เสียงร้องไห้ของเธอยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัว พันธดนย์สั่งให้คนรับใช้ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินให้เธอแล้ว ชายหนุ่มแต่งกายไปทำงานด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ไม่ได้มากมายจนต้องขอโทษขอโพยอะไร เธอแต่งงานกับเขาแล้วนี่ ได้กันแล้วก็เลิกไม่เห็นแปลกตรงไหน
“ก็เห็นร้องครางจะเป็นจะตาย ตื่นมาร้องไห้ซะงั้น” เขาพึมพำพูดคนเดียวเบา ๆ ไม่ได้รู้สึกผิดกับอิงลดา แต่รู้สึกผิดกับนิสาที่ตนนอกกาย มือหนายกขึ้นทึ้งผมตัวเองแรง ๆ อย่างคนกำลังระบายอารมณ์
“อะไรของมึงวะ ตามืดตาบอดอะไร ไอ้ดนย์!!!” ด่าตัวเองในกระจก อารมณ์ชั่ววูบนั้นทำให้เขาทำผิดศีลธรรม นอกกายผู้หญิงที่ตนเรียกว่าแฟน แต่นั่นก็ผู้หญิงที่แต่งงานด้วย ชายหนุ่มคิดว่าตนไม่ผิด ยอมรับว่าตอนนั้นตัณหามันครอบงำจิตใจ อยากลิ้มลองรสผู้หญิงที่อยู่ข้างกายมาตลอด มองเห็นแล้วมันอดใจไม่ได้ พันธดนย์รีบส่ายหน้า บอกกับตัวเองว่าคนที่ตนรักและควรรักมีแค่คนเดียวคือนิสา
...ชายหนุ่มลงจากบ้าน ขับรถออกจากบ้านโดยไม่รอพูดอะไรกับอิงลดาอีก ส่วนอิงลดาเองก็ไม่แปลกใจ ก็เขาไม่ได้รักแล้วเขาจะสนใจอะไรเธอ
“ไหวหรือเปล่าคะ ป้าตกใจมากเลยที่คุณผู้ชายบอกให้ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินให้คุณผู้หญิง มันเกิดอะไรขึ้นคะ” ปิ่นฉัตรเองก็ไม่ได้อยากถามหรือเซ้าซี้อะไรนักหรอก แต่มันอดไม่ได้จริง ๆ
“อึก คะคือว่า...ฮือ~” พอจะพูดน้ำตามันก็ไหลออกมา ร่างบางสั่นระริกด้วยความเสียใจ ยาคุมฉุกเฉินที่เขาให้แม่บ้านซื้อมาให้ก็ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้น
“โธ่คุณหนูของป้า...” ปิ่นฉัตรถือวิสาสะรั้งร่างบางของอิงลดาเข้ามาสวมกอด เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก คิดว่าเธอเป็นลูกคนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ หากคุณผู้หญิงเสียใจมีหรือเธอจะไม่ทุกข์ใจตามไปด้วย
...อิงลดาร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คนขี้งอแง แต่เรื่องนี้มีผลต่อหัวใจของเธอมากพอสมควร พอนึกถึงก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด ราวกับว่าเปิดก๊อกน้ำอย่างไรอย่างนั้น
เวลาต่อมา....
พันธดนย์มาทำงานด้วยความรู้สึกเหนื่อย เมื่อคืนนั้นเล่นเอาเขาหมดเรี่ยวหมดแรง จำได้ว่าทำไปสองรอบ ได้แต่หวังว่ายาคุมฉุกเฉินที่ให้กินไปนั้นจะได้ผล
“ได้กินหรือเปล่าวะ” เขาเม้มริมฝีปากหลังจากนึกคิดว่าเธอกินยาคุมฉุกเฉินแล้วหรือยัง ดวงตาคมกริบนั้นตวัดมองโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะทำใจกดโทรออกหาเธอคนนั้น
ติ๊ด!
รอสายไม่นานเธอก็รับ
[ฮัลโหลค่ะ] น้ำเสียงของเธอทำเอาชายหนุ่มพูดไม่ออก เขากลืนน้ำลายลงคออย่างช้า ๆ
“กินยาคุมหรือยัง”
[ค่ะ] เธอตอบไวกว่าที่คิด พันธดนย์พยักหน้ารับเบา ๆ ด้วยความโล่งอก แม้นว่าเธอจะไม่เห็นใบหน้าของเขาก็ตามที ชายหนุ่มกดตัดสายหลังจากนั้น ไม่มีบทสนทนาที่จะพูดต่อ ทว่าไม่ทันวางสาย เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาอีกหน
นิสา...
ใจของเขาหล่นวูบ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออีกหน ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ว่าเมื่อคืนนั้นตนไปทำอะไรมา พันธดนย์ทำใจครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสาย
[นานจังเลย ให้นิสารอสายตลอด] เธอบ่นน้ำเสียงงอนหน่อย ๆ ด้วยนิสัยที่ถูกตามใจตั้งแต่เด็ก ขณะเดียวกันก็เป็นคนขี้อ้อนมากเลยทีเดียว เธอทำให้เขาหลงรักได้ไม่ยาก
“พอดีทำงานอยู่น่ะ” ชายหนุ่มโกหกเพื่อความสบายใจ ไม่อยากให้เธอรู้ว่าเมื่อคืนตนนั้นไปทำอะไรมา “พี่ขอทำงานก่อนนะ”
[ทำงานอะไรกันคะ วันนี้วันอะไรน๊า...] เธอทำเสียงอ้อน ๆ น้ำเสียงเหมือนกับเล่นกับความรู้สึกของเขา พันธดนย์ทำหน้าครุ่นคิด ไม่ง่ายเลยที่จะคิดออก
“วันเกิดเหรอ...” เขาพึมพำคนเดียว ลืมไปว่าเสียงมันเล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์ด้วย ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดไมค์โทรศัพท์แทบไม่ทัน
[คิก ๆ จำได้ด้วย] แต่กลับถูกเสียอย่างนั้น พันธดนย์พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ด้วยงานที่ล้นมือทำให้เขาลืมวันสำคัญของแฟนสาวไปเสียสนิท
“โอเคครับ พี่เคลียร์งานแล้วจะไปรับเลย”
[ไม่ต้องมารับค่ะ แต่ว่าพี่ดนย์มาที่บ้านของนิสาเลยนะคะ ที่บ้านของนิสาจัดงานวันเกิด ปีนี้เราไม่ต้องออกไปข้างนอกค่ะ] ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ ครอบครัวเธอก็ไม่ต่างจากครอบครัวของเขา หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต พ่อแม่ของนิสาก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ของเขา ชายหนุ่มรู้สึกดีที่มีพวกท่านอยู่ ไม่เช่นนั้นคงรู้สึกโดดเดี่ยวมากเลยทีเดียว...
ร้านกาแฟไม่ไกลจากบ้านนั้นเป็นสถานที่สิงสถิตของสองสาว อิงลดาเล่าทุกอย่างให้เพื่อนสาวฟังด้วยความสนิทใจอย่างเปิดเผย เช่นเดียวกับคนเป็นเพื่อนที่มีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างออกรส แต่เป็นภริตาที่ออกอาการมากกว่า
“แล้วแกก็จะยอมงี้เหรอ นี่มันเข้าข่ายข่มขืนเลยนะเว้ย เป็นผัวเมียกันก็ไม่มีสิทธิ์ข่มขืน กฎหมายเขาก็ระบุชัดด้วยว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 โดยมีโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท แกเรียนจบกฎหมายมาจริงป้ะเนี่ย!” ไม่ว่าเปล่า ภริตาผุดลุกขึ้นยืนพลางจับไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อนเพื่อเตือนสติ เขย่าแรง ๆ ให้อิงลดารู้สึกตัวตื่นว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะต้องยอมก้มหัวให้กับผู้ชายเลวทรามคนนั้น
“ตะแต่...อึก พะพอก่อน หัวจะหลุดแล้ว” อิงลดาว่าเสียงอ่อน เธอก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับคนเป็นเพื่อน
“อย่าบอกนะว่าแกรักเขาไปแล้ว ให้ตายสิ...” คราวนี้คนเป็นเพื่อนยิ่งไม่ตอบ ภริตายกมือขึ้นกุมหน้าผาก คิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง อยู่ด้วยกันมานานสักวันหนึ่งเพื่อนสาวจะต้องตกหลุมรัก
“ฉันพยายามแล้ว แต่พอรู้ว่าจะต้องหย่าในอีกหนึ่งปีก็รู้สึกใจหาย”
“ใจหาย?” ภริตากรอกตามองบน ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดนี้ “ไหนแกบอกว่าอยากหย่าใจจะขาด อยากทำงาน แต่ทำไม...”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้” เธอยกมือขึ้นกุมขมับทั้งสองข้างพลางส่ายหน้าแรง ๆ จนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เหมือนกับว่าปณิธานก่อนหน้านี้จะหล่นหายลงข้างทางทั้งหมด เหลือไว้เพียงความรู้สึกรักที่ยังคงอยากยื้อไว้
“หรือจะแค่ผูกพัน แกถามตัวเองก่อน”
“_” อิงลดาพูดไม่ออก อีกอย่างที่เธอยังไม่พร้อมบอกเพื่อน เรื่องที่ครอบครัวของนิสากำลังหลอกเขาอยู่ หากว่าหย่าขาดกันไป...พันธดนย์ก็จะกลายเป็นคนตัวคนเดียวทันที ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนนั้นเป็นห่วงเขา
“เห็นไหมแกตอบไม่ได้ แกจะทนให้เขากดขี่ไปถึงไหน งานก็ไม่ให้ทำ อะไรก็ไม่ให้แกทำสักอย่าง นี่มันพ.ศ.ไหนแล้วแต่ก็ยังกดขี่กันเหมือนยุคสมัยก่อน สังคมมันไปถึงไหนแล้ว แต่ทำไมยังคิดว่าตัวเองอยู่ในสังคมชายเป็นใหญ่อยู่ได้ มีสติสิอิง”
“ฉันรู้ ฮึก แต่พอคิดว่าจะหย่าฉันก็เสียใจ ฮือ~” น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย เหมือนเธอจะรู้ทุก ๆ อย่าง รู้ว่าเขาไม่รัก เขากดขี่ข่มเหงให้เธอขาดอิสระมากแค่ไหน แต่ทำไมยังทนอยู่ก็ไม่รู้
“เพราะแกรักเขาสินะ...” ภริตาว่าจบก็หันไปมองพนักงานร้านกาแฟ เพราะเธอเองก็เข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี แม้นว่าเขาจะไม่มีเงิน ไม่มีรถ แต่งตัวมอซอ แต่เธอก็ชอบที่จะมาที่นี่ เพื่อจะได้เจอหน้าเขาคนนี้ คนที่มองขวางให้เธอตลอด
“ใช่ไหม ฮึก แกยังรักการันต์เลย”
“เฮ้อ มันพูดยาก...ความรักอ่ะ” เธอฟุบหน้าลงบนโต๊ะ ภริตาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะมาหลงรักหนุ่มพนักงานชงกาแฟถึงสี่ปี
“เฮ้อ...” ทั้งคู่ต่างพ่นลมหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน ทนายสาวยังคงมองไปที่ชายหนุ่มที่ตนชอบ เขาแทบไม่หันมามองเธอ ความหมางเมินนี้ทำให้หล่อนย่นจมูกใส่
“ชิ...” พร้อมทำเสียงไม่พอใจใส่อีกด้วย ภริตาผุดลุกขึ้นกะทันหันทำเอาอิงลดาตกใจ รีบคว้าข้อมือของเพื่อนเอาไว้
“แก...”
“แป๊บ ขอไปมองหน้าสักหน่อย เดี๋ยวต้องออกไปพบลูกความละ” ภริตาแกะมือของเพื่อนออก ก่อนที่เธอจะเดินไปหาหนุ่มพนักงานชงกาแฟ ที่ตอนนี้เป็นบาริสต้าเพียงคนเดียวของร้าน
“ไม่มองหน้ากันเลยนะ!” เธอหย่อนสะโพกลงที่เก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์ทำกาแฟ เท้าคางมองหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยความสิเน่หา หากการันต์ไปเป็นดาราก็คงไม่ต้องมาลำบากแบบนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ชอบเสียอย่างนั้น
“อ่า ไม่ตอบด้วย นายก็รู้ว่าฉันเป็นลูกค้าวีไอพีของที่นี่ อยากโดนผู้จัดการดุหรือไง” เธอวางอำนาจ สาวสวยคนนี้ทำเขาปวดหัวมาแล้วหลายหน ชายหนุ่มยอมสบตากับเธอในที่สุด
“มะมองอะไร” แต่เธอกลับประหม่าเสียอย่างนั้น
“มองหน้าไง หรือจะให้มองอย่างอื่น...” ว่าแล้วก็เลื่อนสายตาลงมองเนินอกอวบที่โผล่พ้นขอบเสื้อสายเดี่ยวที่เธอสวมใส่ ภริตาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“บะบ้า โรคจิตหรือไง!”
“แล้วไม่ได้ตั้งใจใส่มาให้ดู?” ภริตาเบิกตากว้างตกใจมากกว่าเดิม ไม่คิดว่าเขาจะรู้ทันว่าเธอต้องการใส่มาโชว์เขา ทั้ง ๆ ที่ต้องสวมเสื้อคลุมด้วยสูทแขนยาวเพื่อไปพบลูกความ แต่พอรู้ว่าเพื่อนนัดเจอที่นี่ เจ้าหล่อนก็สวมสายเดี่ยวมาเลยทีเดียว
“หึ...” ชายหนุ่มหัวเราะพลางส่ายหน้าเบา ๆ ทำให้คนตั้งใจมาโชว์ทำตัวไม่ถูก ท่าทีของคนทั้งคู่ทำให้อิงลดาแอบขำ ไม่รู้ว่าเมื่อไรการันต์จะยอมตกลงคบหากับเพื่อนของเธอ ดูแล้วไม่ใช่ว่าเจ้าตัวไม่ชอบ แต่เป็นเรื่องของฐานะต่างหากที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
...อิงลดานั่งเหม่อมองออกไปนอกร้านกาแฟ ผ่านบานกระจกสีใส สายตาเหม่อลอยนั้นมีความคิดหลายอย่างอยู่ในหัว เมื่อครู่เขาโทรมาถาม ยาคุมฉุกเฉินที่เขาเป็นห่วงหนักหนานั้นทำให้เธอเสียใจอยู่ไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่แต่งงานกันแท้ ๆ เขากลับกลัวว่าเธอจะท้อง อยากจะถามนักว่ากับเธอคนนั้นเขากลัวบ้างหรือเปล่า แต่ก็คงเป็นอย่างนั้นก็ในเมื่ออีกไม่นานก็จะหย่ากันแล้ว...