จันทร์เจ้ายอมเชื่อเพื่อนเรื่องไม่โทรไปหาแม่ในวันนี้ แต่วันรุ่งขึ้นหญิงสาวก็ต้องใจสลาย เมื่อเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้น พบเบอร์โทรแปลก ๆ เต็มไปหมด ให้เธอเดาคงไม่พ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หญิงสาวตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาแม่จนได้
“จันทร์เจ้านี่เอ็งทำอะไรลงไป ตำรวจมาปลุกแม่แม่นึกว่าผัวตัวเองนอนตายอยู่ในห้อง มีแต่เลือดเจิ่งนองเต็มไปหมด รถหวอรถตำรวจเต็มหน้าปากซอยเลย”
“แม่นี่แม่จะไม่ถามหนูสักคำเลยเหรอ ว่าทำไมหนูทำแบบนั้น” เสียงของจันทร์เจ้าเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวังขั้นสุดขีด
“เอ็งนี่มันจริง ๆ เลยนะนังจันทร์เจ้า จะอะไรก็ช่างเอ็งไม่สมควรไปทำลุงพัตเขาเลือดตกยางออกขนาดนั้น”
“แม่ ! ผัวแม่จะปล้ำหนูนะ หนูก็แค่ป้องกันตัวเอง”
“นังจันทร์เจ้า ป้องกันบ้านเอ็งเหรอเลือดท่วมห้องขนาดนั้น นี่มันเจตนาฆ่าชัด ๆ”
“นี่แม่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ นี่หนูบอกว่าผัวแม่จะปล้ำหนูนะ !”
“จันทร์เจ้าเอ็งอย่าทำให้ชีวิตของแม่ต้องยุ่งยากไปมากกว่านี้จะได้ไหม แค่นี้ยังลำบากกันไม่พอเหรอ”
“แม่ ! นี่แม่ใช่แม่หนูจริงหรือเปล่าเนี่ย”
“ถ้าเอ็งยังเห็นแม่เป็นแม่ก็ไปมอบตัวกับตำรวจซะ หนีไปแบบนี้ไม่ได้ทำให้ความผิดมันหายไปหรอกนะ”
“หนูเกลียดแม่ !” ตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือแล้วกดตัดสาย ปิดเครื่องหนีไปในทันที จันทร์เจ้าปิดหน้าร้องไห้ออกมาดัง ๆ
“จันทร์เจ้าเป็นอะไร” ยิปซีเดินมาเห็นก็ตกใจ รีบเข้าไปสวมกอดเพื่อนเอาไว้
“แม่ไม่รักเราเลยซี ฮื้อ ๆ ๆ แม่เข้าข้างไอ้ผัวเฮงซวยของแม่นั่น ฮื้อ ๆ ๆ” คนร้องไห้ส่ายหน้ากับบ่าของเพื่อน น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาไม่ขาดสาย
“ไม่เป็นไร ๆ ร้องระบายออกมาให้หมดจันทร์เจ้า แล้วเราค่อยมาคิดหาทางออกกันนะ” ฝ่ามือของเพื่อนลูบปลอบแผ่นหลังที่สะท้อนขึ้นลงไม่ยอมหยุด ยิปซีเข้าใจในความเจ็บปวดของเพื่อนได้เป็นอย่างดี การที่มีแม่รักผู้ชายมากกว่าลูกในไส้ของตัวเอง เธอเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ทำให้หัวใจของคนเป็นลูกชอกช้ำเหลือเกิน
จันทร์เจ้าร้องไห้จนตาปูดตาบวมไปหมด ข้าวปลากินไม่ค่อยลง เป็นแบบนี้อยู่สองวันเต็ม ๆ กระทั่งวันที่สามยิปซีจำเป็นต้องพูดบางเรื่องกับเพื่อนตัวเอง
“จันทร์เจ้าซีมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรเหรอซี”
“มานั่งก่อนมา” ยิปซีดึงมือคนที่ตากผ้าเสร็จแล้ว ให้เข้ามานั่งที่ห้องรับแขกแทน เพราะเรื่องที่จะคุยกันต่อไปนี้ ค่อนข้างสำคัญสำหรับจันทร์เจ้า
สายตาที่จันทร์เจ้ามองเพื่อนนั้นทั้งเศร้าและสิ้นหวัง ยิปซีเห็นแล้วต้องสะเทือนไปทั้งหัวใจ อดีตเธอเคยสลัดจันทร์เจ้าทิ้งแบบไม่ไยดี เพียงเพราะไม่อยากให้ใครมาคอยเตือนตัวเอง ความห่วงใยของจันทร์เจ้าเหมือนหอกแหลมทิ่มแทงเธออยู่ตลอด เพราะมันคือสิ่งที่ตอกย้ำว่าเธอ ได้เลือกเดินในเส้นทางที่ผิดไปแล้ว แต่ตอนนี้ผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่ง คนที่สู้ชีวิตมาตลอด กำลังถูกเศษสวะคนหนึ่งทำลายอนาคตจนย่อยยับ
“ซีมีอะไรนิ่งไปเลย”
“เอ่อ คือว่า จำได้ไหมที่ซีบอกว่าพาจันทร์เจ้ามาที่นี่ได้ เพราะคุณโรมเขาไปนอก”
“คุณโรม อ้อ คนนั้นของซีเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ เขาจะกลับมาในอีกสามวันนี้แล้ว”
“อ้อ” ได้ยินแล้วจันทร์เจ้าก็ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา เธอเข้าใจความหมายที่เพื่อนต้องการสื่อเป็นอย่างดี
“ห้องนี้คุณโรมให้ซีอยู่ฟรี ๆ แบบไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่ไม่อนุญาตให้พาคนอื่นเข้ามาอยู่เหมือนกัน แม้แต่แม่ซียังไม่เคยพามาที่นี่เลย นี่ซีขัดคำสั่งคุณโรมเขานะที่พาจันทร์เจ้าเข้าห้อง ถ้าเขารู้เรื่องนี้เข้าซีต้องแย่แน่ นี่แกเพิ่งจ่ายค่าเทอมเทอมแรกให้ซีไปด้วย” ยิปซีพยายามพูดให้อีกคนเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายที่สุด
“ขอผ้าแห้งก่อนไหม”
“อะไรนะ”
“คือเพิ่งตากผ้าน่ะ ให้ผ้าแห้งก่อนนะซี แล้วเราจะเก็บกระเป๋าไปเอง ขอบใจมากนะที่ช่วยเราไว้หลาย ๆ เรื่องเลย”
“จันทร์เจ้า คือว่า”
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะ” คนพูดทำสีหน้าเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ และพร้อมจะจากไปแบบไม่อิดออด ยิ่งทำให้ยิปซีรู้สึกหนักใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“จันทร์เจ้าซีขอพูดตรง ๆ นะ จันทร์เจ้าจะไปอยู่ที่ไหน มีเงินเช่าห้องเหรอ มีงานทำแล้วหรือยัง” ชั่งใจอยู่นานกว่าที่ยิปซีจะถามออกมาแบบนี้
“เอ่อ คือไม่มีหรอก แต่ไม่เป็นไรเราไปหาเอาข้างหน้าได้” เพราะกลัวเพื่อนตกที่นั่งลำบาก จันทร์เจ้าเลยคิดว่าการจากไปของตัวเอง น่าจะส่งผลดีต่อยิปซี
“จันทร์เจ้าอยากลองเป็นเด็กเสี่ยดูไหม”
“ซีว่าอะไรนะ” จันทร์เจ้ามองหน้าเพื่อนคล้ายไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นใช่เรื่องที่เธอคิดอยู่ไหม
“ซีเองก็ไม่ได้อยากจะแนะนำแบบนี้เลยนะจันทร์เจ้า แต่ว่าจันทร์เจ้าจะมีทางเลือกไหนได้อีก เกิดไอ้พ่อเลี้ยงมันไม่เอาผิดจันทร์เจ้าแล้วไง กลับไปอยู่กับแม่คิดว่าจะรอดมือมันเหรอ ยิ่งน้านาดเข้าข้างมันแบบนี้ด้วย” ยิปซีพูดไปอีกคนก็ก้มหน้าต่ำมองพื้นไปเรื่อย ๆ
“อยากเรียนต่อไม่ใช่เหรอ นี่ไงโอกาส”
จันทร์เจ้าพูดไม่ออก ได้แต่เบนหน้ามองไปทางอื่น แทบไม่กล้าเงยหน้าสู้เพื่อนเลยในตอนนี้
“จันทร์เจ้าอย่าเอาแต่เงียบสิ ซีหวังดีจริง ๆ นะ ขืนออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวสาว ๆ สวย ๆ แบบนี้ เกิดมีคนคิดมิดีมิร้าย มันจะลำบากกว่าเดิมอีกนะ ซีเป็นห่วง”
“แต่ว่า”
“ซีเคยพลาดทั้งที่มั่นใจว่าเอาตัวเองรอด แต่สุดท้ายสิ่งรอบตัวมันทำให้ซีหลุดเข้าไปในโลกสีเทา โชคดีที่มีคนรู้จักแนะนำคุณโรมให้ ซีถึงได้สลัดอะไร ๆ ไม่ดีในชีวิตออกไปได้ บางครั้งมันต้องมีคนช่วยนะจันทร์เจ้า หรือว่าจันทร์เจ้าจะออกไปหางานทำเช่าห้องอยู่ คิดว่างานจะหาง่าย หรือว่าทำไปแล้วจะพอจ่ายค่าเทอมเหรอ อุตส่าห์สอบติดแล้วแท้ ๆ”
“เราไม่รู้เหมือนกันซี เราคิดอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ”
“แค่สี่ปีเองนะ ไม่ใช่สิ แล้วแต่ว่าเขาจะรับเลี้ยงเราไปสักกี่ปี บางคนปีเดียวก็เลิกแล้ว” ยิปซียังเล่าต่อ
“ซี คือว่า”
“คุณ ๆ เขาไม่มาสนใจคนอย่างเราหรอก อนาคตเขามีแต่จะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรา จบแล้วจบเลย เราก็มีชีวิตของเราเองนะจันทร์เจ้า ไม่ได้ถวายชีวิตให้เขาไปหมด”
“เราไม่รู้”
“เอาเป็นว่าซีจะลองส่งรูปจันทร์เจ้าให้คุณโรมเอาไปให้เพื่อน ๆ เขาดูนะ เผื่อว่าใครจะสนใจจันทร์เจ้าบ้าง”
“เดี๋ยวก่อนสิซี”
“หาไว้ก่อนจันทร์เจ้า ถ้าไม่ชอบก็บอกปฏิเสธได้ ไม่ได้บังคับให้ทำหรอก แต่ก็ใช่ว่าจะหาง่าย ๆ นะเรื่องแบบนี้มันแล้วแต่ความชอบ ซีไม่รับปากว่าจะช่วยได้เหมือนกัน เข้าใจไหมแค่ลองดู”
“แบบนั้นก็ได้” เมื่อเพื่อนบอกว่าไม่ชอบก็ปฏิเสธได้ หญิงสาวจึงยินยอมที่จะให้ถ่ายรูปส่งไปให้ เพราะอย่างน้อยยิปซีก็ตั้งใจช่วยจริง ๆ
“ไหนแบบนี้ก็สวยแล้ว ดูธรรมชาติดี” ยิปซีปัดปอยผมออกจากหน้าของเพื่อน ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น ก่อนจะกดถ่ายรูปแล้วส่งข้อมูลคร่าว ๆ ให้ไปคุณโรมของตนเอง
โรมชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปี เจ้าของโรงแรมชื่อดัง กำลังนั่งดื่มอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเวียนนา ระหว่างทัวร์ยุโรปกับเพื่อนสมัยเรียนที่ต่างประเทศด้วยกัน เปิดข้อความไลน์ที่เด็กของตนส่งมาให้ ก่อนจะชะงักไป เหมือนเจอเรื่องแปลกประหลาดใจ
คนนี้เพื่อนของซีเองค่ะคุณโรมเดือดร้อนเรื่องเงิน ต้องการหาคนช่วยค่าเทอม เป็นคนนิสัยดี ซีรับรองได้ค่ะ รบกวนคุณโรมช่วยถามเพื่อน ให้หน่อยนะคะ เผื่อมีใครสนใจ ขอบพระคุณมากค่า
“มีอะไรโรมทำหน้าแปลก ๆ” ฐากูรหนุ่มแว่นผู้กำลังจะรับช่วงกิจการร้านอาหารต่อจากบิดา หันมาถามเพื่อนอย่างแปลกใจ เพราะกำลังคุยกันอยู่ดี ๆ โรมก็เลิกคิ้วสูงใส่หน้าจอโทรศัพท์มือถือเสียอย่างนั้น
“ก็ไม่มีอะไรหรอกพอดีเด็กของฉัน เขามีเพื่อนกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน แบบว่าอยากได้คนจ่ายค่าเทอมช่วยน่ะ เลยส่งรูปมาให้ดู”
“จริงเหรอ ส่งรูปเข้าไลน์ให้ฉันหน่อยสิ อยากเห็นเหมือนกันว่าสวยไหม” อชิระสถาปนิกชื่อดังของเมืองไทยก็สนใจกับเขาเหมือนกัน
“เอาจริงเหรออชิ” โรมถามเหมือนไม่แน่ใจ
“เออสิ” อชิระยิ้มกริ่มใส่เหมือนรู้กัน
“งั้นฉันส่งให้ทุกคนเลยก็แล้วกัน ไอ้วินแกสนใจมีเด็กเหมือนคนอื่นเขาบ้างไหม ชีวิตจะได้ไม่เงียบเหงายังไงล่ะ” ดูเหมือนโรมจะชำนาญเรื่องผู้หญิงมากกว่าคนอื่นในกลุ่ม
“ไม่ต้องไปถามมันหรอก ส่งให้ทุกคนนั่นแหละไอ้โรม ชักช้าจริงเอ็งนี่” ฐากูรเร่งเพื่อน
ภูวินไม่ตอบเพื่อนเขาทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนไม่ได้สนใจเลยสักนิด แต่พอมีข้อความไลน์เข้ามา เขากลับเลื่อนหน้าจอเปิดดูในทันที รูปเด็กสาวตรงหน้าสะสวยใช่เล่น แต่ดูธรรมดาจนเกินไปสำหรับเขา
“โธ่ นึกว่าจะสวยกว่านี้” อชิระออกปากก่อนใครเพื่อน
“เออ จริงด้วยไม่ไหวว่ะไอ้โรม” ฐากูรขยับแว่นเล็กน้อยหลังดูรูป
“แล้วแกล่ะไอ้วินว่าไง” โรมหันหน้ามาถามคนที่นั่งอยู่ด้านข้างกับตัวเองบ้าง แต่ภูวินกลับทำหน้าเหมือนไม่รู้จะตอบอะไรออกมาดี
“นิ่งไม่ตอบสงสัยจะโดนใจ” อชิระพูดแบบขำ ๆ
“เอางี้ดีกว่า ฉันให้น้องเขามาโชว์ตัวให้ดูดีไหม เดี๋ยวกลับไปนี่นัดเจอตัวกันเลย ของแบบนี้มันต้องได้เห็นกับตาถึงจะบอกได้ว่าสวยไม่สวย” โรมอยากให้โอกาสเด็กได้เสนอตัวเองดูบ้าง
“ก็ดีเหมือนกันนะ” อชิระตอบแบบผ่าน ๆ คนอื่นก็พยักหน้าหงึกหงักตามกันไป มีเพียงภูวินที่เฉย ๆ เพราะเด็กคนนี้ไม่ใช่สเปกของเขานั่นเอง
“งั้นตกลงตามนี้นะ กลับไทยแล้วค่อยนัดวันกันอีกที”