บ้านคณานินท์ของนิสาเป็นบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านของคนมีกะตังค์ พันธดนย์พอรู้ว่าครอบครัวของเธอกำลังอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน หรือเรียกง่าย ๆ ว่าถังแตก ชายหนุ่มพอรู้ว่าตนนั้นเป็นที่พึ่งเดียวของพวกเขา แน่นอนว่าตนนั้นไม่ได้ติดขัดอะไรหากว่าจะต้องดูแลเธอและครอบครัวของเธอด้วย
“พี่เงียบ ๆ นะคะวันนี้”
“หือ...” หลังจากกินข้าวเสร็จ นิสาก็อยากมีเวลาส่วนตัวกับแฟนหนุ่ม เธอพาเขาขึ้นมายังห้องของตัวเอง
“ก็เงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา ต้องให้คุณพ่อเป็นคนชวนคุยอยู่ฝ่ายเดียว”
“ก็...มีเรื่องให้คิดน่ะ”
“หือ เรื่องอะไรคะ” เธอวางมือลงที่แผ่นอกกว้างอย่างอ้อยอิ่ง ลูบเบา ๆ เร่งเร้าอารมณ์ของบุรุษเพศ
“เปล่า...ก็เรื่องงาน” ฝ่ามือหนาวางลงที่หลังมือของเธอ ให้เธอหยุดกระตุ้นอารมณ์ของเขา วันนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไรนัก เรื่องเมื่อคืนยังคงกวนใจของเขาอยู่
“ทำไมคะ...แล้วของขวัญล่ะคะ”
“ของขวัญเดี๋ยวไปเลือกเองนะ”
“อ้าว...แล้วจะเป็นของขวัญได้ยังไงคะ” เธอเริ่มมีน้ำโห นิสาทำหน้าไม่พอใจใส่แฟนหนุ่ม
“ก็ซื้อให้ทุกอย่างแล้วไงครับ ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรอีก”
“ถ้าไม่รู้...ก็โอนเงินมาสิ” เธอถามลองใจด้วยน้ำเสียงอ่อน ๆ พร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าขอจริงจังเท่าไรนัก ทว่า
“หึ ไม่มีปัญหาเลย เอาเท่าไรล่ะ” เธอชอบคำพูดนี้ของเขาเสียเหลือเกิน ดวงตาสุกกาวนั้นวาววับ
“สะแสนหนึ่งก็พอค่ะ”
“หืม...แสนหนึ่งมันจะพออะไรล่ะ” ปลายนิ้วสากยกขึ้นเกลี่ยปอยผมของเธอเบา ๆ อย่างคนนึกเอ็นดู
“งั้นก็แล้วแต่พี่จะให้เลยค่ะ”
“เอางั้นเหรอ...ไม่ดีกว่า เอานี่...ใส่ตัวเลขเอาเลย” ว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้เธอกดตัวเลขพร้อมกับโอนเงินเอง ดวงตาของเธอนั้นโตแล้วโตอีก นิสากดตัวเลขถึงเจ็ดหลักอย่างไม่ลังเล แน่นอนว่าวงเงินในแอพฯธนาคารของเขานั้นสูงลิบลิ่วอยู่แล้ว
“โอเคไหม”
“อะโอเคสิคะ น่ารักที่สุด” เธอว่าพร้อมกับยื่นใบหน้าขึ้นไปหอมแก้มสากของเขา ใจเต้นตึกตักกับเงินก้อนใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่ใช้จ่ายเพียงลำพัง เธอยังต้องจ่ายหนี้นอกระบบที่พ่อไปกู้มาอีกด้วย
“ไม่เอาครับ” ทว่านิสากลับไม่ใช่แค่หอมแก้ม เธอจูบริมฝีปากหนาของเขาด้วย ใบหน้าเล็กชะงักไปในทันที หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองเขาด้วยคำถามหลายอย่าง
“ทำไมคะ” แต่ก็ถามได้เพียงแค่นี้
“พี่เหนื่อยน่ะ ไม่มีถุงยางด้วย” ปกติเขาไม่ได้พกถุงยางอนามัยไปไหนมาไหนอยู่แล้ว พันธดนย์มักไปคลุกตัวอยู่กับสาวเจ้าที่โรงแรมมากกว่าที่นี่ ทำให้มีเครื่องป้องกันอยู่ที่โรงแรมของเขาที่ให้เธอพักถาวร
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ”
“ไม่เป็นไรไม่ได้หรอก พี่ยังไม่ได้หย่านะ” เขาลูบผมของเธอเบา ๆ “อดทนอีกหน่อยนะคนดี”
“อดทนน่ะอดทนได้ค่ะ แต่ว่าถ้าเกิดว่านิสาท้อง ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ยังไงพี่ก็จะหย่าอยู่แล้ว พอถึงตอนนั้นนิสาก็คงคลอดพอดี” เขาครุ่นคิดตามที่เธอพูด ดวงตาคมนั้นพินิจมองใบหน้าของแฟนสาว ก่อนจะค่อย ๆ โอบเอวของเธอเข้าหา
“หลังจากนั้นคนคงตั้งคำถามว่าเธอไปท้องเอาตอนไหน ถ้ามีคนสงสัยว่าเธอท้องตอนที่พี่ยังไม่หย่า...คนที่เสียหายที่สุดคือนิสานะ” เขาไม่อยากให้เธอเสียหาย พันธดนย์เชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนจะประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากมนของเธออย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงอะไรนะ อีกไม่นาน”
“_” เธอฉีกยิ้มให้ ยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันเรียงกันสวย ใบหน้าของนิสานั้นสวยใส เธอมีโครงหน้ายาวรูปไข่ ผมยาวประบ่าทำให้หล่อนไม่ใช่สาวหวานอะไรมากนัก ออกไปทางหวานซ่อนเปรี้ยว ลีลาบนเตียงจัดจ้านจนเขาติดใจ อิงลดาที่ไม่ประสีประสานั้นเทียบไม่ติดแม้แต่ปลายเล็บ...
อิงลดาเดินวนหน้าบ้านหลายต่อหลายหน เดินวนไปมาจนปิ่นฉัตรที่มองอยู่นั้นตาลาย แต่ก็ไม่หยุดเดินเสียที
“เฮ้อ...” หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ เขาคงอยู่กับแฟนของเขา แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังอยู่กับแฟนสาวเธอก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
พอจะเดินกลับเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา อิงลดาตาตื่นตกใจ เธอสาวเท้าเข้าบ้านเร็วขึ้น เกรงว่าเขาจะรู้ว่าเธอนั้นกำลังรออยู่ แต่ก็ไม่ทันเมื่อพันธดนย์สังเกตเห็นแผ่นหลังของเธอ
“ผีอะไรเข้าสิงก็ไม่รู้” ปกติแล้วเธอไม่สนใจเขาหรอก พอ ๆ กับเขาที่ไม่ได้สนใจเธอ ต่างคนต่างอยู่กันมานานนม ทว่าตอนนี้เจ้าหล่อนกลับทำเป็นสนใจเขาเสียอย่างนั้น
“เธอมารอฉันหรือไง” อีกครั้งที่เขาถามประโยคนี้ อิงลดาเข้าบ้านมาก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือในห้องนั่งเล่น เธอเงียบไม่ตอบ
“ถามไม่ตอบ” คราวนี้หล่อนเงยหน้าขึ้นมอง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ปริปากพูด
“ไปอยู่กับคุณนิสาเหรอคะ”
“_”
“ไม่เห็นฉันเป็นเมียก็ให้เกียรติฉันบ้าง” อยู่ ๆ ก็โกรธเขาขึ้นมา อิงลดามองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ส่วนคนตัวโตก็ขมวดคิ้วมุ่น
“เป็นบ้าอะไรของเธอ”
“ฉันไม่ได้บ้าหรอกค่ะ แค่อยากเตือนสติว่าเรายังไม่ได้หย่ากัน ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ต่างจากเมียน้อยหรอกค่ะ ไม่ควรพาออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ”
“ใครกันแน่ที่เมียน้อย ฉันคบกับนิสาก่อนจะแต่งงานกับเธอซะอีก” พันธดนย์ว่าพร้อมกับขยับปมเนกไทที่คอ เขารู้สึกร้อน ๆ อย่างไรชอบกล คงเป็นอารมณ์ของเขาด้วยที่อยู่ ๆ ก็คุกรุ่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ “แล้วผีอะไรเข้าสิง อยู่ ๆ ก็มาหวงฉัน”
“_”
“หรือหลงรักฉันขึ้นมาแล้ว” ว่าพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ ชายหนุ่มไม่เคยสนใจหรอกว่าเธอจะรักเขาไหม ก็แค่อยากถามไปงั้น ๆ ทว่า
“ถ้าใช่ล่ะ...”
“ห้ะ...”
“ไม่มีไรหรอกค่ะ ถึงเราจะตกลงกันแค่นั้น แต่เมื่อคืนพี่ล่วงเกินฉันไปแล้ว พี่ควรรู้สึกละอายบ้างหรือเปล่า” เธอกำฝ่ามือแน่น มีแค่เธอหรือที่หวั่นไหวในความสัมพันธ์เมื่อคืน
“ฉันบอกให้เธอลืมมันไป” ว่าเสียงเรียบ มองใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้มีน้ำตาไหลอาบแก้มเสียแล้ว
“ก็บอกว่าลืมไม่ได้ อึก เมื่อคืน...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มันจบไปแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เขาว่าพร้อมกับเตรียมจะหมุนตัวหนี แต่แล้ว
ตุบ!
“พูดออกมาได้!” กำปั้นเล็กทุบลงกลางแผ่นหลังหนาอย่างคนเดือดดาลในใจ เธอโกรธจนตัวสั่น
“เป็นบ้าหรือไง!” ส่วนเขาเองก็โกรธไม่ต่างกัน พันธดนย์หมุนตัวมาประจันหน้าอีกครั้ง พร้อมกับรวบแขนทั้งสองข้างของเธอขึ้น ให้เจ้าหล่อนหยุดประทุษร้ายเขา
“ฮึก ไม่ได้บ้าหรอก ตะแต่ว่าทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้”
“ฉันไม่ได้ทำอะไร”
“ไม่ได้ทำอะไรได้ยังไง ฮึก เมื่อคืนรู้ไหมว่าฉันเจ็บแค่ไหน ฉันเสียใจแค่ไหนที่พี่อยากลองเล่น ๆ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น อึก” เธอน้ำตานองหน้า ซึ่งพันธดนย์เองก็ไม่ได้แย้งสิ่งที่เธอพูด เขาอยากลองจริง ๆ อย่างที่เธอพูด เด็กสาวที่เติบโตมาด้วยกัน เธอค่อย ๆ แตกเนื้อสาว แถมกลิ่นตัวก็หอมมากขนาดนี้ แค่เดินผ่านลำกายของเขาก็ตั้งลำแล้ว
“พอ! เออ...ฉันผิดเองนั่นแหละ ก็ช่างมันไปสิ ยังไงเราก็แต่งงานกัน เอากันไม่เห็นแปลกอะไร” อิงลดาตาโต เธอตกใจกับคำตอบของเขามากเลยทีเดียว
“แต่พี่มีแฟนแล้วนี่ ฮึก ทำแบบนี้มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ พี่จะมีแฟนไปด้วยแล้วมีอะไรกับฉันแบบนี้ ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหนของพี่”
...พันธดนย์เงียบเสียงไป ยอมรับว่าตนนั้นผิด แต่ก็มั่นใจมากว่าไม่ถึงกับเรียกว่าขืนใจ
“เธอก็เต็มใจนี่ เรามีความสุขกันทั้งสองฝ่าย”
“_”
“หรือเธอจะเถียงว่าเธอไม่มีความสุข เธอสุข ฉันสุข เราเจ๊ากัน...มันก็จบนี่ เธอจะเซ้าซี้อีกทำไม” เรี่ยวแรงของเธอแทบหมดไป อิงลดาส่ายหน้าเบา ๆ
“มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นสักหน่อย”
“มันไม่ง่ายเพราะเธอเอาใจมาลงไง ถ้าฉันรู้ว่าเธอเริ่มหวั่นไหวกับฉัน ฉันไม่เอาเธอหรอก” ดวงตากลมโตเบิกโพลง อิงลดาก้าวขาถอยหลัง ร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความอ่อนแรง
“ฮึก ทำไมพูดง่ายอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นแล้ว” เธอร้องไห้ฟูมฟาย ต่างจากอีกคน พันธดนย์ส่ายหน้าเบา ๆ เขาไม่ได้สนใจว่าเธอร้องไห้ฟูมฟายอะไรหนักหนา ชายหนุ่มเดินขึ้นชั้นสองของบ้าน พลางส่ายหน้าอย่างคนเอือมระอา แต่ก่อนแต่กาลก็ไม่เห็นสนใจกัน ตอนนี้กลับมาบอกว่ารักเขา พันธดนย์ไม่พอใจเท่าไรนัก...ถ้ารู้ว่าเธอรักก็คงไม่พลั้งพลาดทำลงไปหรอก