เช้าวันใหม่ในร่างของนางกำนัลแสนสวยกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า ซึ่งถือว่าเป็นเช้าวันแรกของธิตาภาในร่างของชิงหลัน ผู้ที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันกับตนโดยไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อแสงตะวันสาดส่องลงมากระทบเข้ากับเปลือกตาคู่สวย จึงทำให้ชิงหลันต้องกะพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมทั้งพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเสียงเบาว่า "นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วนะเนี่ย? ทำไมนาฬิกาปลุกถึงยังไม่ดังอีกนะ?" แต่เมื่อลุกขึ้นมานั่งบนเตียงได้แล้ว ชิงหลันก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อระลึกขึ้นมาได้ว่าตนเองนั้นได้ตายจากยุคปัจจุบันมาอยู่ในร่างของนางกำนัลยังวังหลังแห่งนี้แล้ว อีกทั้งยังมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลองค์ไทเฮาอีกด้วย คิดได้ดังนั้นแล้วจึงรีบร้อนลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็ว
ขณะที่กำลังรื้อค้นเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าขึ้นมาใส่อยู่นั้น ก็พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังว่า "เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไป ถึงรีบให้ตายอย่างไร เจ้าก็ไปดูแลเสด็จย่าสายมากอยู่ดี"
เสียงจากทางด้านหลังที่ดังขึ้นมานั้น ทำให้ชิงหลันสะดุ้งตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อหันหน้าไปดูจึงพบว่าผู้ที่พูดกับตนอยู่นั้นคือองค์ไท่จื่อแห่งแคว้นโจวนั่นเอง
"ทะ ทะ ไท่จื่อ" ชิงหลันกล่าวออกมาได้เพียงเท่านั้น ก็ทำตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจ
"เจ้ายังคงพอจะมีสติอยู่บ้าง ที่จำได้ว่าข้าคือไท่จื่อสินะ" องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นเสียงเรียบพร้อมก้มหน้าก้มตาพลิกกระดาษเปิดไปมาอย่างคนที่กำลังใช้ความตั้งใจอ่านเรื่องราวในตำราเล่มนั้นอยู่
"ไม่ทราบว่าองค์ไท่จื่อทรงเสด็จเข้ามาให้ห้องของหม่อมฉันได้อย่างไรกันเพคะ?" ชิงหลันเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
"หน้าต่างเจ้าก็เปิดทิ้งไว้ อีกทั้งประตูเจ้าก็ไม่ได้ลงกลอนไว้ แล้วเหตุใดข้าจึงจะเข้ามาในห้องของเจ้ามิได้เล่า" องค์ไท่จื่อตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
"แล้วนี่เป็นยามใดกันแล้วหรือเพคะ?" ชิงหลันถามขึ้นมาด้วยความโง่งม
"ยามซื่อแล้ว" (เวลา 09.00น.) องค์ไท่จื่อตรัสตอบเสียงเรียบ
"ยามซื่อแล้วเช่นนั้นหรือเพคะ?" ชิงหลันอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ด้วยตนนั้นเรียนเอกวิชาภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยมาก่อน จึงพอจะเข้าใจในเรื่องของภาษาและวัฒนธรรมจีนมาอยู่บ้าง ซึ่งยามซื่อนั้นก็คือเวลาเก้าโมงเช้านั่นเอง
"ตายแล้ว ครั้งนี้หม่อมฉันต้องได้ตายไปแล้วอีกรอบอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย" ชิงหลันโอดครวญขึ้นมาเสียงแผ่ว พร้อมทั้งรีบไปล้างหน้าล้างตาบ้วนปากหลังฉากกั้นตรงมุมห้อง
เมื่อเดินกลับมาที่ตู้เสื้อผ้าของตนอีกครั้ง ก็พบว่าองค์ไท่จื่อยังคงประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เช่นเดิมจึงอดที่จะโมโหขึ้นมาไม่ได้ จึงพูดออกมาว่า "เหตุใดองค์ไท่จื่อจึงยังไม่ยอมออกจากห้องของหม่อมฉันไปอีกเล่าเพคะ เสด็จมาถึงเรือนน้อยนี่ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเช่นนั้นหรือเพคะ?"
"ข้าถ่อมาถึงเรือนน้อยนี่ตั้งแต่เช้า แน่นอนว่าข้าย่อมต้องมีธุระสำคัญจะคุยกับเจ้าเป็นแน่"
"ถ้าเช่นนั้น ขอหม่อมฉันแต่งตัวสักครู่ก่อนจะได้หรือไม่เพคะ" ชิงหลันต่อรอง
"ย่อมได้ เจ้าก็แต่งตัวไปเสียสิ"
"แล้วเหตุใดองค์ไท่จื่อจึงมิออกไปรอหม่อมฉันที่ด้านนอกเล่าเพคะ จะทรงมานั่งอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไรกัน?" ชิงหลันกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
"เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าออกไปรอข้างนอกจริง ๆ หากผู้อื่นมาพบเข้า คนที่เสียหายคือเจ้าที่ต้องกลายเป็นฝ่ายมายั่วยวนข้าในสายตาของผู้อื่นมิใช่หรืออย่างไรกัน?" องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นยิ้ม ๆ พร้อมทั้งเงยหน้าจากตำราที่ตนอ่านอยู่ขึ้นมาสบตากับชิงหลันโดยตรง
"ที่องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นมานั้น นับว่ามีเหตุผลยิ่งนักเพคะ" ชิงหลันเอ่ยขึ้นอย่างยอมจำนน
"แต่หม่อมฉันจำต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปรับใช้ไทเฮานะเพคะ" ชิงหลันพูดขึ้นเสียงอ่อย
"ข้าจะไม่มองเจ้า เชิญเจ้าทำตัวตามสบาย" องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างผ่อนคลาย
"หันหลังไปสิเพคะ"
"อืม" องค์ไท่จื่อรับคำก่อนจะหันหลังไปอย่างว่าง่าย
เมื่อชิงหลันแต่งตัวเสร็จแล้ว จึงพูดขึ้นมาว่า "หม่อมฉันแต่งตัวเสร็จแล้วเพคะ เชิญไท่จื่อตรัสธุระสำคัญที่จะบอกกับหม่อมฉันมาได้แล้วเพคะ"
"เจ้าจะนอนตื่นสายเช่นนี้ทุกวันเลยหรืออย่างไรกันหลันเอ๋อร์"
องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างอ่อนโยนเมื่อหันพระพักตร์กลับมามองคนตัวเล็กยังเบื้องหน้าของตนแล้ว
"เอ่อ คือ" ชิงหลันตอบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พร้อมทั้งหลุบตาลงมองพื้นข้างล่าง
"คือว่าหม่อมฉันก็ไม่ได้อยากตื่นสายเลยนะเพคะองค์ไท่จื่อ แต่ที่นี่หม่อมฉันต้องอยู่ลำพังแต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งบรรยากาศก็เงียบสงบน่านอนนัก และไม่มีผู้ใดมาปลุกหม่อมฉันด้วย จึงทำให้หม่อมฉันตื่นสายไปบ้างเพคะ" ชิงหลันพูดขึ้นเสียงเบา
"บทลงโทษของการละเลยหน้าที่ในการดูแลไทเฮา โทษสถานเบาคือโบยห้าสิบไม้ โทษหนักคือประหารชีวิต เจ้าคิดว่าเจ้าจะรับโทษไหวหรือ?"
องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างใจเย็น
"ถึงแม้ว่าเสด็จย่าจะเมตตาเจ้ามากเพียงใด แต่ผู้ที่กระทำผิดย่อมต้องได้รับการลงโทษ เพื่อมิให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง"
"แล้วหม่อมฉันจะทำเช่นไรต่อไปดีหรือเพคะ นอกจากจะต้องยอมรับโทษอย่างไม่มีทางเลี่ยง และขอให้ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลอีกผู้หนึ่งมาอาศัยอยู่กับหม่อมฉันในการเฝ้าสิ่งของอันล้ำค่าพวกนี้?" ชิงหลันกล่าวขึ้นอย่างครุ่นคิด
"เสด็จย่านั้นมีความไว้วางใจในตัวของเจ้ายิ่งนัก จึงทรงพระราชทานเรือนน้อยหลังนี้ให้เจ้าเป็นการส่วนตัวให้อาศัยอยู่แต่เพียงผู้เดียวโดยเฉพาะ หากเจ้าจะทูลขอให้เสด็จย่าทรงส่งนางกำนัลมาอยู่กับเจ้าด้วยอีกคน เจ้าลองพิจารณาดูให้ดีเถิดว่าการกระทำของเจ้านั้นถือว่าเป็นการลบหลู่เบื้องสูงหรือไม่?" องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นพร้อมทั้งลอบมองสังเกตสีหน้าท่าทางของชิงหลังไปด้วย
เมื่อเห็นคนตัวเล็กตรงหน้าเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหลายส่วน องค์ไท่จื่อจึงตรัสต่อไปว่า "เรื่องนี้ย่อมต้องมีทางแก้ และทางออกที่ส่งผลดีต่อทุกฝ่ายเป็นแน่ หากเจ้ายอมรับข้อเสนอและข้อแลกเปลี่ยนของข้า"
องค์ไท่จื่อตรัสหยั่งเชิง
"ลองเสนอมาได้เลยเพคะ หากข้อเสนอนั้นไม่เกินกำลังหม่อมฉันจะรับไว้พิจารณาเพคะ" ชิงหลันเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือล้น
"ข้าอยากให้เจ้าลองมาศึกษาดูใจกันกับข้า หากเจ้าพึงพอใจในตัวข้า ข้าจะทูลขอเจ้าจากเสด็จย่าให้เจ้ามาเป็นสนมของข้าให้ได้" องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างหนักแน่น
"ไม่เพคะ" ชิงหลันปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาทันที
"เพราะเหตุใดเจ้าจึงได้รีบปฏิเสธข้ารวดเร็วฉับไวได้ถึงเพียงนี้"
องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นมาด้วยความน้อยใจลึก ๆ อยู่ภายในหัวใจ
"หม่อมฉันขอเป็นคนรักเดียวใจเดียว จะไม่ขอยอมเป็นสนมของใครให้ช้ำใจตายเป็นอันขาดเพคะ" ชิงหลันเอ่ยตอบอย่างหนักแน่นตรงไปตรงมา
"เหตุใดเจ้าจึงได้กล่าววาจาไร้หัวใจ แล้งน้ำใจได้ถึงเพียงนี้ ตัวข้าผู้เป็นองค์ไท่จื่อของแคว้น หาได้อยากมีภรรยาหลายคนไม่ ทุกอย่างที่ล้วนทำไปเป็นเพราะหน้าที่บังคับไม่ใช่การกระทำตามแต่ใจของตนเสียหน่อย ไยเจ้าไม่เข้าใจความจำเป็นของข้าในข้อนี้บ้างเล่า" องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างไม่สบายพระทัย
"เราเพียงแค่ศึกษาดูใจกันเพียงเท่านั้น หากพระองค์ไม่ทรงชอบพอในตัวของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็คงไม่ได้เป็นสนมของพระองค์เป็นแน่ใช่หรือไม่
เพคะ?" ชิงหลันเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง
"แต่ข้าชอบเจ้ามากนะหลันเอ๋อร์ ที่ข้าต้องมาขอศึกษาดูใจกันกับเจ้าเช่นนี้ ก็ด้วยหวังว่าอยากจะให้เจ้าไปเป็นสนมของข้าหาใช่ด้วยเหตุผลอื่น"
องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
"แต่ด้วยเห็นใจเจ้า ไม่อยากหักหาญน้ำใจของเจ้า ข้าจึงอยากให้เจ้าชอบพอในตัวของข้าบ้าง จึงได้ลองยื่นข้อเสนอของข้าให้เจ้ารับไว้พิจารณาดูก่อน"
"ถ้าเช่นนั้นเชิญตรัสข้อเสนอมาได้เลยเพคะ หม่อมฉันพร้อมรับฟังแล้ว" ชิงหลันพูดขึ้นพร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่างช้า ๆ ด้วยหวังเรียกสติกลับมาหาตนอย่างเต็มที่
"หากเจ้าลองศึกษาดูใจกันกับข้า ข้าจะส่งองครักษ์หญิงฝีมือดีมาคอยปลุกเจ้าตั้งแต่เช้ายามเหม่า (เวลา 05.00น.) ทุกวัน เจ้าจะได้ไม่ต้องตื่นสายให้ได้รับการลงโทษอีก เจ้าว่าข้อเสนอนี้ดีหรือไม่?"
"ดี ดียิ่งนักเพคะ"
ชิงหลันพูดขึ้นอย่างดีใจพร้อมทั้งเผลอยิ้มออกมาแววตาเป็นประกายระยิบระยับอย่างมีความสุข ทำเอาคนที่กำลังลอบมองตนอยู่นั้นต้องตกตะลึงกับรอยยิ้มพิมพ์ใจไปชั่วขณะกว่าที่จะดึงสติกลับคืนมาได้
"หากการทดลองเปิดใจศึกษานิสัยใจคอของกันและกันดูก่อนแล้วหม่อมฉันยังไม่มีความรู้สึกชอบพอองค์ไท่จื่อขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยเล่าเพคะ เวลาที่เสียไปจะมิเป็นการเสียเปล่าหรือเพคะ?" ชิงหลันถามขึ้นอย่างครุ่นคิด
"หากเจ้ามั่นใจว่าเจ้าไม่ชอบข้าก็แล้วไปเถิด แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้าย่อมต้องไม่ตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยความเฉยชาเป็นแน่ใช่หรือไม่?"
"บอกมาตามตรงเถิดเพคะ ว่าการที่องค์ไท่จื่อทรงยอมให้การช่วยเหลือหม่อมฉันในครั้งนี้นั้นทรงต้องการให้หม่อมฉันตอบแทนพระองค์อย่างไรกันแน่?" ชิงหลันถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
"เจ้าคิดว่าคนที่เข้ามาหาเจ้าตั้งแต่เมื่อยามเฉิน (เวลา7.00น.) สมควรได้รับสิ่งใดตอบแทนเช่นนั้นหรือ?"
"ยามเฉิน เมื่อหนึ่งชั่วยาม (สองชั่วโมงก่อน) นั่นน่ะหรือเพคะ" ชิงหลันถามขึ้นอย่างโง่งม
"องค์ไท่จื่อทรงประทับอยู่ในห้องนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้ว โดยที่หม่อมฉันกำลังนอนหลับอยู่นี่น่ะหรือเพคะ"
"ใช่แล้ว" องค์ไท่จื่อตรัสรับคำ
"แล้วเหตุใดไม่ทรงปลุกหม่อมฉันเล่าเพคะ?"
"ปลุกแล้วอย่างไร ไม่ปลุกแล้วอย่างไร ถึงเช่นไรเจ้าก็ไปดูแลเสด็จย่าสายมากแล้วอยู่ดี นางกำนัลนั้นต้องไปดูแลเจ้านายของตนตั้งแต่ยามเหม่า (เวลา 06.00น.) มิใช่หรือ?"
"ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวไปดูแลองค์ไทเฮาก่อนนะเพคะ" ชิงหลันพูดขึ้นด้วยความร้อนใจ
"เจ้าไปแบบโง่ ๆ เช่นนี้ คงไม่แคล้วโดยโบยขั้นต่ำห้าสิบไม้เป็นแน่ ในเมื่อข้าตัดสินใจจะช่วยเจ้าแล้ว ข้าก็จะช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด"
องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างหนักแน่น
"ด้วยวิธีการใดเช่นนั้นหรือเพคะ?"
"เดิมทีเสด็จย่านั้นทรงโปรดปรานดอกบัวสวรรค์สีชาดเป็นอย่างมาก แต่ดอกบัวนี้จะมีก็แต่ในสระมรกตนอกวังหลวงในตำหนักฤดูร้อนที่อยู่ไกลออกไปห้าร้อยลี้เพียงเท่านั้น หากเจ้าสามารถนำดอกบัวสวรรค์สีชาดมามอบให้กับเสด็จย่าได้ เสด็จย่าย่อมไม่ลงโทษเจ้าเป็นแน่" องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างนึกถึงแผนการดี ๆ ขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
"ตั้งห้าร้อยลี้เชียวหรือเพคะ เกรงว่าพรุ่งนี้หม่อมฉันคงยังเดินทางไปไม่ถึงเป็นแน่เพคะ" ชิงหลันพูดขึ้นอย่างหมดหวัง
"เด็กโง่ ใครบอกจะให้เจ้าเดินทางไปผู้เดียวกันเล่า ข้าจะใช้วิชาตัวเบาพาเจ้าไปนำดอกบัวสวรรค์สีชาดนั้นกลับมาด้วยตัวของข้าเองต่างหากเล่า"
องค์ไท่จื่อตรัสขึ้นยิ้ม ๆ
"ใช้เวลานานหรือไม่เพคะ"
"ใช้เวลาไปกลับไม่เกินสองเค่อเพียงเท่านั้น ไม่ทราบหลันเอ๋อร์คิดเห็นเป็นเช่นไร?" องค์ไท่จื่อตรัสหยอกเย้า
"เหตุใดองค์ไท่จื่อจึงได้ตรัสเรียกหม่อมฉันเช่นนี้หรือเพคะ คำเรียกเช่นนี้ สงวนไว้ให้คนที่สนิทสนมเรียกขานกันมิใช่หรือเพคะ" ชิงหลันเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
"เจ้ายอมรับข้อตกลงของเราแล้วมิใช่หรือ ว่าข้าจะส่งองครักษ์หญิงมาคอยปลุกเจ้า ส่วนเจ้านั้นก็ยอมเปิดใจลองศึกษานิสัยใจคอกับข้าดูก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะมาเป็นสนมของข้าในอนาคตข้างหน้านี้หรือไม่ ตอนนี้จึงนับได้ว่าเราเป็นคนรักกันถึงห้าส่วนแล้วมิใช่หรืออย่างไรกัน แล้วเหตุใดข้าจะเรียกเจ้าว่าหลันเอ๋อร์มิได้เล่า?" องค์ไท่จื่อกล่าวตัดพ้อ
"ถ้าอย่างนั้นองค์ไท่จื่ออยากเรียกก็เรียกไปเถิดเพคะ" ชิงหลันกล่าวรับคำเสียงเบา
"อ้อ อีกอย่างเวลาที่ข้ามาหาเจ้าที่เรือนน้อยนี่ เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าไท่จื่อแล้วนะ"
"ไม่ให้หม่อมฉันเรียกพระองค์ว่าไท่จื่อ แล้วจะให้หม่อมฉันเรียกพระองค์ว่าอะไรหรือเพคะ?" ชิงหลันถามขึ้นด้วยความสงสัยอีกรอบ ดูทีองค์ไท่จื่อแห่งแคว้นโจวจะมีอะไรให้ตนต้องประหลาดใจอย่างไม่ยอมหยุดหย่อนอยู่เสมอ
"ข้ามีชื่อว่า อี้เหริน ข้าอยากให้เจ้าเรียกข้าว่าอาเหริน จะได้หรือไม่?" ไท่จื่อตรัสขึ้นอย่างเว้าวอน
"ถึงแม้ว่าข้าจะอายุมากกว่าเจ้าหลายปี แต่ข้าก็อยากให้เจ้าเรียกข้าเช่นนี้ เพื่อที่เราจะได้มีความสนิทสนมกัน ข้าอยากให้เจ้าเป็นตัวของตัวเองเวลาเจ้าอยู่กับข้า"
"ได้เพคะ เรื่องแค่นี้เองหม่อมฉันรับปากเพคะ"
"ถ้าเช่นนั้น เราไปกันเถิด แต่ก่อนที่ข้าจะใช้วิชาตัวเบาเหาะพาเจ้าไปเก็บดอกบัวสวรรค์มาให้เสด็จย่านั้น เจ้าช่วยส่งแรงใจมาให้ข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่หลันเอ๋อร์?"
ชิงหลันแหงนหน้ามองสบตาคนตรงหน้าพร้อมทั้งพ่นคำถามออกไปอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อยว่า "จะให้ส่งกำลังใจให้แบบไหนกันหรือ
เพคะองค์ไท่จื่อ?"
ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาเป็นจุมพิตยามเช้าตอนสาย ๆ โดยที่ตนยังไม่ทันตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้หัวใจดวงน้อยพลันต้องสั่นไหวขึ้นมาอย่างประหลาด พร้อมทั้งขบคิดไปต่าง ๆ นานาว่าแค่การลองเปิดใจคบกันต้องทำถึงขนาดนี้กันเลยหรือ?