1 เดือนต่อมา ณ ไร่ดุจตะวัน “ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา…” เสียงสวดคาถาชินบัญชรดังมาจากห้องพระที่อยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน เจ้าของเสียงพนมมือหน้าหิ้งพระที่มีพระพุทธรูปหลายองค์ตั้งอยู่ หนึ่งในนั้นคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือที่เรียกติดปากว่า หลวงพ่อโตรวมอยู่ด้วย ณัฐรวีท่องคาถาดังกล่าวโดยไม่ต้องพึ่งหนังสือสวดมนต์ หล่อนสวดทุกวันวันละหนึ่งรอบมาตลอดสามปี ทุกบทจึงท่องจำได้ขึ้นใจ ยามว่างจากการทำงานบ้าน ณัฐรวีจะขึ้นมาห้องพระเพื่อสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน เพราะการสวดมนต์ถือเป็นบุญอย่างหนึ่ง นอกจากจะทำให้จิตใจสงบ รู้จักบาปบุญคุณโทษ และปลงกับชีวิต สังขารและความไม่เที่ยงของโลก หล่อนยังแผ่เมตตาให้กับตัวเอง ให้ตนเองได้พ้นจากความทุกข์กายทุกข์ใจ หลุดพ้นจากความเจ็บปวดในเร็ววัน “นังรวี” เสียงเรียกชื่อคนกำลังสวดมนต์ดังทั่วทั้งห้อง เจ้าขอ