ตึกแถวบริเวณนี้ดูเงียบผิดปกติ อีกทั้งยังดูเก่าจนทรุดโทรมเหลือเกิน ไม่น่าจะมีพวกผู้ดีมีเงินมาพักอาศัยอยู่ได้ เหตุไฉนสุดาพรรณจึงมีเพื่อนพักอยู่ในตึกแถวนี้ได้... นิดาคิดแอบสงสัย แต่ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป เพื่อจะได้รีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จๆไปเสียที เพราะนี่ก็เลยเวลาเที่ยงมาพอสมควร กลัวว่าจะกลับไปทำอาหารเมื่อเย็นให้คนที่บ้านวนาสินทธ์ไม่ทัน แล้วเธอจะต้องเจ็บตัวโดนทำโทษอีก...
หญิงสาวกวาดสายตามองโดยรอบอย่างนึกหวาดหวั่นใจ เพราะเท่าที่เธอเห็น หากสุดาพรรณจะเลือกคบค้าสมาคมกับใครสักคนหนึ่ง บุคคลนั้นจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับแวดวงไฮโซชั้นสูง และคนจำพวกนั้นก็ไม่หน้าจะมีที่พักอาศัยเป็นเพียงแค่ตึกเช่าโทรมๆจนดูรกร้างแทบไร้ผู้คนอาศัยแบบนี้ได้...
มันดูแปลกจนผิดปกติยังไงอยู่นะ... ตั้งแต่เธอเดินเลี้ยวเข้ามาในซอยเปลี่ยวแห่งนี้ เธอยังไม่เห็นว่าจะมีใครสักคน เดินผ่านเข้าออกสวนทางกับเธอเลย
นิดาได้แต่กำเอกสารในมือแน่น พยายามสอดส่ายสายตามองสำรวจรอบบริเวณทั้งสองข้างทาง หากมีอะไรผิดสังเกตขึ้นมา เธอจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทันเวลา ...
สายตาหวานก้มลงมองแผ่นกระดาษในมืออีกครั้ง เมื่อหมายเลขในกระดาษที่สุดาพรรณจดให้ ตรงกับตึกแถวหลังเก่าหลังนี้เข้าพอดี
“เฮ้อ!เจอสักที...” นิดาถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอก็มาถึงที่หมายแล้ว ที่เหลือก็แค่ยื่นจดหมายฉบับนี้ให้เพื่อนของสุดาพรรณ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ เธอก็จะได้กลับไปเตรียมอาหารมื้อเย็นให้กับคุณผู้หญิงได้ทันเวลาอีกด้วย...
ทว่าใครจะล่วงรู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว...
“คงเป็นหลังนี้สินะ...” นิดาพึมพำเบาๆ เมื่อตัวเลขทั้งสองตรงกันอย่างไม่คลาดเคลื่อน หญิงสาวจึงไม่รอช้า รีบกดปุ้มอ๊อดเรียกคนข้างในทันที แต่ไม่ทันจะกดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ร่างงามก็มีอันต้องเซถอยหลังด้วยเพราะแรงกระชาก...
“อุ๊ย!!!” นิดาถึงกับอุทานตกใจ เมื่ออยู่ดีๆร่างงามก็ถูกชุดกระชากอย่างแรง จากด้านหลัง
“ว้าย!...” แรงกระชากอย่างรุนแรงนั้น ทำให้นิดาเซถลาไปด้านหลังทั้งร่าง ร่างบางปะทะเข้ากับอกแกร่งของผู้กระทำมิดีมิร้ายอย่างจังจนเธอรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมา แต่สัญชาติญาณป้องกันตัวเร่งเร้าให้หญิงสาวไม่อนาทรต่อความเจ็บปวดนั้น เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้จนสุดกำลัง เพื่อให้ตัวเองได้หลุดพ้นออกจากร่างกายใหญ่โตทางด้านหลัง ซึ่งมันได้รัดร่างของเธอไว้อย่างแน่นหนาจากสองแขนแกร่งของมัน จนเธอรู้สึกเจ็บกระดูกแขนเหลือเกิน ต่อให้เจ็บปวดมากกว่านี้ เธอก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก นิดายังคงดิ้นรนเพื่อหาทางให้ตัวเองได้หลุดพ้นออกจากพันธนาการรัดรึงนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย...
“ฤทธิ์เยอะนักนะนังนี่...เดี๋ยวเหอะมึง จะได้ตายเสียก่อนได้ขึ้นสวรรค์กับกูหรอก...ฮ่า...ฮ่า...” คนร้ายถึงกับคำรามลั่น เมื่อนิดาพยายามเหวี่ยงขาไปเตะหน้าแข้งของมันเข้า ใบหน้าเหี้ยมเกรียมยิ้มเยาะมุมปาก รู้สึกเนื้อเต้นเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานปานนางฟ้าของเหยื่อสาว...
ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเนื้อนางฟ้ามาให้กูกินวันนี้ มึงนี่มันคงจะหวานหอมดีพิลึก...มันคิดอย่างมีความสุข โดยไม่สนเรื่องผิดบาปกับเรื่องที่มันทำ มันคิดอยู่อย่างเดียว ใครให้เงินจ้างมัน มันก็ทำงานตามค่าจ้างนั้น ใครจะเดือดร้อนก็ช่างหัวมันไม่เกี่ยวอะไรกับมันสักหน่อยเดียว...
“ปล่อยนะ...” เหยื่อชิ้นโอชะยังคงดิ้นรนไม่หยุด จนไอ้โจรใจทรามต้องคำรามลั่นด้วยอารมณ์โมโห
“กูบอกให้มึงหยุดดิ้นไง...อีนี่วอนซะแล้วไหมล่ะ หรืออยากจะโดนกูเอามันเสียตรงนี้เลย จะได้ไม่มีแรงมาพยศกับกูอีก” เมื่อนิดาไม่หยุดดิ้นตามคำขู่ของชายใจทราม มันก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ คำขู่ของมันทำเอานิดาเกือบสิ้นสติ แรงมีเท่าไหร่เธอจึงฮึดขึ้นสู้อย่างมีมีถอย
“ไอ่...อ่อย...อะ” ถึงจะรู้สึกตกใจสุดขีดกับคำพูดของคนร้าย แต่นิดายังคงดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ไม่มีทางที่เธอจะยอมให้มันมารังแกเอาได้ตามอำเภอใจ ถ้าสู้มันไม่ได้จริงๆอย่างมากมากเธอก็จะกลั้นใจตาย ดีกว่าต้องทนให้มันข่มแหงรังแกให้ต้องอัปยศอดสูใจเอาได้
“ออย...อื่อๆ...” ร่างบางพยายามใช้แรงเท่าที่มีดิ้นหนีออกจากกรงแขนเหล็กนั้น ส่วนปากอิ่มก็พยายามจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกไป แต่เพราะโดนมือหยาบกร้านตะปบปิดปากเอาไว้ เสียงจึงเล็ดลอดออกมาได้เพียงแผ่วเบา ดวงตากลมโตเบิกโพรงขึ้น ก่อนภาพทุกอย่างจะลางเลือนจนค่อยๆดับมืดลงเรื่อยๆ และในที่สุดนิดาก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกต่อไป...
คุณพ่อคุณแม่ขา ได้โปรด ช่วยหนูนิด้วย...
นิดาทำได้เพียงสวดมนต์อ้อนวอนภาวนาในใจ ก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบลง น้ำตาแห่งความอาดูรไหลลงมาเพียงปลายหางตา เวรกรรมใดหนอถึงทำให้เธอพบเจอแต่ความเลวร้ายเช่นนี้...
“ไอ้เหี้ยเอ้ย! นั่นมึงกำลังจะทำอะไรผู้หญิงน่ะ?” คนมาทันเหตุการณ์เข้าพอดีสบทคำหยาบ พร้อมกับตะโกนเสียงกร้าวถามขึ้น ดวงตาสีสนิมส่องประกายความอำมหิตออกมา จนพาให้ใบหน้าหล่อเหลาถมึงทึงขึ้นจนดูน่ากลัว สองมือกำเข้าหากันแน่น หัวใจแกร่งของเขากระตุกวูบ เมื่อมองไปยังร่างบอบบางซึ่งตอนนี้อ่อนปวกเปียกไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ภายใต้วงแขนของไอ้ระยำนั่น
“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยวะไอ้เวร...”
“กูจะเสือกแล้วมึงจะทำไม...” น่านพยัคฆ์ยียวนกลับ ในใจเดือดปุดๆ อยากจะขย้ำฆ่ามันให้ตายๆไปนัก มันกล้าดียังไงมาแตะเนื้อต้องตัวว่าที่เมียของเขาแบบนั้นได้ เดี๋ยวเถอะมึงจะได้รู้จักทางไปนรก...
“กูกับอีนี้เป็นผัวเมียกัน มันไม่สบายกูจะพามันไปหาหมอ” คนร้ายกุเรื่องทันที มันไม่อยากเสียเวลาจะขย้ำเนื้อหวานๆอีกต่อไปแล้ว ดูท่าไอ้หมอนี้คงไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆแน่
“เมียมึงเหรอ....ถามไอ้นี้ของกูดูก่อนดีกว่าไหม ไอ้ตอแหล...” เมื่อน่านพยัคฆ์ได้ยินสิ่งที่คนร้ายโมเมออกมา เลือดในกายของเขาก็เริ่มสูบฉีดขึ้นมาด้วยความบ้าคลั่ง น่านพยัคฆ์จึงชักปืนสีดำขึ้นมาเล็งไปยังไอ้โจรชั่วนั้นอย่างไม่กลัวเกรง กวนประสาทกูดีนักไอ้ห่า นั่นมันเมียกู ไม่ใช่เมียมึงโว้ย...
พอคนร้ายเห็นน่านพยัคฆ์ชักปืนออกมาเล็งเข้าที่ตัวมัน จึงรีบรนรานวางร่างบอบบางทิ้งลงบนพื้นมือไม้อ่อน ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นหายเข้าไปในตัวตึกหางจุกตูด ยอมทิ้งเนื้อหวานโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิดเดียว...
“โธ่! ไอ้เลว...กูก็นึกว่ามึงจะแน่ โธ่เอ๊ย...” น่านพยัคฆ์ตะโกนด่าไล่หลังเสียงข่ม สายตาเข้มมองคนร้ายแทบจะอยากฉีกเนื้อมันออกมาเป็นชิ้นๆเสียให้ได้ ก่อนจะรีบวิ่งมาช้อนร่างอรชรขึ้นด้วยความห่วงแหนแนบไว้กับอกแกร่งของตัวเอง มือหยาบกร้านจากการทำงานกลางแจ้ง ค่อยๆบรรจงปัดคราบดินออกจากใบหน้าสวยด้วยความระมัดระวัง ใจเขากลัวเหลือเกิน กลัวเธอจะได้รับความเจ็บปวดไปมากกว่านี้...
ของคุณพระเจ้า ที่ดลจิตดลใจให้เขาตามเธอมาวันนี้ นี่ถ้าหากเขาไม่เดินสะกดรอยตามเธอมาเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้น่านพยัคฆ์รู้สึกอารมณ์เดือดขึ้นมาอีก อยากจะฆ่าใครสักคนเพื่อระบายความโกรธนัก...
“โธ่โว้ย!!!” น่านพยัคฆ์ส่งเสียงคำรามก้องไปทั่วบริเวณนั้น เพื่อระบายอารมณ์เดือดของตัวเอง
แต่เอ... แล้วเธอมาทำอะไรแถวๆนี้กันนะ...นั่นสิ เธอมาทำอะไรกันแน่นิดา...ใบหน้าคมคายก้มลงมองใบหน้านวลละออในอ้อมแขนของตัวเอง ปลายจมูกโด่งก้มลงสัมผัสกับแก้มเนียนอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อเกิดขึ้นภายในใจของเขา ถึงไม่อาจจะยอมรับมันตั้งแต่แรก... แต่ยิ่งได้เห็น ได้อยู่ใกล้แม้เพียงลมหายใจเป่ารดกันแค่นี้ มันยิ่งทำให้เขาไม่สามารถปีนขึ้นมาจากหลุมพรางที่บิดาเขาเป็นขุดสร้างได้เลย...
**********************
ร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า แสนอวบอิ่มเย้ายวนสายตาของน่านพยัคฆ์ไปทุกสัดส่วน ผ้าผืนน้อยชิ้นสุดท้ายได้หลุดล่วงออกจากร่างยวนตาหล่นลงสู่พื้นโดยฝีมือของตัวร้าย...
โอ้พระเจ้า! อะไรมันจะขาวผ่องเป็นหยวกกล้วยได้ขนาดนี้วะ เมื่อผิวขาวดุจน้ำนมตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มถึงกับสายตาพร่ามัว ความอยากทางกามมารมณ์ขับเคลื่อนรุนแรง...น่านพยัคฆ์ถึงกับตะลึงงันกับสิ่งที่สายตาหื่นกระหายของเขาได้สัมผัส จนต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอเพื่อดับกระหายหิว
ใช่...เขากำลังรู้สึกหิวกระหายกับร่างงามร่างนี้เหลือเกิน เขาอยากจะจับร่างนี้กดให้จมเตียงก่อนจะกระแทกใส่ให้สุดแรง ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน กระตุ้นความรู้สึกทางเพศเขาได้มากเท่ากับนิดามาก่อนเลย ให้ตายสิ!!! เมื่อร่างขาวนวลละออตา ไร้ซึ่งไฝฝ้าหรือรอยตำหนิใดๆปรากฏแก่สายตาของชายหนุ่มแบบชัดแจ้งแดงแจ๋ โดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางใดๆมาขวางกั้น... ฝ่ามือแสนหยาบกร้านจากการทำงานในไร่ มันถึงขั้นสั่นเทา ชายหนุ่มค่อยๆลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งบนร่างอรชรอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยุดลงบนความอวบอัดของคู่แฝดเขย่าโลก ซึ่งมันกำลังขยายและเขย่าทั้งโลกและเขาไปในคราวเดียวกัน ยิ่งไอ้ลูกชายไม่รักดีของเขานั้นยิ่งไปกันยกใหญ่ มันกำลังผงาดหัวชนเข้ากับเนื้อผ้าห่อหุ้มอยู่ด้านใน จนเขาแทบอยากกระโจนเข้าใส่แล้วจับร่างแม่เนื้อหอมนี้ฟัดเสียให้หายหิว ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลยตอนนี้...
นี่มันนรกชัดๆ...เวรเอ๊ย!!! น่านพยัคฆ์คิดอย่างหัวเสียสะบัดหน้าหล่อไปมา เขาอยากจะบ้าตายกับความรู้สึกบ้าบอนี้ เหลือเกิน... ในเมื่อคราวแรก เขาเพียงต้องการจะพาร่างไร้สติของนิดาขึ้นมาพักเพื่อรอให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมาเท่านั้น แต่นี้...แค่เพียงเขาได้เห็นและเผลอได้สัมผัสกับร่างเปล่าเปลือยของเจ้าหล่อนเข้า ความต้องการกับตีรวนขึ้นให้เขาเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ และเขาก็ยอมแพ้ต่อความคิดใหม่นี้เสียด้วยสิ...
ใจเย็นๆก่อนไอ้ลูกรัก ขอให้พ่อได้ลองชิมรสชาติแม่เนื้อนมไข่นี้ดูเสียก่อน ถ้ารสชาติดีถูกลิ้น เดี๋ยวพ่อจะจัดให้หลายๆยกเลยไอ้ลูกรักเอ้ย รับลองคืนนี้แกได้กินจนสำลักแน่ไอ้ลูกรักของพ่อ...ฝ่ามือหยาบอีกข้างค่อยๆเปลี่ยนมาลูบปลุกปลอบลูกชายไม่รักดีของตัวเองให้สงบลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยหวานด้วยความรู้สึกหื่นกระหาย...ผู้หญิงอะไร สวยตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ทั้งสวยทั้งหอมไปทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่ว่าปลายจมูกโด่งของน่านพยัคฆ์จะลากไล่ผ่านไปทางไหน ก็ล้วนแต่ถูกใจความหอมของมันไปเสียหมด...
สายตาของคนหื่นกระหาย ค่อยๆไล่มองตั้งแต่ใบหน้าสวยหวานเรื่อยลงไปจนมาถึงแอ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตรงกึ่งกลางลำตัว ใต้ร่างสะดือบุ๋มแสนน่ารัก สิ่งที่น่านพยัคฆ์เห็นคือสองกลีบกุหลาบสีสวยสดช่างงดงาม กำลังหุบกลีบหลบภายใต้ขนสีอ่อนบาง มันยิ่งกระตุ้นให้เขาคอแห้งผากขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน เขาอยากจะก้มลงชิมน้ำศักสิทธิ์ในแอ่งนี้เหลือเกิน ดูสิมันยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องรอเขาอยู่หรือเปล่าน่า...
หรือเธอจะเคยผ่านมือชายใดมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ...ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรหงิกงอลง มือหนาจึงยกขึ้นมาขยำบีบตรงทรวงงามด้วยความฉุนเฉียว ส่วนริมฝีปากสีสวยก็ก้มลงมาดูดดึงเต้างามอีกข้างด้วยความรุนแรงไม่แพ้แรงบีบของอีกข้างหนึ่งเลย ส่งผลให้เจ้าของร่างที่ไร้สติ ร้องประท้วงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว...
“อื้อ!!! เจ็บ...” นิดาขยับร่างดิ้นไปมาเมื่อเธอรู้สึกเจ็บ แต่เพราะฤทธิ์ของยาสลบหญิงสาวจึงไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้ ทุกสิ่งสัมผัสล้วนเหมือนเธอตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันทั้งสิ้น น่านพยัคฆ์ไม่ได้สนใจกับแรงดิ้นหนีเพียงเล็กน้อยของหญิงสาว เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาทั้งดูดไล้เลียตรงหัวจุกสีชมพูสลับกับดูดดึง บีบเคล้นน่าอกใหญ่ด้วยความเมามัน จนเนื้อขาวถึงกับปลิ้นทะลักออกมาจากง้ามนิ้มมือใหญ่
เพราะความหอมหวานของเนื้อหนังขาวอวบอิ่มบวกกับชายหนุ่มไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองมาเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้น่านพยัคฆ์ปลดปล่อยอารมณ์ความต้องการของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับอาการขัดขืนเล็กๆของหญิงสาว ยามเมื่อพายุสวาทกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เขากลับตอกย้ำเข้าหาร่างงามจนสั่นสะเทือนไปทั้งเตียงนอน อาจจะมีตกใจอยู่บ้างเมื่อช่วงตอนเขากับนิดากำลังผสานร่างหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เขากับพบเจออุปสรรคเส้นบางๆเข้ามาขวางกั้นเอาไว้เสียก่อน เส้นอุปสรรคนั้นทำให้นิดาร้องไห้โฮด้วยความเจ็บปวด จนเขาเห็นแล้วถึงกับใจหายวาบ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ต้องเดินหน้าต่อ จะมาถอยหลังแล้วทิ้งเอาไว้กลางคันก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเป็นแบบนั้น สู้ให้เขาไปตายเสียยังจะง่ายกว่า...
และเส้นบางๆนั้นมันยิ่งทำให้เขาภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมันบ่งบอกว่าเขาคือคนแรกและจะเป็นเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์กับร่างงดงามหมดจดนี้ของนิดา ต่อไปไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาแย่งสิทธิ์นี้ไปจากเขาได้....
พายุสวาทหมุนวนตีสู้คลื่นลมฝนอยู่หลายรอบ กว่ามันจะสงบลงได้ ร่างขาวนวลก็แทบจะบอบช้ำอยู่ไม่น้อย ส่วนคนก่อพายุก็ถึงกับหมดแรงลง น่านพยัคฆ์หลับตาลงพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ในอ้อมแขนของเขายังคงมีร่างหอมนอนหลับตาพริ้มไม่ได้สติอยู่เช่นเดิม ชายหนุ่มก้มปลายจมูกโด่งของตัวเองกดลงบนศีรษะทุย ก่อนจะหลับตาลงด้วยความอิ่มเอมใจ และหลับใหลลงไปเพราะความเหนื่อยอ่อนอีกคน...
***********************
ติ๊ด...ติ๊ด...
เสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องพักของโรงแรมระดับห้าดาว ร่างเปลือยเปล่าสองร่างยังคงอิงแอบแนบซบกันไม่ยอมห่างหาย หลังจากบทเพลงแห่งรักได้จบสิ้นลงไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน น่านพยัคฆ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างนุ่มนิ่มออกห่างแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว เขายังคงตระกองกอดร่างงามเอาไว้ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ กลิ่นกายหอมอ่อนจากเนื้อนวลทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย จนหลับสบายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต ตั้งแต่วัยเด็กจวบจนกระทั่งวัยหนุ่ม...บางอย่างที่เขาขาดหายและไม่เคยได้รับจากใคร แม้แต่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดของตัวเองแท้ๆ เขาก็ไม่เคยได้รับจากท่านเลย มันรู้สึกอิ่มเอมหัวใจอย่างบอกไม่ถูก หรือนี่เขาจะหลงแม่เนื้อหอมเข้าให้แล้วก็ไม่รู้...
ส่วนนิดาเองก็หลับสนิทเพราะฤทธิ์ของยาสลบยังคงไม่หมดประสิทธิภาพ อีกทั้งผสมกับหญิงสาวถูกวายร้ายสูบเอาพลังแรงกายจนหมดสิ้นไปตอนสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับตัวร้ายอย่างหน้าด้านๆ หากหญิงสาวตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ยังไม่รู้เลย เธอจะทำเช่นไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แต่ในความฝันอันเลวร้ายนั้น กลับมีบางอย่างทำให้นิดารู้สึกและรับรู้ได้ เธอจะปลอดภัยเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นนี้...
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...
เสียงเตือนจากสายเรียกเข้ายังคงแผดเสียงร้องดังอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ร่างใหญ่ขยับตัวขึ้นมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด...
“ใครวะเสือกโทรมาตอนนี้...” น่านพยัคฆ์ขมวดคิ้วหงุดหงิด แต่ก็ยังปล่อยให้เครื่องมือสื่อสารแผดเสียงดังต่อไป
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...
“อืม...” เสียงห้าวร้องครางออกมาเมื่อเสียงรบกวนเวลาพักผ่อนไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ มือใหญ่จึงค่อยๆควานหาต้นตอแห่งเสียงอันน่ารำคาญ ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับวัตถุสีทองยี่ห้อใหม่ล่าสุด พร้อมกับนิ้วแกร่งกดรับลงบนปุ่มหน้าจอ โดยไม่ยอมลืมเปลือกตาขึ้นมองหน้าจอเลยด้วยซ้ำว่าใครโทรเข้ามา
“นาย...นายครับ...นายสิงห์แย่แล้ว...” เมื่อปลายสายกดปุ้มรับปุ๊บ มืดจึงไม่รอให้ทางปลายสายนั้นเอ่ยเสียงใดๆออกมาด้วยซ้ำ พอสัญญาณบ่งบอกว่ามีคนรับสาย มืดก็รีบรายงานข่าวร้ายกับเจ้านายด้วยจิตใจร้อนรน ปากก็รายงานตัวเองก็รีบวิ่งไปยังชั้นจอดรถยนต์ด้วยความเร่งรีบ ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับหนุ่มไทยฉายความวิตกกังวลอย่างเด่นชัด เมื่อก่อนหน้านี้ทางไร่ราชพยัคฆ์โทรเข้ามาหาเขา นายน่านสิงห์ขับรถชนต้นไม้ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู อาการยังน่าเป็นห่วงอยู่ห้าสิบห้าสิบ...
ร่างใหญ่ที่นอนพักเอาแรงหลังจากหมดพลังงานไปกับการกินเนื้อหอมหวาน ก็ถึงกับลืมตาโพลง เมื่อได้ยินชื่อของบิดาตัวเอง...
“ พ่อข้าเป็นอะไร...มึงพูดใหม่สิไ****ด” น่านพยัคฆ์ถามลูกน้องกลับด้วยน้ำเสียงติดกระด้าง รีบกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังระมัดระวังวางร่างน้อยลงกับเตียงนอนอย่างแผ่วเบา เขาค่อยๆผ่อนศีรษะทุยสวยวางลงบนหมอนใหญ่ ก่อนจะกระโจนออกไปยืนคุยโทรศัพท์ยังด้านนอกระเบียงแทน เพราะกลัวเสียงดังของเขาจะไปรบกวนเวลานอนของนิดาเอาได้
“ว่าไง!...พ่อกูเป็นอะไร” น่านพยัคฆ์ตะคอกเสียงดังด้วยความร้อนใจ
“นายสิงห์ประสบอุบัติเหตุรถชนกับต้นไม้ครับนาย...” มืดรายงานผู้เป็นนายเมื่อขับเคลื่อนยานพาหนะคู่ใจมาจอดตรงบริเวณด้านหน้าของตัวโรงแรม
“ห๊า!!! มึงว่าพ่อกูเป็นอะไรนะ...” น่านพยัคฆ์ตัวชาวาบรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาฉับพลัน
“รีบๆลงมาเถอะนาย มืดขับรถมาจอดรอตรงหน้าทางเข้าโรงแรมแล้ว ส่วนตั๋วเครื่องบินมืดก็โทรจองให้นายเรียยร้อยแล้วด้วยครับ...” มืดเร่งเจ้านายให้ลงมาด่วน เมื่อมืดวางสายจากทางไร่เสร็จ ก็รีบจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมอย่างรู้งาน เมื่อใจของมืดเอง ก็รู้สึกเป็นห่วงเจ้านายใหญ่แห่งไร่ราชพยัคฆ์ไม่ต่างกัน
“เออ...เดี๋ยวกูลงไปไม่เกินห้านาที มึงเตรียมสตาร์ทรถรอกูไว้เลย...” น่านพยัคฆ์กดวางสายลูกน้อง ก่อนจะเดินเข้ามาภายในห้องพักหรูหราเหมาะสมกับค่าพักคืนล่ะหลายหมื่นบาท สายตาคมกริบกวาดมองร่างหอมของคนตัวเล็กอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่รู้พรุ่งนี้ถ้าหากหญิงสาวตื่นขึ้นมาจะตกใจมากน้อยแค่ไหน หากเธอเห็นสภาพของตัวเองเป็นเช่นนี้
รอยแดงเป็นจ้ำตามเนื้อตามตัวเต็มไปหมด ไหนจะลอยเลือดจางๆบนผ้าปูสีขาวนั่นอีก ไม่บอกก็พอจะเดาได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่องรอยต่างๆทั้งบนร่างของหญิงสาวกับเตียงนอน... แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อพ่อของเขากำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤต ไม่รู้อาการของท่านจะหนักเบาเพียงใด เอาไว้เขาจะกลับมาจัดการกับแม่เมียขัดดอกของเขาทีหลังก็แล้วกัน ถึงยังไงเสียเขาก็ไม่อาจปล่อยให้แม่เนื้อหอมของเขาต้องตกไปเป็นของใครได้อีกแล้ว ในเมื่อเธอเป็นของเขา และก็ต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นด้วย....แววตาสีสนิมเหล็กทอดมองร่างน้อยด้วยความห่วงแหน ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มอย่างอิ่มเอมใจเมื่อหวนคิดถึงห้วงเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้ ทุกอย่างยังคงแช่มชื่นในหัวใจของเขาไม่จืดจาง แต่ก็ต้องรีบตัดใจ เมื่อบิดาของเขาก็อาการไม่ดีจนเขาอดห่วงไม่ได้เช่นกัน...
เฮ้อ!!!... น่านพยัคฆ์เตรียมหันหลังตัดใจจากภาพยวนตาตรงหน้า แต่ขาเจ้ากรรมดันไม่ยอมเดินออกไปจากห้องนี้เสียที มันกับดื้อรั้นพาเขามานั่งแหมะลงบนเตียงใหญ่ ก่อนชายหนุ่มจะยอมพ่ายแพ้ให้กับความต้องการจากก้นบึ่งของหัวใจ เขาก้มใบหน้าหล่อคมลง กดปลายจมูกโด่งกับแก้มนวลใส ขโมยหอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาเสียฟอดใหญ่ กักเก็บความหอมหวานเอาไว้ในยามห่างกันอย่างเต็มที่เป็นหนสุดท้าย ก่อนจะผละร่างใหญ่ฝืนขาของตัวเองเดินแกมวิ่งออกมาจากห้องหวามหวานอย่างตัดใจ...
สองขารีบก้าวเดินตรงไปยังลิฟต์ มือใหญ่ล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมา ชายหนุ่มไม่ลืมจะกดโทรออกหาใครบางคน ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในโรงแรมระดับห้าดาวแห่งนี้...
“ว่าไงไอ้เวร โทรมาหากูซะดึกดื่นเชียวนะมึง คนจะหลับ จะนอนกอดเมียเสียหน่อยมารจริงเลยมึงเนี่ย...” พอวรสิทธิ์กดรับสายปุ๊บก็เหวเพื่อนรักกลับทันที
“ไอ้ห่านี่ ตกดึกทีไรเป็นต้องขยันทำการบ้านทุกทีเลยนะมึง จะรีบไปไหนหนักหนาวะ...” น่านพยัคฆ์อดเอ่ยแซวเพื่อนรักไม่ได้ เมื่อเขาทันได้ยินเสียงครวญครางออกมาจากปลายสาย
“ก็กูกำลังเร่งทำลูกแข่งกับไอ้พีมันอยู่นะสิ มึงก็รู้นี่ ไอ้ห่า...ยังจะมาเสือกแซวกูเล่นอีก ว่าแต่มึงมีไรรีบๆพูดมาสักที เสียเวลากูฉิบ...” วรสิทธิ์ทำเสียงจิจ้ะรำคาญ ในเมื่อตอนนี้เขากำลังกลายร่างเป็นม้าหนุ่มให้จ๊อกกี้สาวฝึกขี่อยู่อยางเมามัน
“ กูมีเรื่องจะรบกวนมึงหน่อย...” น่านพยัคฆ์ถึงกับส่ายหน้ากับมือถือ
“มึงจะรบกวนอะไรกูก็รีบพูดมา กูจะรีบไปกล่อมเมียนอนต่อ กำลังหลับสบายเลยตอนนี้...” คนบอกจะกล่อมเมียนอนถึงกับกลั้นเสียงครางเอาไว้แทบไม่อยู่ เมื่อแม่เมียสุดสวาทโยกร่างงามแรงๆเพื่อแกล้งสามีด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น จนใบหน้าหล่อเหยเกเพราะความเสียวซ่านถึงอุรา
“กูจะฝากเมียกูหน่อย...พ่อกูขับรถชนต้นไม้ กูต้องรีบไปว่ะ...”
“เฮ้ย! แล้วพ่อสิงห์เป็นอะไรมากหรือเปล่า มึงรอกูแป๊บ เดี๋ยวกูไปด้วย” ใบหน้าเหยเกเพราะความเสียวซ่านหยุดชะงักเมื่อได้ยินเรื่องร้ายของพ่อเพื่อน
“กูก็ยังไม่รู้เลยไอ้สิทธิ์ แต่มึงไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวกูไปถึงจะโทรมาบอกมึงอีกที ตอนนี้กูเป็นห่วงนิ กลัวว่าตื่นขึ้นมาจะตกใจถ้าไม่เห็นใครมากกว่า....” วรสิทธิ์แทบกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อไอ้เสือร้ายของกลุ่ม ผู้ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเสือหลับ กลับตกม้าตายเอาแบบง่ายๆ ให้กับเพียงหญิงสาวที่พึ่งได้เจอหน้ากันเพียงวันเดียวแท้ๆ นี่หรือเปล่านน๊า ที่เรียกกันว่า พรหมลิขิต...
เนื่องจากทั้งสองมีความสนิทสนมไม่ต่างจากพี่น้องคลานตามกันมา น่านพยัคฆ์กับวรสิทธิ์จึงมักรู้ทุกเรื่องของอีกฝ่าย และเรื่องของนิดา น่านพยัคฆ์ก็โทรมาเล่าให้เขาฟังแล้วตั้งแต่เพื่อนรักกำลังจะขับรถลงมาถึงกรุงเทพๆ และเมื่อตอนบ่ายน่านพยัคฆ์ก็ขอให้เขาเปิดห้องพิเศษให้ ก่อนจะอุ้มร่างอรชรไม่ได้สติของหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งเขาเดาได้ไม่ยากนัก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอนาคตเมียของไอ้เพื่อนตัวร้ายของเขานั่นเอง...
“ไอ้ขี้ตู่ เขายอมรับมึงเป็นสามีเขาแล้วไง ไปโมเมหาว่าเขาเป็นเมียมึงน่ะ...หรือว่า....” วรสิทธิ์รีบจับเอวของภรรยาไว้มั่น ก่อนจะอ้าปากค้างทั้งเสียวซ่านทั้งตกใจกับความไวไฟของไอ้เพื่อนตัวร้าย
“เออ...กูจัดการเขาเรียบร้อยแล้ว” น่านพยัคฆ์ไม่ได้ปฏิเสธแต่กับพูดบอกเพื่อนเหมือนเป็นเรื่องสามัญทั่วๆไปเขาทำกัน
“ไอ้บ้าเอ๊ย มึงนี่มันร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ เออๆ มึงไม่ต้องห่วงทางนี้ เดี๋ยวกูเคลียร์ทางไว้ให้มึงเอง มึงไปดูพ่อสิงห์อย่างสบายใจหมดห่วงได้เลย เอาไว้กูเคลียร์ทางนี้ให้มึงเรียบร้อยเมื่อไหร่ กูจะตามลงไปเยี่ยมพ่อก็แล้วกันนะ” วรสิทธิ์รับปากเป็นมั่นเหมาะ อดจะดีใจไม่ได้มากกว่า ถ้าหากน่านพยัคฆ์จะมีครอบครัว เหมือนดั่งเช่นเขากับพีรยุทธ์เสียที
“ขอบใจมากไอ้เพื่อนรัก...” น่านพยัคฆ์ขอบใจเพื่อนรักก่อนจะกดวางสาย เขารู้สึกสบายใจมากขึ้น ก็คงหมดห่วงเรื่องของนิดาไปได้เปลาะหนึ่ง เมื่อเขาแน่ใจในของตัววรสิทธิ์ เพื่อนรักของเขาคนนี้จะดูแลเมียของเขาได้เป็นอย่างดี โดยที่เขาไม่ต้องนึกห่วงอะไรมาก...
เมื่อน่านพยัคฆ์นำพาร่างใหญ่ลงมาถึงชั้นล่างแล้ว เขาจึงไม่รอช้ารีบวิ่งไปยังรถยนต์สีดำของตัวเอง เมื่อชายหนุ่มขึ้นมานั่งบนรถ มืดก็เหยียบคันเร่งขับเคลื่อนยานเหล็กมุ่งตรงสู่สนามบินปานจรวดทันที...
********************************