ตอนที่ 1 ย้อนเวลากลับมาพร้อมกับสมาร์ทโฟน

2439 Words
แฮ่ก แฮ่ก “เวรเอ้ย!” ผมสบถออกมาด้วยความเจ็บปวด สภาพของผมตอนนี้ ใครเห็นก็ต้องว่าบาดเจ็บสาหัส ทั้งกระสุนปืน และของมีคมที่ผมโดนรุมทำร้ายมา ซึ่งผมกำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง เนื่องจากผมรู้อะไรมากเกินไป แม้แต่ตำแหน่งยศพันเอกของผมก็ไม่สามารถช่วยเหลือผมในตอนนี้ได้ เหรียญกล้าหาญอีก 7 เหรียญ และเหรียญกล้าหาญสูงสุดอีกสองเหรียญ รวมถึงเหรียญกล้าหาญสูงสุดจากประเทศอเมริกาอีกหนึ่งเหรียญ เพียงเพราะผมเข้าไปยุ่งเรื่องการเมืองจนทำให้พรรคที่มีอำนาจมากที่สุดทั้งสองพรรคต่างตั้งเป้าหมายมาที่ผม แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ และผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ผมโดนตามล่าอยู่เจ็ดวัน และในคืนนี้เป็นคืนของวันที่เจ็ด สุดท้ายพิษบาดแผลทำให้ผมแทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ “สุดท้ายแล้วต่อให้จะสู้เก่งยังไงก็ยังแพ้อำนาจอยู่ดี” “เหอะ” ผมสบถออกมาอีกครั้งก่อนจะวิ่งมาหยุดที่หน้าผาที่มีเหวลึกลงไป ฟึบๆ ชึก “แม่งเอ้ย!” ผมตะโกนด้วยความโมโหเมื่อปืนในมือของผมกระสุนหมด ทำให้ผมไม่สามารถยิงพวกที่กำลังโรยตัวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่บนฟ้าได้ ผมเหลือเพียงแต่มีดสั้นเล่มเดียวเท่านั้น ต่างจากพวกมันที่มีทั้งปืนกล อาวุธสงคราม และสไนเปอร์ ฟุบ จนผมโดนเล็งเป้า แต่ด้วยประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ของผม ที่ได้รับการกระตุ้นมาจากอะดรีนาลีน ทำให้ผมหลบกระสุนที่พวกบนฟ้ายิงผมได้ แต่มันก็ทำให้ผมต้องสะดุดก้อนหินกลิ้งตุบลงไปที่ริมหน้าผา ปัง ฟึบๆ ฉึก ฟูบ เมื่อพวกมันโรยตัวถึงพื้นดิน มันคนหนึ่งยิงผมทันที แต่ผมก็ได้กลิ้งไปใช้มีดเสียบเข้าไปในขมับของพวกมันคนหนึ่งและกลิ้งกลับไปที่ริมหน้าผา สุดท้ายผมก็ยังคงโดนพวกมันรุมล้อมเต็มไปหมด ไม่มีทางให้ผมหนีอีกแล้ว “ถ้ากูตาย…ทุกอย่างคงจะดีขึ้น” ผมกล่าวจบก็ปล่อยตัวหงายหลังดิ่งลงไปที่หน้าผาลึก ความมืดมิดทำให้ผมได้ย้อนกลับไปคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเจอมาตลอด ความกดดัน ความพยายาม ความจำเป็น มันทำให้ผมต้องเลือกมาเส้นทางนี้ เพื่อให้น้องของผม ไทม์ ได้ทำอาชีพของตัวเองต่อไปโดยไม่ถูกขัดขวาง แต่ระบบอุปถัมภ์มันก็ยังทำให้เขาต้องลำบากอยู่พอสมควร และผมได้นึกถึงร่างไร้ชีวิตของน้องสาวคนเล็ก ทูไนท์ และนึกถึงแม่ อริส ที่ฆ่าตัวตายไปเพราะความเครียด ทั้งน้องสาวและแม่ ต่างฆ่าตัวตายไปเพราะโดนอำนาจกดดัน ผมเองก็กำลังจะตายด้วย อำนาจ น้องชายของผมก็กำลังถูกกดดันด้วยอำนาจ คำว่า ‘อำนาจ’ แม่งน่ากลัวจริงๆ และคำว่า ‘เงิน’ มันสามารถทำให้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว คำว่า ‘ความสามารถ' ก็ยังคงพ่ายแพ้ต่อสองสิ่งนี้ “ทำไมเหวลึกจังวะ…ตายๆไปสักที” ผมกล่าวจบก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง “หืม?” แต่เมื่อผมลืมตาขึ้นมา ทุกอย่างยังคงมืดเหมือนเดิม เพียงแต่ผมรู้สึกเย็นมากๆ และกลิ่มหอมๆของที่ปรับอากาศที่ผมไม่ได้อยู่ในความสบายแบบนี้มานานแล้ว รวมถึงความเจ็บปวดตามบาดแผลบนร่างกายก็ไม่มีอีกด้วย ฟึบๆ หมับ ผมพยายามลูบๆคลำๆบนที่ที่ผมนอนอยู่ ซึ่งมันเป็นเตียงที่นอนได้สบายมากๆจนมือของผมได้จับสัมผัสที่คุ้นเคย น่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แต่มันมีอยู่สองเครื่องนี่สิ ผมก็เลยหยิบขึ้นมาดูทั้งสองเครื่อง “1 กรกฎาคม” “21 พฤษภาคม” “แล้วทำไมเวลามันไม่เหมือนกันวะ?” ผมกล่าวกับตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งบนเตียงและเปิดไฟฉายโทรศัพท์เครื่องแรก “ห้องคุ้นมากเลยแฮะ” ผมกล่าวพลางเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟข้างประตูทางเข้าห้อง ปิ๊ด “ถ้าจำไม่ผิดวันนี้มันวันที่ 21 ไม่ใช่เหรอ?” ผมกล่าวถึงช่วงเวลาที่ผมได้กระโดดหน้าผา แล้วโทรศัพท์อีกเครื่องมันบอกวันที่อะไรของมัน? “แล้ว…นี่มันโทรศัพท์เครื่องเก่าของฉัน?” ผมกล่าวถึงโทรศัพท์มือถือที่บอกว่าวันนี้คือวันที่ 1 กรกฎาคม “หือ…หน้าตาของฉันมัน?” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปที่หน้าโต๊ะกระจกโดยที่มือทั้งสองของผมยังกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ หน้าตาของผมมันดูเหมือนผมย้อนกลับไปอายุราวๆยี่สิบต้นๆ ผมเลยรีบเปิดโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่ามาดูเวลา “ปี 2563…” ผมกล่าวด้วยความสับสนก่อนจะเปิดโทรศัพท์เครื่องใหม่ “แล้วนี่อะไร…2573?” ผมกล่าวขึ้นเมื่อลองมาเปิดโทรศัพท์เครื่องใหม่ดูปฏิทิน และที่แปลกคือเวลาของโทรศัพท์เครื่องใหม่ของผมมันไม่เดิน และไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย หรือว่ามันจะไม่มีเน็ต? แต่ก็ไม่ใช่ เน็ตก็เป็น 4G ติ้งๆๆ ติ้งๆๆ “แม่?” ผมกล่าวเมื่อโทรศัพท์เครื่องเก่าของผมมีชื่อแม่โทรหาขึ้นมา “ครับ?” ผมกดรับสายและกล่าวตอบรับอีกฝ่าย “เป็นยังไงบ้างลูก…วันแรกที่มหาลัย" แม่กล่าวถามผมเป็นภาษาอังกฤษ ผมมั่นใจ นี่แหละเสียงแม่ แต่แม่เสียชีวิตไปแล้วไม่ใช่หรือไง? “…” ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่กำลังคิดเรื่องมากมายเกี่ยวกับแม่ในหัว “…" “เอ่อ…” ผมถึงกับพูดไม่ออก ทุกๆอารมณ์มันเข้ามาทีเดียวหมดจนทำให้ผมสับสนมากกว่าเดิม ‘มหาลัยวันแรก?’ ‘เดี๋ยวก่อนนะ…ถ้าวันแรกน่าจะเป็นวันที่สิบสามไม่ใช่หรือไง?’ และผมก็ได้คิดถึงเรื่องในอดีต “แม่…มหาลัยยังไม่เปิด” ผมกล่าวท้วงกลับไป “อืม…” “จริงด้วย!” “มหาลัยลูกเปิดวันที่ 13 นี่เนอะ” แม่ตอบกลับมาทำให้ผมเริ่มมั่นใจ ‘ย้อนเวลา…ถามจริง?’ ผมคิดในใจก่อนจะตั้งสติอีกครั้ง “ใช่ครับ…แม่อยู่กับน้องไหมครับ?” ผมกล่าวถามด้วยความสงสัย ถ้าหากย้อนเวลากลับมาจริงๆ แม่มีชีวิตอยู่ ทูไนท์ก็ยังมีชีวิตอยู่! “ใช่จ่ะ…” แม่กล่าวจบก็ได้ยินเสียงเดินไปเปิดประตูห้อง และมีเสียงทีวีแทรกเข้ามา “ว่าไงคะพี่?” ก่อนที่จะมีเสียงทูไนท์กล่าวทักทายผม มันทำให้ผมถึงกับขนลุกไปหมด มือสั่นปากสั่น “ฮึก…ฮ่าๆ” “เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม?” ผมหัวเราะก่อนจะกล่าวถามน้องสาว “แม่…พี่เล่นยาอะไรหรือเปล่า?” ทูไนท์กล่าวถามแม่ทันทีที่ผมมีท่าทางแปลกๆ “จะบ้าเหรอ…พี่แค่คิดถึงน้องสาวสุดสวยของพี่เอง” “แค่นี้ก่อนนะ…พี่ไปทำธุระก่อน" ผมกล่าวก่อนจะตัดสายทิ้งทันที “เป็นเรื่องจริง…แม่งเป็นเรื่องจริง!” “ไอเหี้ย!!” ผมส่งเสียงดังออกมาด้วยความดีใจ ผมย้อนเวลากลับมาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรก็ตามแต่ หึ… และเมื่อผมตั้งสติได้ ผมจึงพยายามคิดเกี่ยวกับโทรศัพท์เครื่องใหม่ของผม ซึ่งผมมั่นใจว่ามันคือโทรศัพท์ของผมจากชีวิตที่แล้วแน่ๆ แต่เพราะอะไรมันถึงมากับผมด้วยนะ? “เดี๋ยวก่อน…ข่าวทั้งหมด…" เมื่อผมลองเปิดรูปภาพ และเข้ากูเกิ้ลโครมดู ปรากฏว่าข่าวที่กำลังนำเสนอมันคือข่าวของปี 73 ผมจึงลองหาข่าวของปีอื่นๆ ปรากฏว่าผมสามารถดูข้อมูลพวกนี้ได้ทั้งหมด แต่มันไม่มีข่าวใหม่อะไรเลย มีแต่ข่าวเดิมๆของวันนั้นวันที่ผมตาย ไม่มีการอัปเดท และไม่ว่าจะเป็นแอปอะไรผมก็เข้าไปเล่นได้ทั้งนั้น เฟสบุ๊ค อินสตราแกรม ยูทูป ก็มีสื่อของทุกปี “ก็สวยดิแบบนี้” ผมกล่าวออกมาเมื่อนึกเกี่ยวกับการตลาด และสินทรัพย์ดิจิทัล ค่าเงิน เหรียญ Bitcoin การลงทุน ข่าวร้าย ข่าวดี การเมือง กราฟแท่งเทียน มันมีหมดทุกอย่าง “มีเพียงเงินสินะที่เราทำอะไรไม่ได้” ผมกล่าวถึงแอปธนาคาร ที่ไม่ว่าผมจะกดเข้าไปกี่ครั้ง กี่แอป มันก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ผมเลยลองเปิดแอปธนาคารในโทรศัพท์เครื่องเก่าดูจนได้เห็นเงิน 15,466 บาทในบัญชี “หวานหมู…เทรดกันเลยดีกว่า” ไฟในการหาเงินของผมมันลุกโชนขึ้น ผมจึงไม่รอช้ารีบเปิดคอมพิวเตอร์ของผมขึ้นมาทันที “เดี๋ยว…หวยน่าจะไวกว่า” ผมกล่าวเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ถ้าหากวันนี้เป็นช่วงต้นเดือนและเป็นวันอาทิตย์ แสดงว่าพรุ่งนี้วันที่ 2 หวยจะออก และถ้าหากผมจำไม่ผิด ในวันพรุ่งนี้คนที่ได้รับเงินหกล้านบาทจะปรากฏตัวในอำเภอนี้ เธอคือญาติของป้าร้านสะดวกซื้อ และถึงแม้เธอจะได้รับเงินไป และร้านนั้นมันอยู่ติดกับหอพักของผมพอดี ข่าวของเธอดังไปทั่ว เธอมีจิตใจงดงามมากๆ และเป็นกันเองสุดๆ และเธอก็เล่าว่าหวยใบนั้นไม่มีคนซื้อ เพราะมันเป็นเลขที่ไม่มีใครคิดถึงเหมือนเลขอื่นๆ เธอได้ซื้อหวยมาสิบใบที่เหลือ และปรากฏว่าเธอถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งเธอซื้อไปช่วงค่ำๆพอดีด้วย จะรออะไรล่ะ วิ่งสิครับ! เมื่อผมได้เข้าไปเช็คข่าวนี้ปรากฏว่ามันเป็นจริง ผมจึงไม่รอช้ารีบวิ่งลงจากหอพักชั้นสี่ของผมทันที และวิ่งต่อไปที่ร้านสะดวกซื้อข้างหอพักพร้อมกับได้เห็นป้าคนนั้นตั้งแผงขายล็อตเตอรี่อยู่จริงๆ และมันยังเหลืออีกมากตามที่เธอได้ให้สัมภาษณ์ในข่าว “อืม…” ผมได้มายืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะขายล็อตเตอรี่ของป้าและคิดอยู่สักพัก “ซื้อไหมลูก?…เผื่อพรุ่งนี้จะถูกรางวัลเข้ารวยเลยนะ” ป้ากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “จะวันที่ 2 แล้ว” “2 ใบก็แล้วกันครับ” ผมกล่าวก่อนจะหยิบล็อตเตอรี่สองใบขึ้นมา 873286 ใบนี้แหละคือรางวัลที่หนึ่ง ส่วนอีกใบผมสุ่มมามั่วๆโดยไม่ได้ดูเลขด้วยซ้ำ ผมจึงยื่นแบงค์ร้อยสองใบไปทันที “ไม่ต้องทอนครับป้า…อวยพรให้ผมถูกรางวัลก็พอครับ” ผมยิ้มให้กับป้า แต่ในใจจริงแล้วกลับหัวเราะอย่างสะใจ ‘ขอโทษนะครับป้า…ผมขอไปสร้างตัวก่อนละกัน’ ‘มีแล้วจะช่วยเหลือป้าแน่นอนครับ’ ผมกล่าวถึงป้าเจ้าของร้านสะดวกซื้อ “จ้า…รวยๆเฮงๆนะพ่อหนุ่ม” ป้ากล่าวก่อนที่จะมีกลุ่มนักศึกษาเดินออกมาจากร้านหมาล่า ซึ่งพวกเธอเป็นหญิงสาวกันทั้งหมด “อุ้ย” “โห” “อื้อหืมม…” และด้วยท่าทางแปลกๆของพวกเธอทำให้ผมเริ่มสงสัย จนผมได้เห็นสายตาของพวกเธอที่กำลังจ้องมองส่วนล่างของผม 'เวรกรรมจริงๆ' ผมคิดในใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมไม่ได้ใส่กางเกงใน ผมใส่เพียงกางเกงบอลกับเสื้อยืดธรรมดาๆ ทำให้น้องชายของผมมันพูนออกมา “พ่อหนุ่ม…ใหญ่จริงๆเลยนะ” ป้าที่นั่งอยู่ข้างหน้าของผมกล่าวเมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้า “ครับ…ฮ่าๆ” ผมตอบรับและหัวเราะออกมา ถึงแม้ผมอยากจะมุดดินหนีไปก็ตามแต่ ถ้าหากผมทำแบบนั้นมันจะยิ่งได้ใจพวกผู้หญิงและผมก็จะเขินมากกว่าเดิม ซึ่งเมื่อผมได้สิ่งที่ต้องการแล้วผมจึงเดินกลับไปที่หอพักอย่างสบายใจ และพยายามไม่คิดเรื่องเมื่อครู่ ไปคิดเรื่องเงินที่ผมจะได้พรุ่งนี้ซะดีกว่า แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ได้คิดเกี่ยวกับชีวิตที่แล้วที่แม่ของผมโดนกดดัน และมีเรื่องเครียดสะสมจนทำให้แม่ฆ่าตัวตาย ส่วนน้องสาวของผม ทูไนท์ ชีวิตเธอกำลังไปด้วยดีในฐานะไอดอลวงเกิร์ลกรุ๊ป แต่เพราะเธอไปตามคำเชิญของรุ่นพี่ที่เป็นทหารซึ่งได้ยินว่าเธอแอบชอบเขาอยู่ เขาใช้เธอเป็นเครื่องมือส่งให้นายของตัวเองเพื่อความสบายในอนาคต ภายในตึกคาราโอเกะชื่อดังที่กรุงเทพ ทูไนท์ที่ไม่ยอมโดนรุมข่มขืนจากพวกตาแก่หื่นกาม เมื่อไม่มีทางหนีประตูห้องลับถูกล็อค มีเพียงกระจกที่เธอจะออกไปจากห้องนรกนี้ได้ เธอจึงยอมตายดีกว่าโดนย่ำยี ทูไนท์กระโดดลงจากตึกสิบสามชั้นและเสียชีวิตไปในที่สุด แต่ด้วยอำนาจที่พวกมันมีทำให้คดีใหญ่นี้ลดทอนลงมา ข่าวมันก็ยังคงถูกสืบต่อ แต่ไม่มีใครมาช่วยเหลือ ไม่มีทนายรับคดี และไม่มีตำรวจตามเรื่องให้ คดีจึงถูกสรุปว่าทูไนท์เมาและทุบกระจกเพราะว่าอกหัก อารมณ์ของเธอดิ่งจนขีดสุดและก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น พวกมันก็มางานศพและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง โถไอเวร ในชีวิตนี้เดี๋ยวมึงเจอกูใหม่อีกรอบ เพราะถึงแม้ในชีวิตที่แล้วผมจะทำลายพวกมันสำเร็จ ผมได้ขุดเรื่องชั่วๆของพวกมันขึ้นมา ทั้งเรื่องยาเสพติด เรื่องสีเทาและสีดำมากมายจนทำให้ชีวิตราชการของพวกมันจบลง และผมก็ได้กระทืบรุ่นพี่ทหารที่ทูไนท์แอบชอบจนปางตาย และนั่นแหละทำให้ผมเริ่มเข้าสู่สายดำด้วยการช่วยเหลือของพวกมาเฟีย แต่ความสามารถของผมก็ยังเป็นของจริง ผมได้รับการผลักดันจากทุกๆคนจนประสบความสำเร็จ สุดท้ายก็มาตายเพราะเข้าไปยุ่งเรื่องการเมืองมากเกินไป ‘คำว่าอำนาจใช่ไหมที่ทำให้ฉันเสียคนในครอบครัวรวมถึงตัวฉันเอง’ ‘ได้เลย…ในชีวิตนี้ฉันจะสร้างอำนาจขึ้นมา’ ‘และใช้เงินตบหน้าแม่งให้หมด’ ‘พวกเวร’ ผมยิ้มชั่วร้ายอยู่ในใจก่อนที่จะมีรถมอเตอร์ไซต์ขับผ่านผมไป “หูววว!ใหญ่มากกก!” ซึ่งดูเหมือนพวกเขาทั้งสามคนจะเป็นเพศที่สาม และกล่าวออกมาเสียงดังจนทำให้ผมกลับมาเขินเหมือนเดิม…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD