ตอนที่ 1 งานของแบลร์
“อื้ม แบลร์ตื่นเช้าจัง มีเรียนเช้าเหรอ” ผมลุกขึ้นจากที่นอน บิดขี้เกียจสองสามทีพลางถามรูมเมตที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่า ถือว่าเช้ามากสำหรับชีวิตเด็กมหา’ ลัยที่อยู่หอในแบบผม
“อื้ม มีเรียนเช้า”
“วิชาอะไรเนี่ย เช้าจัง”
“เลือกเสรีน่ะ ฉันลงวิชานันทนาการ อยากเก็บเกรด ไปก่อนนะ”
“อ่า เค โชคดีนะแบลร์” หลังจากนั้นแบลร์ก็รีบวิ่งออกจากห้องไป
ก่อนอื่นคงต้องแนะนำตัวกันสักนิด ผมชื่อ ‘จอมทัพ’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า จอม ปีนี้จะอายุสิบเก้าปี เรียนอยู่ระดับอุดมศึกษา ชั้นปีที่หนึ่ง คณะอักษรศาสตร์ วิชาเอกภาษาจีน
ผมเป็นผู้ชายตัวค่อนข้างเล็ก ชนิดที่ว่าเดินกับเพื่อน ๆ ผู้หญิงแล้วตัวเท่า ๆ กันเลย ความตัวเล็ก บวกกับนิสัยที่ค่อนข้างจะออกไปทางเรียบร้อย อ่อนหวานมากกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ ทำให้ผมมีเพื่อนผู้หญิงค่อนข้างเยอะ
ส่วนคนที่ออกจากห้องไปเมื่อกี้คือ ‘แบลร์’ เป็นรูมเมตของผม
แบลร์เรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่งเหมือนกัน แต่แบลร์เรียนสาขาวิชามัลติมีเดียดีไซน์ แบลร์เป็นผู้ชายตัวเล็กเหมือนผม ยืนเทียบกันแล้วแบลร์สูงกว่าผมไม่เกินห้าเซ็น ซึ่งก็ถือว่าตัวเล็กมากอยู่ดีเมื่อเทียบกับผู้ชายทั่วไป แต่หน้าตาเราจะแตกต่างกัน เพื่อน ๆ บอกว่าผมหน้าตาออกไปทางน่ารัก แต่แบบแบลร์คือดูเป็นผู้ชายที่สวย และมีมาดของนางพญา ซึ่งก็คงจริง
ด้วยหน้าตาที่ดูหยิ่ง บวกกับนิสัยที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทำให้แบลร์อาจจะดูเข้าถึงยาก และอาจจะดูน่ากลัวบ้างในสายตาคนอื่น แต่กับผม ผมไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรเท่าไร เพราะผมพูดเก่ง และเข้ากับคนง่าย ผมเลยหาทางคุยกับแบลร์ได้เสมอ
ผมกับแบลร์อยู่ห้องเดียวกันมาหนึ่งเทอมแล้วครับ ตลอดหนึ่งเทอมที่ผ่านมาเราก็อยู่ด้วยกันมาได้ดี เพราะความที่แบลร์เป็นคนเงียบ ๆ ไม่วุ่นวาย ผมเองก็ไม่ได้เรื่องมาก ทำให้เราสองคนไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน
จนตอนนี้ก็ขึ้นเทอมสองแล้ว เราเปลี่ยนตารางเรียนใหม่ ผมเลยไม่รู้ว่าแบลร์มีเรียนเช้า เลยตื่นขึ้นมางง ๆ แบบนี้ แต่ไหน ๆ พอตื่นแล้วมันก็นอนต่อไม่หลับ เลยคิดว่าจะอาบน้ำเลย
ระหว่างที่อาบน้ำ ด้วยความง่วง หรือเบลออะไรก็ไม่รู้ ผมดันทำแปรงสีฟันตกโถชักโครก
“เวรเอ๊ย” ผมสบถให้กับความซุ่มซ่ามของตนเอง แล้วผมก็ดันไม่มีแปรงสีฟันใหม่แล้วด้วย เลยพยายามหาทางออก ระหว่างนั้นก็นึกถึงแบลร์ขึ้นมาได้ ผมเลยจัดการไลน์ถามแบลร์เกี่ยวกับแปรงสีฟัน ซึ่งแบลร์ก็บอกว่าตัวแบลร์มีแปรงสีฟันสำรองอยู่ในตู้เสื้อผ้า ให้เปิดเอาได้เลย
ผมจัดการหยิบแปรงสีฟันอันเก่าไปทิ้ง แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของแบลร์ มือบางเปิดตู้เสื้อผ้าออกแล้วหาดูแปรงสีฟันสำรองของแบลร์ แต่ระหว่างที่มองหาแปรงสีฟัน ตาผมมันดันไปสะดุดกับชุดในตู้เสื้อผ้าของแบลร์
“หืม” ด้วยความอยากรู้ ผมเลยแหวกเสื้อผ้าออกดูชุดแปลก ๆ ที่มันดูสะดุดตาพวกนั้น ซึ่งพอจับออกมาดู ก็พบว่ามันคือชุดผู้หญิง แต่เป็นชุดแนวเซ็กซี่ ๆ หน่อย แล้วก็ไม่ได้มีแค่ชุดเดียวด้วย นับแบบคร่าว ๆ ผมว่าเกินสิบชุดเลยแหละ
ผมแปลกใจกับชุดของแบลร์นิดหน่อย เพราะจากที่อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเทอม ผมเข้าใจมาตลอดว่าแบลร์ก็เป็นแบบผมคือเป็นเกย์ และเราก็ล้วนเป็นฝ่ายรับเหมือนกันทั้งคู่ ดังนั้นชุดพวกนี้ไม่น่าจะใช่ชุดแฟนสาวของแบลร์
“ช่างเถอะ” แม้จะสงสัยแค่ไหน ผมก็เลือกที่จะหาแปรงสีฟันต่อ ส่วนไอ้เรื่องชุดพวกนี้ค่อยรอถามแบลร์แล้วกัน
หลังจากออกไปเรียน เวลาประมาณเก้าโมงครึ่งแบลร์ก็กลับมาในห้องใหม่ ผมเงยหน้าจากคำศัพท์ที่กำลังท่องอยู่แล้วส่งยิ้มให้แบลร์
“ขอบคุณมากนะแบลร์ ถ้าไม่มีแปรงสีฟันของแบลร์เราแย่แน่เลย เราซื้อมาคืนให้แบลร์แล้วนะ เอาเก็บในตู้ให้แล้ว”
“อื้ม” แบลร์ตอบกลับแค่นั้นแล้วเดินไปที่โต๊ะของตนเอง แบลร์มักจะพูดน้อย ถามคำตอบคำแบบนี้เป็นปกติแหละ ผมเลยไม่ได้คิดมากอะไร
พอคุยกับแบลร์เสร็จ ผมก็หันมาสนใจคำศัพท์ที่กำลังท่องต่อ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออนี่แบลร์ เรามีเรื่องสงสัย”
“อะไรเหรอ”
“ตอนเปิดตู้แบลร์เราเจอชุดผู้หญิงเต็มเลย ไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งนะ ตามันไปเห็นน่ะ เราสงสัยว่ามันคือชุดอะไรเหรอ”
ผมถามถึงชุดพวกนั้นด้วยความอยากรู้ ในขณะที่ถามใจก็แอบลุ้นไม่ให้แบลร์โกรธไปด้วย อันที่จริงตั้งแต่รู้จักกันมาแบลร์ก็ยังไม่เคยโกรธ หรือว่าอะไรผมหรอกนะ แต่ก็ไม่แน่ บางทีแบลร์อาจจะซีเรียสถ้าผมไปยุ่งกับของของแบลร์ เลยแอบกลัว ๆ นิดหน่อย
“อ่อ ชุดทำงานของฉันน่ะ”
“หืม” แบลร์ตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ แม้จะโล่งใจที่แบลร์ไม่ได้โกรธ แต่ก็ต้องมางงกับคำตอบของแบลร์แทน
ผมพอจะรู้อยู่บ้างว่าแบลร์ทำงานพิเศษด้วย แต่ก็ไม่เคยรู้ว่างานพิเศษที่ว่าคืองานอะไร เพราะผมเคยถามตอนเราย้ายเข้ามาแรก ๆ แต่แบลร์ดูไม่ได้อยากตอบเลยไม่ได้เซ้าซี้ บวกกับผมเห็นแบลร์อยู่ห้องแทบตลอดเวลา ไม่เคยหายไปไหนเลย เลยเดาว่างานพิเศษของแบลร์คงทำในคอมฯ ยิ่งทำให้เดาไม่ถูกเข้าไปใหญ่
“ยังไงอ่า คือแบลร์ใส่ชุดพวกนี้ทำงานเหรอ หรือแบลร์ตัดชุดพวกนี้ขาย”
“เอาเป็นว่ารู้แค่มันเป็นชุดทำงานก็พอ” แบลร์บอกกับผมก่อนจะหันไปวุ่นวายกับโน้ตบุ๊กของตนเอง ผมเลยไม่ได้ถามต่อ แม้ในใจจะยังสงสัยอยู่มาก แต่ถ้าแบลร์ไม่อยากตอบ ผมก็ไม่ได้อยากจะเซ้าซี้อะไร
หลังจากนั่ง ๆ นอนๆ ตลอดช่วงเช้า พอถึงช่วงบ่ายผมก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวเพราะมีเรียน พอเห็นว่าผมแต่งตัว แบลร์ก็หันหลังกลับมามองผมก่อนจะถามออกมา
“จะไปเรียนเหรอ”
“ใช่ เรามีเรียนบ่ายน่ะ”
“อ่อ อื้ม” แบลร์พยักหน้ารับรู้แล้วหันกลับไปสนใจหน้าจอโน้ตบุ๊กของตนเองต่อ อันที่จริงก็แปลกเหมือนกัน ปกติแบลร์ไม่ค่อยจะถามอะไรผมก่อน หรืออยากยุ่งวุ่นวายเรื่องของผมเท่าไร มีแต่ผมเนี่ยแหละชอบไปวุ่นวายกับแบลร์ แต่ก็อาจจะเพราะว่านี่เพิ่งเปิดเทอมใหม่ แล้วแบลร์ยังไม่ค่อยรู้ตารางเรียนของผม ไม่รู้ว่าผมจะหายออกจากห้องไปช่วงไหนเลยถามละมั้ง
“เราไปก่อนนะแบลร์ เราน่าจะกลับเย็นเลยนะ วิชานี้เรียนตั้งสามชั่วโมงแน่ะ”
“อื้ม โชคดี”
“บาย” ผมโบกมือลาแบลร์แล้วรีบไปเรียน ทิ้งให้แบลร์อยู่ห้องคนเดียว แต่เชื่อผมเถอะว่าทันทีที่ผมออกจากห้อง แบลร์จะต้องรู้สึกมีความสุขทันที เพราะผมสังเกตดูแล้วแบลร์ชอบหาโอกาสที่จะได้อยู่ในห้องคนเดียวมาก ๆ เรียกได้ว่าโลกส่วนตัวสูงสุด ๆ
ผมไปนั่งรอในห้องเรียนที่ระบุในตารางเรียน โดยมีเพื่อน ๆ ร่วมคลาสอยู่หลายชีวิต แต่ที่น่าแปลกคือเวลาก็ผ่านไปหลายนาที แต่อาจารย์ประจำวิชาก็ยังไม่เข้ามา จนกระทั่งมีเสียงไลน์ดังขึ้น นาทีนั้นผมถึงเพิ่งรู้ว่าผมโดนอาจารย์เล่นตั้งแต่คาบแรก เพราะอาจารย์ไลน์มาบอกว่าวันนี้มีธุระกะทันหัน จึงต้องขอยกเลิกการสอนไป
ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องดีใจที่ไม่ได้เรียน หรือจะต้องเซ็งที่ลุกขึ้นมาแต่งตัวเก้อดี จากตอนแรกที่วางแผนว่าเลิกเรียนแล้วจะไปหาอะไรกินกับเพื่อนเพราะมันเลิกค่อนข้างเย็น ก็ถือโอกาสกินข้าวไปด้วยเลย ผมก็จัดการยกเลิกแผนการทั้งหมด แล้วคิดว่ากลับไปนอนอืดอยู่ที่ห้องดีกว่า
ผมเดินกลับมาที่หอในแบบเซ็ง ๆ ตอนกลับก็แวะซื้อไอศกรีมกินชิล ๆ แล้วเดินขึ้นห้อง ตอนกำลังจะเข้าห้องก็แอบเดาไว้ในใจว่าแบลร์อาจจะกำลังนั่งงมกับโน้ตบุ๊กอยู่เหมือนทุกวัน แต่พอเปิดประตูเข้าไปจริง ๆ ภาพที่เห็นมันดันไม่เหมือนที่คิดไว้
แกร๊ก
“อ๊ะ อื้อ”
“แบลร์”
ภาพตรงหน้าคือรูมเมตผู้แสนจะเงียบขรึมของผมกำลังใส่แค่เสื้อยืดตัวโต แต่ท่อนล่างเปลือยเปล่า ใบหน้าน่ารักของแบลร์ซบลงกับเตียงแล้วโก่งก้นงามงอนขึ้นมา ก้นของแบลร์ขาวมาก ๆ แถมยังดูใหญ่เกินตัว แต่ที่ทำเอาผมตกใจสุด ๆ คงเป็นดิลโดอันโตที่กำลังเสียบคาอยู่ตรงช่องทางด้านหลังของแบลร์เนี่ยแหละ
แบลร์กำลังช่วยตัวเอง
“เอ่อ เราขอโทษ” ผมรีบขอโทษแล้วหันหลังให้แบลร์ ผมไม่กล้าออกจากห้องตอนนี้เพราะไม่อยากเปิดประตู กลัวใครผ่านไปผ่านมาจะเห็นภาพสุดอีโรติกของแบลร์ ระหว่างที่กำลังหันหลังอยู่ ผมก็คาดเดาเอาเองว่าแบลร์คงจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้ว แต่ผมคิดผิด เพราะเสียงที่ได้ยินมันไม่ใช่เสียงของคนที่กำลังใส่เสื้อผ้าแน่ ๆ
“อื้อ อ๊ะ” เสียงครางหวานของแบลร์ดังขึ้นจนผมต้องหันไปมอง แล้วก็พบว่าแบลร์ยังขยับดิลโดอันโตเข้าออกช่องทางคับแคบของตนเองอยู่แล้วหันกลับมาสบตาผม ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดกล้องแล้วจึงยอมดึงดิลโดออก
ผมยืนทำตัวไม่ถูกอยู่แบบนั้น แต่ในขณะที่ผมลนและทำตัวไม่ถูก แบลร์กลับดูสบาย ๆ ร่างเล็กลุกขึ้นใส่กางเกง แล้วเดินไปเก็บกล้อง เก็บโทรศัพท์ของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไหนบอกว่าจะกลับมาเย็น” แบลร์ถามขณะที่กำลังเช็กดูวิดีโอที่ตัวเองอัด ผมจะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่มีเสียงครางหวานของแบลร์ดังเล็ดลอดออกมา ยิ่งตอกย้ำว่าแบลร์ถ่ายคลิปตอนช่วยตัวเองไว้จริง ๆ
“อาจารย์ยกคลาส”
“อ่อ ฉันก็คิดว่าจอมคงยังไม่กลับ เลยไม่ได้ล็อกห้อง” แบลร์พูดด้วยท่าทีสบาย ๆ แล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง ส่วนผมก็ยืนตัวลีบเหมือนคนทำความผิดอยู่ที่หน้าประตู ทั้ง ๆ ที่ความจริงคือผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ แบลร์นั่งมองผมแล้วไม่ยอมพูดอะไร ผมเองก็ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ค่อยถูก ทั้ง ๆ ที่นี่ก็เป็นห้องของตัวเอง กลับไม่กล้าขยับตัวไปไหน เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่กล้านั่ง ที่แย่ที่สุดคือผมไม่รู้จะเอาตาไปโฟกัสตรงไหน เพราะแม้แบลร์จะใส่กางเกงแล้ว แต่แบลร์ก็ใส่แค่กางเกงใน ที่พอมองไปก็เห็นว่าแก่นกายน่ารักของแบลร์ยังไม่สงบลงเท่าที่ควร ไหนจะไอ้ดิลโดอันโตที่มันวางอยู่ข้างแบลร์อีก
“นี่แหละงานของฉัน” จุดสุดท้ายพอไม่มีใครพูดอะไร แบลร์จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“งาน?” ผมขมวดคิ้วด้วยความมึนงง แอบไม่เข้าใจที่แบลร์พูดเท่าไร อันที่จริงเมื่อกี้ผมแค่คิดว่าแบลร์อาจจะมีอารมณ์เลยช่วยตัวเองเฉย ๆ แล้วผมก็ไม่ได้มองว่าสิ่งที่แบลร์ทำมันแปลก แค่พอบังเอิญมาเจอมันก็แอบทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน แต่พอแบลร์บอกว่าที่ทำเมื่อกี้คืองานเลยทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่
“ฉันทำ onlyfans”
“onlyfans?” ผมงงยิ่งกว่าเดิมกับคำว่า onlyfans ที่แบลร์พูดออกมา ผมไม่เคยได้ยิน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคืออะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับงานของแบลร์
“ไม่รู้จักเหรอ”
“ไม่เลย”
“พลาดชะมัด” แบลร์ทำหน้าผิดหวังที่ผมไม่รู้จักไอ้ onlyfans อะไรนี่ คือเขาฮิตกันเหรอ ทำไมการที่ผมไม่รู้จักแล้วแบลร์ถึงมองผมแบบนั้น
“แล้วมันคืออะไรเหรอ”
“อยากรู้ก็ไปหาข้อมูลเอาเองเถอะ แต่เอาเป็นว่ามันคืองานของฉัน”
“อ่า” ผมพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่แบลร์พูด แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่แบลร์ช่วยตัวเอง
“ทำหน้าแบบนั้นคืออะไร”
“เรายังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าไอ้ onlyfans มันเกี่ยวอะไรกับการที่...เอ่อ...ที่แบลร์เล่นของเล่นเมื่อกี้”
“เล่นของเล่น? ใช้คำน่ารักจัง” แบลร์หลุดขำออกมากับคำว่าเล่นของเล่นที่ผมพูด นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผมเห็นแบลร์ขำ ก็อย่างที่บอก แบลร์เป็นคนเงียบ ๆ อย่าว่าแต่ขำเลย แค่พูดแบลร์ยังไม่ค่อยจะพูดเลย เพราะฉะนั้นขำเนี่ย เป็นอะไรที่ยากมาก ๆ เลยนะ
แต่ว่า เมื่อกี้แบลร์ขำแล้วน่ารักจัง
“เอาอย่างนี้ จะบอกให้ว่างานของฉัน มันเกี่ยวกับการเล่นของเล่นนี่แหละ เกี่ยวกับเว็บ onlyfans ด้วย ถ้าอยากรู้ก็ลองค้นคำว่า onlyblair ในทวิตฯ ดูเอาแล้วกัน แต่เรื่องนี้ต้องห้ามบอกใครนะ”
แบลร์กำชับพร้อมลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผม ผมกำลังมึน ๆ งง ๆ เลยถอยหลังหนีแบลร์จนกระทั่งแผ่นหลังชนกับผนัง แบลร์เอาหน้าเข้ามาใกล้ผม แล้วจิ้มนิ้วลงที่หน้าอกผม
“รู้กันแค่ฉันกับจอม”