปนานหนึ่งปีครึ่งโดยไม่ได้บอกใคร คนแรกที่เขาเจอคือนารถลดาที่ดีใจมากเมื่อได้เห็นหน้าลูก นางสวมกอดลูกชายด้วยความคิดถึง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ที่ปราณปวิชเห็นแล้วรู้สึกได้ว่า มารดาหน้าชื่นอกตรม
“แม่ดีใจจังที่ปราบกลับบ้าน แต่กลับทำไมไม่บอกแม่ล่ะ แม่จะได้ไปรับ”
“ผมเซอร์ไพร์สคุณแม่ไงครับ” ปราณปวิชยิ้มให้มารดา ก่อนก้มกราบบนตัก “ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้กลับมาจัดการเมียน้อยของคุณพ่อ ไม่ได้อยู่กับคุณแม่ด้วยในช่วงเวลานั้นปล่อยให้คุณแม่ต้องเสียใจตามลำพัง”
นารถลดาได้ยินคำพูดลูกชายแล้วน้ำตาไหล ก่อนปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ปราณปวิชเห็นแม่ร้องไห้ก็รีบสวมกอด เขาเจ็บปวดอย่างหนักราวกับมีของคมกรีดหัวใจเมื่อน้ำตาของมารดาซึมเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่สัมผัสกับผิวเนื้อของตน เปรียบเสมือนพลังความแค้นเพิ่มพูน กรามทั้งสองข้างขบกันจนเป็นเส้นนูน นัยน์ตาระอุไปเพลิงไฟ
“แม่ไหวลูก แม่ไหว” นารถลดาสะอื้นไห้ ฝืนยิ้ม
“ผมจะจัดการสองแม่ลูกคู่นั้นเอง ผมไม่มีวันยอม” คนเป็นลูกยิ่งนึกถึงเอมอรกับลูกที่อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ทุกข์ร้อนกับการกระทำของตนเองก็ยิ่งแค้น มีความสุขบนความเจ็บปวดของคนอื่น เขาไม่มีวันให้ทั้งสองเสวยสุขอยู่ในบ้านหลังนี้นานแน่
“อย่าลูก อย่าทำอะไรอรกับชมนะลูก มันเป็นความสุขของพ่อ ถ้าปราบรักแม่ ปราบต้องเชื่อฟังแม่นะลูก นะลูกนะ แม่ขอ” นางพูดเสียงสั่น “แม่ไม่เคยขออะไรปราบ แต่เรื่องนี้แม่ขอนะ อย่าทำลายความสุขพ่อ แม่ขอนะลูก”
ปราณปวิชสงสารมารดายิ่งนัก ความรักที่มีต่อปริญญามีมากเหลือเกิน มากจนยอมเจ็บปวดทนทุกข์ใจให้บิดาพาหญิงอื่นเข้ามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะภรรยาน้อย เขารู้เรื่องการหาเศษหาเลยของบิดามาตลอด ทุกครั้งที่ผ่านมาปริญญาจะซื้อกิน พอทุกอย่างจบลงบนเตียงก็แยกย้าย ไม่ได้เลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวหรือมอบฐานะเมียน้อยให้ใคร แต่พอมีก็พาเข้ามาในบ้าน โดยไม่นึกถึงความรู้สึกของภรรยาหลวง
“คุณแม่รักคุณพ่อมากเกินไป คุณพ่อเลยทำอะไรไม่นึกถึงใจคุณแม่” น้ำเสียงเขาค่อนข้างแข็งกระด้าง แววตามีประกายไฟเคลือบแฝง
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้หรอก พ่อมาขอแม่เอง ถ้าแม่ไม่ยอมอรก็เข้ามาอยู่ในบ้านไม่ได้ แม่ยอมเอง แม่ยอมเจ็บเพื่อความสุขของพ่อ ปราบเป็นลูก ปราบก็ต้องทำให้พ่อมีความสุข อย่าทำอะไรที่ทำลายความสุขของพ่อเลยนะ แม่ขอนะลูก” นางพยายามร้องขอลูกชาย
“คุณพ่อเห็นแก่ตัว เห็นแต่ความสุขของตัวเอง” ปราณปวิชต่อว่าบิดาต่อหน้านารถลดา
“อย่าว่าพ่อไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง เอาเป็นว่าเรื่องนี้แม่ยอมพ่อเอง ปราบอย่าพูดแบบนี้หรือทำอะไรให้พ่อรู้สึกว่า ปราบไม่พอใจ ปราบต้องเชื่อฟังแม่ ถ้าอยากให้แม่สบายใจ แต่ถ้าปราบอยากให้แม่ทุกข์มากกว่านี้ ร้องไห้หนักกว่านี้ ปราบก็ทำตามใจปราบเลย แม่จะไม่ขออะไรปราบอีกแล้ว” เจอประโยคนี้เข้าไปคนแข็งก็อ่อนยวบ ปราณปวิชยอมเพราะไม่ต้องการให้มารดาเสียใจไปมากกว่านี้
ปากรับปากแต่ใจไม่คิดทำตาม...
“ครับคุณแม่ ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ครับ” คนเป็นแม่ยิ้มเมื่อลูกชายตกปากรับคำ
“ต้องฉลองการกลับมาของปราบซะหน่อย วันนี้แม่จะทำกับข้าวของโปรดปราบให้กินนะลูก ไม่รู้ว่าปราบอยากกินฝีมือแม่รึเปล่า” ปราณปวิชยิ้ม กอดร่างมารดาอย่างเอาใจ
“ผมอยากกินฝีมือคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ”
อ้อมกอดของเขากระชับแน่นด้วยความรัก ความเคารพทั้งหมดที่มีต่อนารถลดา ผู้หญิงที่แข็งแกร่งทั้งกายและใจ
‘ผมสัญญาว่า ใครที่ทำให้คุณแม่เจ็บ ผมจะทำให้เจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่า’
แผนการชำระแค้นจึงเริ่มต้นขึ้น...ความแค้นของเขาพุ่งเป้าไปที่พวงชมพู ลูกสาวเมียน้อยบิดา เขาจะทำร้ายเธอให้ย่อยยับ ให้เจ็บไปทั้งทรวง