ก่อนเวลาภูริภัทรมารับณัฐรวีครึ่งชั่วโมง เมฆาเดินมาเคาะประตูห้องณัฐรวีแทนการใช้กุญแจไขเช่นทุกครั้ง ที่เขาทำเช่นนี้เป็นเพราะแก้วตากลับมาบ้าน เขาจะทำตัวเข้านอกออกในห้องนี้ตามใจชอบไม่ได้ เจ้าของห้องเดินมาเปิดประตู พอรู้ว่าเป็นใคร ใจหล่อนเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ กับสายตาไม่พอใจที่กวาดมองตนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ทุกวันตลอดสามปีเมฆาจะเห็นณัฐรวีสวมเสื้อผ้าตัวเก่า ซ้ำไปซ้ำมา สีหมองลงตามเวลา บางตัวมีรอยปะรอยชุน ทว่าวันนี้หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตแขนตุ๊กตาสีชมพู กางเกงเป็นแบบพอดีตัวสีครีมที่ดูเข้ากัน ณัฐรวีสวมชุดนี้แล้วดูแปลกตา ดูสดใสน่ารัก และน่ามอง
“ใส่ชุดใหม่ซะด้วย” น้ำเสียงบอกให้รู้ได้ว่า เมฆากำลังไม่พอใจ
“ชุดที่พี่ปิ่นให้รวีมาค่ะ พี่ปิ่นบอกว่า วันนี้ให้รวีใส่ชุดที่เธอให้ค่ะ” ณัฐรวีบอกเมฆา เขาไม่ได้พูดอะไรก้าวเดินเข้าไปในห้อง มาหยุดยืนหน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนเปิดมันออก ทำบางอย่างที่เจ้าของห้องตกใจ “คุณเมฆเอาเสื้อผ้ารวีออกมาทำไมคะ”
เมฆาไม่สนใจคำถาม เขาหยิบเสื้อผ้าที่แขวนไว้เป็นระเบียบออกจากตู้ โยนมันลงบนพื้น เหลือเพียงเสื้อผ้าเก่าของณัฐรวีที่แขวนอยู่บนราว
“เอาไปเผาน่ะสิ” เขาตอบเสียงเรียบ หันมามองหน้าณัฐรวี
“นี่มันเสื้อผ้ารวีนะคะ คุณเมฆเอาไปเผาได้ยังไง” ณัฐรวีรีบเข้าไปหยิบเสื้อผ้าตัวสวย ที่ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีปัญญาซื้อ เป็นเพราะราคาของมันแต่ละตัวสูงถึงหลักพัน บางตัวยังมีป้ายราคาติดไว้ สามพันเจ็ดร้อยบาท หล่อนเห็นแล้วถึงกับอึ้ง และดีใจไปในทีที่ได้เสื้อผ้าใหม่แถมสวยมาสวมใส่ แต่พอได้ยินประโยคนี้ หล่อนตกใจเข้าไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมากอดไว้ ทว่าเมฆาก็ดึงออกจากอ้อมแขนหล่อนเต็มแรง
“เธอไม่มีสิทธิ์ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ หน้าอย่างเธอใส่แต่เก่าๆ หมองๆ น่ะดีแล้ว เสื้อผ้าของพี่ปิ่นราคาแพงทั้งนั้น ไม่เหมาะกับเธอสักนิดเดียว”
“เหมาะไม่เหมาะมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณเมฆ ชุดพวกนี้พี่ปิ่นให้รวีมา มันก็เป็นของรวี” หล่อนเถียงสู้ และนั่นยิ่งทำให้เชื้อไฟแห่งความโกรธโถมใส่หัวใจเขามากขึ้น
“เดี๋ยวนี้เธอกล้าเถียงฉันเหรอ ไปไร่โน้นแค่วันเดียวเธอถึงกับผยองกับฉัน อยากลองดีกับฉันหรือไง” เมฆาก้าวเท้ามาหาณัฐรวีที่ยังคงกอดเสื้อผ้าสองสามตัวไว้แน่น หล่อนก้าวถอยหลังหนีร่างหนาก้าวต่อก้าว
“รวีไม่ได้เถียง ไม่ได้ผยองกับคุณเมฆ แต่เสื้อผ้าพวกนี้พี่ปิ่นให้รวีมา มันเป็นของรวี” น้ำตาคนพูดเริ่มไหล ความกลัวไม่หนีไปจากจิตใจเลย
“อย่างนี้แหละที่เรียกว่าเถียง ปีกกล้าขาแข็งอย่างนี้ต้องสั่งสอนให้เข็ด ให้หลาบจำ” เมฆาทำในสิ่งที่ณัฐรวีไม่คาดคิด นอกจากจะดึงเสื้อผ้าออกจากอ้อมแขนหล่อนแล้ว เขายังกระชากเสื้อที่ณัฐรวีสวมใส่ เสื้อเชิ้ตช่วงแขนฉีกขาดตามแรงกระชาก ณัฐรวีกรีดร้องด้วยความตกใจ ปัดป้องเขาพัลวัน และเสียงของณัฐรวีได้ลอดผ่านประตูห้องที่ปิดไม่สนิท
“นี่มันอะไรกัน เมฆทำอะไรรวี” เจ้าของเสียงคือเนาวรัตน์ที่เดินมาตามเสียงกรีดร้อง พอดันประตูห้องให้เปิดกว้าง ภาพที่นางเห็นคือ เมฆากำลังดึงทึ้งเสื้อผ้าของณัฐรวี เสื้อผ้าหลายตัวเกลื่อนพื้น
“คุณป้าช่วยรวีด้วยค่ะ” ณัฐรวีวิ่งมาหาเนาวรัตน์อย่างคนหาที่พึ่ง ทั้งที่รู้เต็มอกว่า นางไม่มีวันเข้าข้างตน
“แม่ถามไม่ได้ยินหรือไงเมฆ ทำไมทำรวีแบบนี้ แก้วตาอยู่บ้านนะ ทำอะไรหัดดูตาม้าตาเรือซะบ้างสิ” เนาวรัตน์ไม่อยากให้แก้วตารู้เรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเมฆากับณัฐรวี เพราะนางหมายมั่นปั้นมือไว้ว่า ภรรยาในอนาคตของลูกชาย คือแก้วตาคนเดียวเท่านั้น
“ผมไม่ได้ทำอะไรรวีอย่างที่คุณแม่คิดหรอกครับ” เมฆาทำใจเย็น ตอบคำถามมารดา “ผมแค่จะเอาเสื้อผ้าที่พี่ปิ่นให้รวีไปเผาทิ้งก็แค่นั้น”
เนาวรัตน์ตกใจกับคำตอบของบุตรชาย นางไม่คิดว่า ความคิดนี้จะอยู่ในหัวเมฆา ความจงเกลียดจงชังทำให้เมฆาไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ
“แม่ว่าเมฆทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” เป็นครั้งแรกที่เนาวรัตน์ค้านการกระทำของเมฆา
“ทำไมจะทำไม่ได้ครับ ก็ผมเป็นเจ้าชีวิตรวี จะทำอะไรก็ได้”
“แต่ครั้งนี้แม่ไม่เห็นด้วย เสื้อผ้าพวกนี้ปิ่นเป็นคนให้มา ถ้ารวีไม่ได้ใส่ให้คนไร่โน้นเห็น ถ้ามีคำถามกลับมาจะตอบเขาว่ายังไง ในเมื่อให้เสื้อผ้ารวีมาแล้วรวีก็ต้องใส่สิ จะใส่เดิมๆ ทำไม” เนาวรัตน์ให้เหตุผล “แม่ไม่อยากผิดใจกับคนไร่โน้นเพราะเรื่องเสื้อผ้าพวกนี้ ปล่อยให้มันมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับเสื้อผ้าใหม่บ้างก็ได้”
เมฆานิ่งไปกับเหตุผลของคนเป็นแม่ ตวัดสายตามองณัฐรวีที่ยืนร้องไห้ข้างเนาวรัตน์ สายตาเขาไม่พอใจ แข็งกระด้าง
“แต่ถ้าเมฆอยากจะเอาไปเผาทิ้ง เอาไปครึ่งหนึ่งที่มันได้มาก็ได้ เหลือก็ให้มันเวียนใส่ ทางโน้นจะได้ไม่สงสัย” เนาวรัตน์หาทางออก “แกต้องยอมรับตามที่ฉันบอก ไปเลือกเสื้อผ้าที่แกอยากใส่ครึ่งหนึ่งที่ได้มา ไปเลือกสิ ดีกว่าไม่ได้ใส่สักตัวนะ”
ณัฐรวียังคงยืนอยู่ที่เดิม หล่อนยืนร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หล่อนไม่เข้าใจว่า แค่เสื้อผ้าพวกนี้ทำไมเมฆาถึงต้องโกรธและนำมันไปเผาทิ้ง ความเกลียดชังในใจเขารุนแรงเหลือเกิน
“ไปสิ ยืนบื้ออยู่ได้ เดี๋ยวไม่ได้ใส่สักตัวกันพอดี” เนาวรัตน์ตวาดใส่ณัฐรวีที่รีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาหลายตัว และหยิบเป็นชุดเดียวกันมาอีกสามชุด ก่อนจะยืนกอดไว้แน่น ราวกับกลัวว่ามันจะถูกพรากไปจากตน
“เมื่อวานคุณป้าสมสมรให้เงินเธอมาเท่าไหร่” เมฆาถามถึงสินน้ำใจที่สมสมรให้ณัฐรวี
“ทำไมคะ” ณัฐรวีถามกลับเสียงเครือสั่น
“ไม่ต้องถามกลับ ตอบมาว่าเท่าไหร่” เมฆาคาดคั้นถามอีกรอบ
“สองพันค่ะ”
“เอามา” เมฆาแบมือตรงหน้าณัฐรวี
“เมฆจะเอาเงินมันทำไม” เนาวรัตน์สงสัย
“รวีไม่สมควรมีเงินติดตัว อยู่แบบไม่มีอะไรเลยน่ะดีแล้ว มีข้าวกิน มีที่ซุกหัวนอนคงไม่ต้องใช้เงิน” เมฆาตอบมารดาที่อึ้งไปชั่วครู่ “มีเงินติดตัว เดี๋ยวได้คิดทำเรื่องชั่วๆ เหมือนกับแม่ของเธอ”
“พอแล้วเมฆ แค่นี้ก็พอแล้ว เงินที่มันได้มาก็เพราะมันไปนวดตัวให้สมสมร ถือว่าเป็นรายได้ของมัน มันจะไปซื้ออะไรก็เรื่องของมัน ส่วนเรื่องที่เมฆกลัวว่ามันจะทำเรื่องชั่วล่ะก็ คนมันจะทำชั่วต่อให้ไม่มีเงินติดตัวมันก็ทำอยู่ดี ซึ่งแม่ก็รู้ว่ามันไม่กล้า เพราะถ้ามันทำ แม่มันจะเดือดร้อน ไม่ได้เดือดร้อนธรรมดา เดือดร้อนหนักด้วย” เนาวรัตน์ปรามลูกชายที่ทำเกินพอดี “รวี แกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วลงไปข้างล่าง ใกล้เวลาภูมารับแล้ว”