เพียงก้าวแรกที่ก้าวเท้าเข้าไปในหอสมุด กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นก็โชยเข้ามาแตะจมูกของชิงหลัน
'บทกวีนิพนธ์ชมดอกไม้อยู่ตรงไหนกันนะ เหตุใดหอสมุดประจำราชวงศ์ถึงได้เงียบเชียบนักวันนี้'
ชิงหลันคิดขึ้นมาในใจพร้อมทั้งสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณชั้นวางหนังสือ
"หนังสือตั้งเยอะแยะมากมายขนาดนี้ วันนี้ทั้งวันเราจะหาเจอไหมเนี่ย?" ร่างบางรำพึงขึ้นมาอย่างท้อใจ
"ปกติแล้วการจัดเรียงหนังสือต้องจัดเรียงเป็นหมวดหมู่นี่นา แต่ทำไมหอสมุดแห่งนี้จึงไม่มีป้ายบอกว่าหนังสือหมวดใดอยู่หมวดใดกันแน่นะ"
ชิงหลันพูดบ่นพึมพำคนเดียวเสียงเบาพร้อมทั้งเดินตามหาหนังสือบทกวีนิพนธ์ชมดอกไม้ที่ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้นำกลับไปด้วยความรู้สึกที่เป็นกังวลอย่างหนัก
เสียงกุกกักจากการค้นหาหนังสือที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่ก้าว ทำให้บุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ อย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น จำต้องหยุดชะงักไปในทันที และได้ตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินตามหาที่มาของเสียงนั้นด้วยความสงสัย
เมื่อเดินมาถึงที่มาของต้นเสียง จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว จึงพบว่าผู้ที่ทำเสียงดังกุกกักเป็นเพียงนางกำนัลผู้หนึ่งนั่นเอง ทว่าความงดงามอันรัดรึงใจของนางนั้นกลับสร้างความสั่นไหวในหัวใจให้เกิดขึ้นกับบุรุษผู้นี้เป็นอย่างมาก
"ไม่ทราบว่าเจ้าหาสิ่งใดอยู่เช่นนั้นหรือ?" เสียงเข้มที่ดังขึ้นอยู่ตรงเบื้องหน้าทำให้ชิงหลันค่อย ๆ เงยหน้าของตนจากกองหนังสือขึ้นมามองดูอย่างช้า ๆ ก็พบเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งอายุราวสามสิบกว่าปีที่มีใบหน้าคมคายหล่อเหลาและรูปร่างสูงใหญ่กำยำยิ่งนักจึงเอ่ยตอบไปว่า
"ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ข้านำหนังสือบทกวีนิพนธ์ชมดอกไม้กลับไปอ่านให้ฟังที่ตำหนักเจ้าค่ะ" ชิงหลันตอบด้วยความสุภาพเรียบร้อยเพราะคิดขึ้นมาได้ว่า บุรุษที่ตนพบเจออยู่นี้อาจจะเป็นขุนนางในราชสำนักผู้ใดผู้หนึ่งก็เป็นได้
"แล้วเจ้าหาเจอหรือยัง?"
"ยังเลยเจ้าค่ะ วันนี้ทั้งวันข้าก็ยังไม่รู้เลยว่าว่าข้าจะสามารถหาหนังสือเล่มนั้นพบเจอหรือไม่กันนะเจ้าคะ" ชิงหลันตอบอย่างเป็นกังวล
"หากข้าช่วยเจ้าหาหนังสือเล่มนั้นได้เล่า เจ้าจะให้อะไรข้าเป็นการตอบแทนเช่นนั้นรึ?" เสียงเข้มเอ่ยถามขึ้นอย่างมีเลศนัย
"หากสิ่งนั้นไม่เป็นเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงของข้า ข้ายินดีตอบแทนบุญคุณของท่านทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ"ชิงหลันเอ่ยขึ้นมาอย่างมีความหวัง
"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะบอกให้เจ้าได้รับรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นต่อให้เจ้าหาแทบพลิกแผ่นดินสิ้นหอสมุดแห่งนี้เจ้าก็คงไม่สามารถหาเจอได้เป็นแน่"
"เพราะอะไรกันเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?"ชิงหลันถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
"เพราะหนังสือเล่มนั้นอยู่กับข้า"
"ใต้เท้าก็นำมันมามอบให้กับข้าตอนนี้เลยสิเจ้าคะ ไทเฮาจะได้ไม่ทรงกริ้ว หากข้ากลับไปมือเปล่าโดยที่ไม่มีหนังสือเล่มนี้ไปด้วย" ชิงหลันเสนอขึ้น
"ข้าจะยอมมอบมันให้กับเจ้าก็ย่อมได้ แต่เจ้าต้องอยู่กับข้าก่อนสักพักค่อยกลับตำหนักของไทเฮา เจ้าจะยอมรับหรือไม่?" บุรุษหนุ่มตรงหน้ายื่นข้อเสนอ
"ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะใต้เท้า ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ข้านำหนังสือเล่มนี้กลับไปอ่านให้ไทเฮาทรงรับฟังด้วย ข้าจึงไม่สามารถที่จะอยู่เป็นเพื่อนใต้เท้าได้ และการที่ชายหญิงอยู่กันเพียงลำพังสองต่อสองย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
นะเจ้าคะ" ชิงหลันแย้งขึ้นมาเสียงเบาพร้อมทั้งหลุบตาลงมองพื้น
"เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย ข้าจะให้คนนำหนังสือเล่มนั้นไปมอบให้จนถึงพระหัตถ์ขององค์ไทเฮา และฝากข้อความกราบทูลถึงองค์ไทเฮาว่าเจ้าเป็นลมหน้ามืดตอนกำลังค้นหาหนังสืออยู่ จำต้องได้รับการรักษาอาการให้ดีขึ้นเสียก่อนจึงจะกลับตำหนักของไทเฮาได้ เจ้าว่าเหตุผลนี้ฟังดูดี ฟังขึ้นหรือไม่?" บุรุษตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนฟังอีกทั้งยังส่งสายตาระยิบระยับมาให้กับชิงหลันอีกด้วย
"ทำเช่นนี้จะไม่เป็นการเพ็ดทูลความเท็จ ลบหลู่เบื้องสูงหรืออย่างไรกันเจ้าคะใต้เท้า?" ชิงหลันพูดขึ้นด้วยความหวั่นใจ
"เจ้าลองคิดทบทวนดูก่อนเถิดว่าข้อเสนอของข้าแลกกับการที่ไทเฮาจะทรงได้รับหนังสือที่พระองค์ทรงโปรดปรานกลับไปให้เจ้าอ่านให้ฟัง มันคุ้มค่ากับการเสียเวลาของเจ้าหรือไม่?"
"แล้วข้าต้องอยู่เป็นเพื่อนใต้เท้าไปนานเพียงใดกันหรือเจ้าคะ?"
"หนึ่งชั่วยาม" ร่างสูงตอบเสียงหนักแน่น
"ครึ่งชั่วยามก็คงมากเพียงพอแล้วกระมังเจ้าคะใต้เท้า" ชิงหลันต่อรอง
"ถ้าเช่นนั้นอยู่ด้วยกันสักสองชั่วยามเป็นเช่นไรบ้างเล่า?" บุรุษหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ
"เจ้าเล่ห์นักนะ" ชิงหลันพูดขึ้นด้วยความเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
"ครึ่งชั่วยามก็ครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ แล้วไหนล่ะหนังสือ เอามันมามอบให้ข้าสิเจ้าคะ" ชิงหลันพูดขึ้นพร้อมทั้งแบฝ่ามือเล็ก ๆ ยื่นไปตรงหน้า
"เจ้ารออยู่ในหอสมุดนี่ ข้าจะเป็นคนนำหนังสือเล่มนี้ฝากคนนำไปส่งมอบให้กับองค์ไทเฮาเอง" บุรุษตรงหน้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินถือสมุดเล่มนั้นออกไปยังหน้าหอสมุด เพียงสะบัดมือขึ้นครั้งหนึ่งเท่านั้น บุรุษชุดแดงผู้หนึ่งก็เหาะลงมานั่งคุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้าทันที
"นำหนังสือเล่มนี้ไปมอบให้กับองค์ไทเฮา พร้อมทั้งกราบทูลไทเฮาให้ทรงทราบว่านางกำนัลที่พระองค์ทรงส่งให้มาหาหนังสือนั้น มีอาการวิงเวียนศีรษะและเป็นลมหมดสติไป ข้าจึงได้นำตัวนางกลับไปให้หมอหลวงตรวจรักษาอาการให้ที่ตำหนักของข้าแล้ว" บุรุษหนุ่มที่ชิงหลันคิดว่าเป็นเพียงขุนนางผู้หนึ่งกล่าวขึ้นเสียงเรียบ และก้าวขาเดินกลับเข้าไปในหอสมุดอย่างนึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้
เมื่อเดินเข้ามาข้างในหอสมุดแล้ว ก็พบว่านางกำนัลตัวน้อยที่ตนรบเร้าให้อยู่เป็นเพื่อนนั้นกลับมีอาการนอนหลับสัปหงกเอียงตัวไปมาจวนจะตกจากเก้าอี้อยู่รอมร่อ จึงใช้ฝ่ามือใหญ่ของตนจับใบหน้าเล็กไว้มั่น พร้อมกับพูดออกไปว่า "เจ้ากล้าหลับทิ้งข้าได้อย่างไรกัน จงตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ"
แต่คนตัวเล็กข้างหน้านอกจากจะไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วยังกุมมือของตนเอาไว้แน่น และละเมอออกมาเสียงเบาว่า "ยายจ๋า ยายอย่าทิ้งหนูไปไหนอีกเลยนะจ๊ะ หนูมาอยู่คนเดียวตรงนี้ หนูเหงามาก ๆ เลย"
"ตื่นก่อนเถิดหนา เจ้าตัวเล็ก" บุรุษหนุ่มข้างหน้าเขย่าตัวของชิงหลันไปมาราวสามถึงสี่ครั้ง เจ้าของร่างนั้นจึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ
"ต้องขออภัยใต้เท้าด้วยนะเจ้าคะที่ข้าน้อยเสียมารยาท" ชิงหลันพูดขึ้นด้วยความเก้อเขิน
"ไม่เป็นไร ข้าจะยอมอภัยให้เจ้า หากเจ้า..." บุรุษหนุ่มตรงหน้าเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นก็เงียบเสียงไป
"หากข้า หากข้าต้องทำอันใดเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?" ชิงหลันถามขึ้นด้วยความสงสัย
"นวดให้ข้า" บุรุษผู้นั้นตอบเสียงหนักแน่น
"ข้าน้อยเกรงว่าการกระทำเช่นนี้คงจะไม่เหมาะสมกระมังเจ้าคะใต้เท้า หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจนเกินไป เรื่องนี้มิใช่เรื่องที่ถูกต้อง" ชิงหลันกล่าวแย้งขึ้น ทำให้บุรุษตัวโตตรงหน้าอดที่จะส่งสายตาขุ่นมัวมาให้มิได้
"รับปากว่าจะตอบแทนบุญคุณของข้าแล้ว กลับไม่รักษาคำพูดเลยแม้แต่นิดเดียว หึ!! กระทำการเช่นนี้ยังจะมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่อีกเช่นนั้นรึ?" บุรุษตรงหน้ากล่าววาจาตัดพ้อ
"ข้ารักษาคำพูด ข้าย่อมต้องเป็นคนรักษาคำพูดแน่นอนเจ้าค่ะ" ชิงหลันพูดขึ้นอย่างลนลาน
"แต่ใต้เท้าห้ามไปบอกใครนะเจ้าคะ ว่าข้ากับใต้เท้า เคย เอ่อ เคย อยู่ร่วมกันสองต่อสองมาก่อน"
ชิงหลันพูดขึ้นพร้อมทั้งเม้มริมฝีปากของตนไว้แน่น
"ข้ารับปาก ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่บอกใคร" บุรุษตรงหน้ากล่าวรับคำ
"เช่นนั้นใต้เท้า จะให้ข้านวดจากที่ใดก่อนเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?"
"เจ้าช่วยนวดไหล่ให้ข้าที ช่วงนี้ข้าเหนื่อยล้ายิ่งนัก" บรุษหนุ่มเอ่ยขึ้นและนั่งลงยังเก้าอี้ว่างข้างชิงหลัน
"ได้เจ้าค่ะ" ชิงหลันพูดพร้อมทั้งลุกขึ้นเดินอ้อมไปยืนด้านหลังและลงมือนวดไหล่ให้กับบุรุษตรงหน้าด้วยความตั้งอกตั้งใจ เมื่อการนวดผ่านพ้นไปได้ราวครึ่งเค่อ บรุษผู้นั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า
"เจ้ามีชื่อแซ่ว่าอะไรเช่นนั้นรึ?"
"เรียนใต้เท้า ข้าน้อยแซ่หวัง ชือ ชิงหลันเจ้าค่ะ" ชิงหลันตอบด้วยความสุภาพ
"แล้วใต้เท้ามีชื่อว่าอะไร เป็นขุนนางตำแหน่งใดกันหรือเจ้าคะ?" ชิงหลันถามกลับด้วยความสงสัยใคร่รู้
"ข้าชื่อต้าเฉิน เจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่เฉินก็ย่อมได้"
บุรุษหนุ่มผู้นั้นตอบด้วยความผ่อนคลาย แต่คำตอบนั้นกลับทำเอา
ชิงหลันต้องหัวเราะคิกคักขึ้นมาไม่หยุด
"ไม่ทราบว่าเจ้าหัวเราะอะไรข้านักหนาเช่นนั้นรึ?" บุรุษหนุ่มตรงหน้าถามขึ้นมาเสียงเข้มด้วยความไม่พอใจ
"ใต้เท้าอายุอานามเท่าไหร่กันแล้วหรือเจ้าคะ จึงมาบอกให้ข้าน้อยเรียกว่าพี่เฉินได้?" ชิงหลันถามกลั้วหัวเราะ
"ปีนี้ข้าเพิ่งจะอายุสามสิบหกเอง แล้วเหตุใดเจ้าถึงจะเรียกข้าว่าพี่เฉินไม่ได้กันเล่า?" บุรุษหนุ่มกล่าวตัดพ้อ
"อายุของใต้เท้ากับข้าห่างกันเสียมากกว่าหนึ่งรอบ ให้ข้าเรียกใต้เท้าว่าท่านอาจะมิเป็นการดีกว่าหรือเจ้าคะ?"
คำตอบของชิงหลันทำเอาบุรุษหนุ่มตรงหน้าต้องเผลอตวาดออกมาเสียงดังว่า "เจ้าช่างบังอาจนักนะ" ทำเอาชิงหลันรู้สึกตกใจกับพฤติกรรมของคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก
"ข้าจะให้เจ้าเลือกว่า เจ้าจะยอมเรียกข้าว่าพี่เฉินดี ๆ หรือไม่ หรือเจ้าจะยังดึงดันเรียกข้าว่าท่านอาอีกต่อไปเจ้าเลือกมาสักอย่างเถอะ" บุรุษหนุ่มตรงหน้าเอ่ยถามเสียงรอดไรฟัน
"ข้ายอมแล้ว ข้ายอมเรียกใต้เท้าว่าพี่เฉินแล้วก็ได้เจ้าค่ะ" ชิงหลันเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว
"ดี ถ้าเช่นนั้น ข้าคงต้องให้อะไรเจ้าเป็นการตอบแทนบ้างแล้ว" บุรุษหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและก้มหน้าลงมาหาชิงหลันอย่างช้า ๆ
ด้วยส่วนสูงที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว จึงทำให้บุรุษหนุ่มตรงหน้าต้องโน้มใบหน้าลงมาต่ำมาก และเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอย่างช้า ๆ ทว่ามั่นคงว่า "ในเมื่อเจ้ายอมเรียกข้าว่าพี่เฉิน ข้าก็จะมอบจุมพิตให้เจ้าเป็นการตอบแทน แต่ถ้าเจ้าเรียกว่าข้าว่าท่านอา เจ้าก็ต้องมาจุมพิตข้าเช่นไรกันเล่า"
"ใต้เท้าใจเย็น ๆ ก่อนเถิดนะเจ้าคะ ข้อเสนอนี้ข้าไม่ได้ยินยอมรับไว้ด้วยเลยแม้แต่น้อยนะเจ้าคะ" ชิงหลันพูดขึ้นหวังเตือนสติคนตรงหน้า และก้าวเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนหลังของตนชนเข้ากับชั้นวางหนังสือเข้า
"ข้าเป็นผู้มีพระคุณของเจ้า เจ้ากล้าที่จะไม่ตอบแทนบุญคุณของข้าได้อย่างไรกัน ช่างอกตัญญูนักนะ หากไม่อยากให้ข้ามอบของรางวัลตอบแทนเจ้า ก็เปลี่ยนมาเป็นรับบทลงโทษจากข้าแทนก็แล้วกันนะ" บุรุษตรงหน้าพูดขึ้นพร้อมทั้งก้มลงมาจุมพิตชิงหลันโดยที่เจ้าตัวยังตั้งหลักไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
'วันนี้เป็นคราวซวยของข้าหรืออย่างไรกันนะ จึงได้ถูกบุรุษถึงสองคนมาบังคับจุมพิตเอาเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะกับอีตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ ช่างไม่มีเหตุผล ช่างไม่มีความสมเหตุสมผลในการมาจุมพิตกันกับข้าเลย' ชิงหลันคิดขึ้นมาด้วยความล่ะเหี่ยใจกับโชคชะตาในการเกิดใหม่ของตนยิ่งนัก