8

1007 Words
8 “ไปสิ วันสำคัญของลูกไม่ไปได้ยังไง” ชาติชายตอบว่าที่ลูกเขย “ถ้าอย่างนั้นเราไปพร้อมกันเลยดีไหมครับ ผมจะได้พาคุณพ่อคุณแม่เที่ยวด้วย ที่ฝรั่งเศสมีที่เที่ยวเยอะเลยครับ” เดลฟีนกล่าวชวน “แต่แม่ห่วงร้าน ถ้าไปนานขนาดนั้นร้านก็ต้องปิด กลัวลูกค้าหาย” สาวินีเปิดร้านทำผม ลูกค้าที่มาใช้บริการล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าเก่า นางกลัวว่าหากไปเมืองนอกนานขนาดนั้น ลูกค้าเก่าอาจหาย คราวนี้รายได้ที่วันหนึ่งไม่ถึงหนึ่งพันบาทก็คงหายตามไปด้วย “จะกลัวอะไรล่ะ อย่าลืมสิว่านังยาได้สมบัติจากแม่เยอะ เดี๋ยวให้มันไปเบิกเงินจากธนาคารมาให้ก็ได้ แล้วถ้าไม่พอก็ให้มันขายที่เอาเงินมาใช้จ่าย ไม่เห็นต้องกลัวอดตายเลย อีกอย่างเรากำลังได้ลูกเขยรวย ฉันว่านะปิดร้านไปเลยก็ยังได้” ชาติชายกระซิบข้างหูภรรยา ที่ยิ้มรับคำพูดสามี นางลืมเรื่องนี้เสียสนิท ทั้งที่ไม่น่าลืม อาจเป็นเพราะไม่เคยใส่ใจหรือสนใจสิรินยา จึงไม่คิดถึงมรดกที่ลูกสาวคนเล็กได้รับจากจำเนียร “ไปก็ไปจ้ะ” สาวินีตอบรับว่าที่ลูกเขย “แต่ก่อนไปพ่ออยากเลี้ยงฉลองวันรับปริญญาก่อนน่ะ” ปกติแล้วงานเลี้ยงฉลองวันรับปริญญาจะจัดขึ้นหลังได้รับปริญญาบัตร ทว่าชาติชายอยากอวดว่าที่ลูกเขยกับญาติและเพื่อนฝูง เขาจึงคิดจัดงานนี้ก่อนวันรับปริญญาบัตร “พ่อกับแม่กะว่าจะจัดที่บ้านนะ กะจะเชิญแค่ญาติกับเพื่อนๆ แต่คิดไปคิดมา กลัวบ้านจะเล็กไป เลยคิดว่าจะจัดงานในสโมสรใกล้บ้าน” สาวินีบอกเพิ่มเติม “ผมว่าจัดที่โรงแรมดีไหมครับ สะดวกดี เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ผมยินดีออกให้ทั้งหมดครับ เพื่อเมญ่า ผมทุ่มเต็มที่ครับ” เดลฟีนส่งสายตาหวานยิ่งกว่าน้ำตาลให้คนรักในขณะที่เขาพูดประโยคท้าย สิริยากรเขินหนัก แก้มแดงระเรื่อ ส่วนว่าที่พ่อตาแม่ยายยิ้มให้กัน ดีใจที่มีพ่อบุญทุ่มออกค่าใช้จ่ายให้ คงจะมีเพียงสิรินยาคนเดียวที่ดูไม่มีความสุขในการรับประทานอาหารมื้อนี้ หล่อนมองทุกคนด้วยสายตาเศร้าสร้อย ไม่มีใครบนโต๊ะอาหารพูดคุยกับหล่อนเลยสักคน พวกเขาต่างพูดคุยกันถึงเรื่องงานวันรับปริญญาที่จะจัดให้สิริยากร ทั้งที่หล่อนสำเร็จการศึกษาพร้อมกับพี่สาว ทว่าบิดามารดาไม่หลุดปากสักคำว่า ตนมีส่วนร่วมด้วย สิรินยารวบช้อนไว้ริมจาน ลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหารเงียบๆ อย่างเดียวดาย ราวสามทุ่มเศษ หลังจากทานมื้อค่ำกับครอบครัวสิริยากร เดลฟีนชวนครอบครัวคนรักไปนั่งฟังเพลงในผับของโรงแรม แต่ชาติชายที่เกิดอาการมึนศีรษะจากการดื่มไวน์มากไปหน่อย เขาจึงปฏิเสธและกลับบ้านพร้อมภรรยา ความที่อยากเปิดทางให้ว่าที่ลูกเขยอยู่ตามลำพังกับสิริยากร โดยไม่มีใครเป็นก้างขวางคอ อยากให้ทั้งสองมีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ตามประสาคนรัก เขาตั้งใจว่าจะพาสิรินยากลับไปพร้อมกับตนด้วย ทว่าสิริยากร อยากให้น้องสาวฝาแฝดเปิดหูเปิดตาบ้าง หล่อนจึงบอกบิดาให้สิรินยาอยู่เที่ยวด้วย มีหรือที่ชาติชายจะค้านบุตรสาวอันเป็นที่รัก “นักร้องร้องเพลงเพราะจังเลยค่ะ” สิริยากรบอกคนรักพลางยกน้ำพันซ์ขึ้นดื่ม “เพราะมากเลยด้วย” เขาเห็นด้วย “แต่ผมว่าเมญ่าของผมร้องเพราะกว่า” เดลฟีนทำตาหวานใส่ จับมือหล่อนขึ้นมาจูบกลางฝ่ามือ ก่อนจะช้อนตามองคนรักด้วยดวงตาที่ประกายไปด้วยความรักอย่างเต็มเปี่ยม สิริยากรขวยเขิน แก้มแดง ทำหน้าเอียงอายได้อย่างน่ารัก ไม่สนใจอีกคนหนึ่งที่คล้ายเป็นส่วนเกิน แฝดพี่กับเดลฟีนคงลืมไปว่ามีอีกคนนั่งร่วมโต๊ะด้วย ยิ่งเห็นยิ่งอิจฉา ใช่...สิรินยากำลังอิจฉาพี่สาวในใจ อยากจะใจกล้าลุกขึ้นมาแย่งชิง แต่ก็ไม่รู้ว่าด้วยวิธีไหน และไม่รู้ว่าหากแย่งชิงมาเป็นของตนได้แล้ว เขาจะรักหล่อนเหมือนกับที่รักสิริยากรหรือไม่ คิดแล้วเศร้าใจหนัก นั่งทนมองต่อไปแทบไม่ไหว คิดในใจว่าไม่น่ามาเลย “อย่าค่ะ ดูสิคะญาญ่ามองใหญ่แล้ว” สิริยากรบอกให้คนรักรู้ตัว “ตามสบายเลย ฉันจะไปเข้าห้องน้ำพอดี” พูดจบ สิรินยาก็ลุกเดินออกไปจากผับ ไปเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดตามที่บอกทั้งคู่ไว้ พอเข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำ สิรินยายืนมองดูตัวเองในกระจก หล่อนพินิจมองดูตัวเอง รูปร่าง หน้าตา ของหล่อนเหมือนสิริยากรทุกอย่าง จะแตกต่างก็ตรงนิสัย แต่ทำไมหล่อนถึงไม่ได้ความรักจากคนรอบข้าง ทุกคนต่างให้ความสนใจสิริยากร ทำไมนะ ทำไม ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หรือว่าตนไม่มีเสน่ห์ ไม่มีแรงดึงดูดใจชาย แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะภายนอกหล่อนเหมือนพี่สาวฝาแฝดทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังมีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่กว่าคนเป็นพี่เสียอีก ฉะนั้นตนก็ต้องมีแรงดึงดูดใจชายมากกว่าสิ แต่ก็อย่างว่าหล่อนไม่ได้เปลือยกายให้ชายใดเห็น พวกเขาจึงไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ พากันไปขายขนมจีบสิริยากรที่มีเสน่ห์ล้นเหลือทั้งสิ้น สิรินยาจึงไม่แปลกใจที่เดลฟีนรักและหลงพี่สาวของหล่อนมาก...มากเสียจนไม่ชายตาแลหญิงสาวอีกคนที่หน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เฮ้อ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD