“รสชาติเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะพอจะเสวยได้หรือไม่”
ท่านแม่ทัพถามบุรุษข้างกายที่เงียบมาตลอด
“เมื่อก่อนอยู่ในป่าตอนแอบไปช่วยเจ้าออกรบกินอาหาร รสแย่มากมายยังกินได้แล้วเหตุใดจะกินอาหารน้องเจ้าไม่ได้”
เว่ยเทียนหยางตรัสกับสหายรักอย่างต้องการสื่อว่าอาหารอะไรพระองค์ก็เสวยได้ทั้งนั้น // หึย กล้าเอาอาหารทิชาไปเทียบของในป่าในดงนี่คงจะหลอกด่าว่าอาหารเธอรสชาติแย่สินะ
“หากรสชาติย่ำแย่เพียงนั้นหวางเหยี่ยก็เสวยอาหาร ท่านแม่สิเพคะเช่นนั้นจานนี้เฟยเอ๋อร์จะกินให้หมดเอง”
มือน้อยยื่นไปจับจานเตรียมจะเอาคืนเมื่อได้ฟังคำพูด ไม่เข้าหู / /ดี!! ไม่กินก็เอาคืนมาจะกินเองให้หมดเลยคอยดู
“ของเปิ่นหวางคิดจะหยิบไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ!”
พระองค์ตรัสเสียงเย็นไม่ยอมให้นางนั้นแย่งจานสเต๊กได้ ซ้ำยังเสวยมันอวดนางอย่างเย้ยหยัน // ไอ้อ๋องบ้า!!! คิดจะทำกิน คนเดียวสองจานแท้ ๆ จะมาทำไมก็ไม่รู้น่าหงุดหงิดจริง ๆ เลย
“เฟยเอ๋อร์อย่าแสดงกิริยาไร้มารยาทต่อหน้าชินอ๋องนะ รีบขอประทานอภัยเดี๋ยวนี้เลย”
ฮูหยินดุบุตรสาวที่แสดงอาการไม่เหมาะสมออกไป ส่วนทิชาที่เพิ่งมาอยู่ในยุคนี้ได้เพียงสองวันมีหรือจะเข้าใจ
“ท่านแม่ขาาาา ชินอ๋องว่าอาหารเฟยเอ๋อร์รสชาติแย่ เฟยเอ๋อร์ขอคืนเพราะเกรงว่าพระองค์จะประชวรเพราะอาหาร เจ้าคะ ที่ทำไปนั้นเพราะห่วงหรอกนะเจ้าคะเฟยเอ๋อร์ว่าให้ชินอ๋องเสวยน้ำแกงของท่านแม่ดีกว่า”
สายตาใสซื่อบวกกับน้ำเสียงช่างอ้อนนั้นเริ่มทำให้ ฮูหยินและคนบนโต๊ะคล้อยตามเชื่อว่านางนั้นห่วงใยชินอ๋องจริง แต่เว่ยเทียนหยางไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นด้วยเพราะพระองค์เห็นประกายไฟน้อย ๆ ในดวงตาคู่นั้น // กินน้ำแกงไปนั่นแหละคุณค่าที่คุณคู่ควร นี่ทิชานะไม่ใช่เสี่ยวอี้เฟยที่จะได้หลงตาอ๋องนี่จนหัวทิ่ม คิกคิก ทิชาแอบหัวเราะสะใจที่แกล้งคู่แค้นได้สำเร็จ
“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยแต่หากว่าเปิ่นหวางจะป่วยเพราะอาหารเจ้าต่อให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็คงจะไม่ทันเสียแล้ว”
พระองค์ตรัสพร้อมกับจิ้มเนื้อชิ้นสุดท้ายเข้าปากไปท่ามกลางดวงตากลมโตแสนเสียดายที่กำลังจับจ้องอยู่
กรี๊ดดดดด กินหมดเลยเหรอ ฮื่อ ๆ นั่งย่างจนหน้าดำ กินของตูหมดเลยไอ้อ๋องบ้า!!!!!!!!
“เพคะหวางเหยี่ย!”
เจ้าของใบหน้างามข่มใจตอบกลับทั้งที่ในใจนั้นกรีดร้องอยากจะฆ่าอ๋องผู้นี้ซะให้สิ้นซาก // มารคอหอยจริง ๆ เชียวถ้า คราวหน้ารู้ว่ามาจะสั่งให้คนจับอึ่งอ่างมาให้กินเลยคอยดู
.
.
.
.
.
.
.
.
ผ่านไปจนทุกคนรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็ยังคงไม่หมดหน้าที่ของทิชาเพียงเท่านั้น จะต้องเดินมาส่งท่านอ๋องผู้นี้ที่หน้าจวนอีกตามประสงค์ของมารดาผู้เป็นบุพการี
“ไม่ต้องตามข้ากลับไปซะ!”
ลับหลังผู้คนน้ำเสียงที่ตรัสก็ดูจะแข็งกระด้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด // แหม มั่นหน้าจริ๊งจริงหล่อมากค๊าาาาาาา อ๋อ ที่ทำเป็น พูดดีด้วยตอนกินข้าวคือแอ๊บต่อหน้าคนใช่มั้ย ด๊ายยยย ทิชาก็แอ๊บ กลับนะไม่โกง
“แต่ท่านแม่ให้ข้าไปส่งชินอ๋องนะเพคะ”
ทิชาใช้เสียงสองเสียงสี่ชนิดที่หวานจนมดขึ้นทั้งรังตอบกลับ
“หึ เสแสร้งเก่งขึ้นมากนะ แต่เจ้าอย่าคิดว่าข้าดูไม่ออกว่าสตรีเช่นเจ้านั้นคิดหวังสิ่งใดมารยาเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอกนะ”
ชินอ๋องอย่างนั้นเหรอ เรียกขานเช่นนี้หวังให้เขาสนใจ เป็นแน่ แต่ก่อนบังคับอย่างไรให้เรียกก็ไม่ยอมแต่นี่เรียกพระองค์ห่างเหินได้ตั้งแต่พระองค์ก้าวเข้ามาในจวนของนาง
โอ๊ยยย!! หงุดหงิดทำหน้านิ่งอย่างกับฉีดโบท็อกซ์มา ร้อยเข็ม
“ข้าทำสิ่งใดผิดไปอย่างนั้นหรือเพคะข้าเพียงแค่ทำตามที่ท่านแม่สั่งเท่านั้นเอง คราวหน้าหากชินอ๋องไม่ต้องการให้ข้ามาส่ง ก็บอกท่านแม่ข้าตรง ๆ สิเพคะ”
นางเอ่ยด้วยเสียงไพเราะน่ารักหากใครได้ฟังก็คงอดเผลอเคลิ้มไปกับเสียงหวานของนางไม่ได้ ขนาดเขาที่บอกกับตัวเองว่ารังเกียจสตรีเช่นนางยังอดเผลอเคลิ้มไปหลายครา
“นี่เจ้าคิดยั่วโทสะข้า!!!!”
กระแสเสียงเริ่มปะปนไปด้วยแรงโทสะยามเห็นดวงตา ใสซื่อนั้นมองมาที่พระองค์ราวกับไม่เข้าใจว่าพระองค์นั้นเอ่ยสิ่งใด หึ นางไปร่ำเรียนวิชางิ้วมาจากที่ใดถึงได้แสดงได้เก่งกาจนัก
“ยั่วโทสะอะไรกันล่ะเพคะ หากจะทำเช่นนั้นสู้ยั่วยวนท่านคงจะง่ายกว่าเช่นจูบท่านท่ามกลางสวนดอกไม้งามนี้ก็คงดีไม่น้อยทีเดียว จุ๊บ”
ทิชาส่งยิ้มยั่วยวนตามแบบฉบับสาวแอ๊บที่ตกผู้ชายมาแล้วทั้งโซเชียลการันตีด้วยยอดวิวเป็นสิบ ๆ ล้านทุกครั้งที่ไลฟ์สด ก่อนจะประคองหน้าคมมาจูบอย่างดูดดื่มอ่อนหวานจะเริ่มเร่าร้อนขึ้นตามอารมณ์ก่อนจะถอนริมฝีปากออกพร้อมกับสบพระเนตรคมกริบที่ฉายแววมึนงงอยู่ชั่วขณะ // เหอะ ก็แค่บุรุษหน้าโง่คนหนึ่งอีทิชาไม่สนใจหรอกย่ะ แหม ทำเป็นบอกไม่สนแต่สายตานี่อ่อนเป็นขี้ผึ้งเลยน๊า
“อื้อ พอแค่นี้ก่อนนะเพคะวันนี้อี้เฟยต้องขอตัวเข้าจวนก่อนแล้ว กลับตำหนักไปอย่าได้ละเมอหาอี้เฟยนะเพคะประเดี๋ยวสตรีทั่วทั้งแคว้นจะปวดใจเอาได้”
เธอส่งยิ้มกับสายตาใสซื่อไปให้ชินอ๋องที่คล้ายกับถูกผนึกให้ยืนนิ่งอยู่กลางสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านทิชาได้แต่แอบลอบยิ้มเมื่อกลั่นแกล้งชินอ๋องได้สำเร็จ // ยืนตากลมจนเป็นไข้ไปเถอะ เมื่อก่อนเสี่ยวอี้เฟยเคยเจ็บเพราะความเย็นชาเท่าไหร่ทิชาจะคิดบัญชีคืน ให้หมด
“เสี่ยวอี้เฟยเจ้าคงเลอะเลือนไปแล้วแน่ ๆ เดี๋ยวนี้กล้าหาญถึงขั้นบังคับจูบข้าเชียวหรือ หึย เห็นทีข้าคงจะประเมินสตรีเช่นเจ้าต่ำไปเสียแล้ว สตรีบ้า!!!”
ชินอ๋องมองตามสตรีเลอะเลือนที่ทิ้งความวาบหวาม เร่าร้อนเอาไว้ให้พระองค์อย่างนึกขุ่นเคืองพระทัยที่ถูกนางนั้นล้อเล่นปั่นอารมณ์ // นี่คงคิดเห็นพระองค์อยู่กับผู้อื่นที่โรงน้ำชาแล้วเกิดริษยาขึ้นมาเป็นแน่ถึงได้กล้าหาญถึงเพียงนี้ แต่ที่ร้ายกาจ ไปกว่านั้นคือสตรีน่ารังเกียจผู้นั้นไปหัดจูบเร่าร้อนนี้มาจากที่ใดทำไมถึงได้ดูคล่องแคล่วชำนาญนัก เพียงคิดว่านางไปทำเช่นนี้กับบุรุษอื่นความร้อนรุ่มก็ปะทุขึ้นมากลางอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ