“อูอยากหย่า”
กันต์กมลบ่นในตอนเย็นหลังเลิกงานกับกลุ่มเพื่อนซี้ วันนี้เป็นวันศุกร์ที่พวกเธอและเพื่อนมักนัดรวมตัวกันอยู่เป็นประจำ ทรายแก้วไม่ได้ขัดอะไรเธอเลย
“ก็หย่าดิ”
เชิดชัยถามบ้าง “บ่น ๆ ว่าจะหย่าเนี่ย อูเคยบอกพี่แกแล้วหรือยัง”
“เคยแล้ว” กันต์กมลตอบเพื่อนแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อต้นเดือนก่อน ที่เธอทนอาการเบื่อหน่ายชีวิตคู่ของตัวเองกับจิรฐิติแบบที่หาทางออกไม่ได้อีกต่อไป ก่อนที่คำว่า ‘หย่า’ จะเข้ามาแทรกตัวเป็นคำตอบให้เธอในวันหนึ่ง เธอเลยตัดสินใจบอกจิรฐิติไปในวันนั้น
มันเป็นวันที่เขาและเธอได้หยุดงาน และเธอก็ทำงานอยู่คนเดียว ส่วนเขาเพิ่งตื่น พอออกจากห้องได้ เขาหาของกินโดยไม่ถามเธอสักคำว่ากินอะไรแล้วหรือยัง บ้านช่องไม่เคยช่วยเธอทำความสะอาดเลยสักครั้ง กินอิ่มก็ตรงไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขา เขาเปิด ๆ จับ ๆ เอกสารที่เขาหอบกลับมาด้วย เธอเห็นแบบนั้นแล้วก็ทิ้งผ้าที่กำลังจะเอาออกไปตาก ตรงไปคุยกับเขาเสียเลยให้รู้เรื่องกันไป ทีแรกเธอโพล่งขึ้นเลยว่าจะหย่า แต่แล้วจิรฐิติก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากับงานของเขา พอเขาเงียบไม่ยอมพูดอะไรตอบกลับมาเลย ถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้ฟังที่เธอพูดเมื่อกี้นี้ เธอเรียกเขาเสียงดังลั่นบ้านเพราะโมโหที่ปล่อยให้พูดอยู่คนเดียวตั้งนานสองนาน
“พี่ติ!”
เขาขานรับเธอแต่สายตาก็ยังมองอยู่ที่เอกสาร “หืม”
“เราหย่ากันเถอะ”
จิรฐิติวางมือจากงานแล้วหันมามองสบตากับเธอ ด้วยสายตาหมางเมิน เธอไม่เคยเห็นสายตาดำสนิทคู่นี้ของจิรฐิติจ้องเธอแบบนี้มาก่อนเลย กันต์กมลมองสบตากับเขาอยู่เป็นนาน ก่อนที่จิรฐิติจะถอนสายตาออกจากเธอไป
“อูว่าไงนะ พูดใหม่อีกทีซิ”
“อูอยากหย่า”
“เหตุผล?”
พอเขาเปิดโอกาสให้เธอแบบนี้แล้ว กันต์กมลจึงได้บอกเขาไปทีละข้อ
“พี่ติชอบเอาเปรียบอูเรื่องเซ็กซ์ ยัดเยียดแต่เซ็กซ์ห่วย ๆ ให้อู”
จิรฐิติแสดงสีหน้างุนงงและแปลกใจ เอียงคอมองภรรยาด้วยสายไม่อยากเชื่อคำพูดเมื่อครู่นี้ เขาใช้เวลานึกไม่ถึงนาทีก็ยกนิ้วชี้ขึ้นยื่นมาตรงหน้าเธอ
“เดี๋ยวนะ เซ็กซ์ห่วย ๆ นี่อูกำลังหมายถึงคืนนั้นใช่ไหม”
แต่กันต์กมลไม่สนใจตอบเขา เพราะคืนนั้น หรือคืนไหน ๆ ก่อนโน้น เขาก็ทำแบบนี้ เซ็กซ์ของเขาหลัง ๆ มานี้ไร้ปริมาณไม่พอยังไร้คุณภาพมาก ๆ อีกด้วย ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เมื่อได้พูดแล้วก็จะพูดออกไปให้มันหมด
“พี่ติไม่ยอมช่วยอูเก็บของเลย บ้านรกไม่เป็นระเบียบอูก็ต้องเก็บคนเดียว”
คนทำบ้านรกอ้าปากจะพูด แต่กันต์กมลยกมือบอกให้หยุดก่อน เพราะเธอยังพูดไม่จบ
“ชอบออกไปดื่มแล้วบางทีก็ปล่อยอูไว้คนเดียว แทนที่เราจะได้ใช้วันหยุดด้วยกัน”
พอพูดออกไปแล้วก็เหมือนกับจะโล่งใจ เขามองเธอเหมือนเห็นคนแปลกหน้า ก่อนพูดขึ้นว่า “แต่พี่ก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่เราคบกันแล้วนะ”
“นั่นแหละ อูคิดว่าอูจะเปลี่ยนนิสัยของพี่ติได้”
“เดี๋ยวนะ นี่อูกำลังเบี่ยงประเด็น สรุปว่า อูต้องการหย่า เพราะเรื่องแค่นี้เองหรือ”
“เรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะพี่ติ มันยังมีอีก”
“นอนเซนต์มากอู”
กันต์กมลเดือดจัดเลยตอนที่ถูกเขาพูดตอกใส่หน้าว่าเธอไร้สาระ หรืออาจหมายถึงว่าที่เธอพูดมันเหลวไหล ไร้ซึ่งเหตุและผล
เธออ้าปากจะพูดต่อถึงเรื่องราวมากมายของเขาที่เธอคิดว่าตัวเองทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยกมือโบกเบา ๆ สองสามทีเป็นสัญญาณบอกว่าให้เธอหยุดความคิดพวกนั้นเอาไว้ก่อน
“ก็ถ้าอยากหย่าจริง ๆ นะ อูทำให้พี่พูดออกมาเองสิว่าจะหย่า”
กันต์กมลรู้สึกร้อนไปทั้งร่างกายและใบหน้าเล็กน้อย เมื่อหยิบยกเรื่องหย่าขึ้นมาพูดกับสามีแล้วเขาทำท่าไม่ยินยอมที่จะหย่าง่าย ๆ อย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก หัวใจที่คิดว่าตายด้านดีดดิ้น ระริกระรี้ไม่น้อยเลยทีเดียว อารมณ์คุกรุ่นเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะหายลงไปหน่อยหนึ่งแล้วในนาทีนั้น
กันต์กมลถามเสียงแผ่วลง ใบหน้ากลั้นยิ้ม
“ก็แล้วทำไมพี่ติถึงไม่ยอมหย่าง่าย ๆ ละ”
จิรฐิติถอนใจเบา ๆ ก่อนให้เหตุผล “พี่อายุปูนนี้แล้วนะอู จะให้พี่ไปหาผู้หญิงคนใหม่ ไปไล่ตามจีบใครใหม่ ไปเริ่มคบกันใหม่ เพื่อแต่งงานใหม่หรือไง พี่ไม่เอาด้วยหรอกนะ เสียดายเวลา ไหนจะต้องจ่ายนั่นจ่ายนู่นนี่ หาเวลาไปเที่ยวด้วยกัน ครบรอบต้องมีดอกไม้ ต้องฉลองอะไรอีกวุ่นวาย อีกอย่างนะนั่นมันเงินทั้งนั้นเลย พี่เสียดาย แล้วงานแต่งของเรา อูคิดว่าพี่จ่ายเงินไปเท่าไหร่ ค่าจัดงาน ค่าสินสอด ค่าประตูเงินประตูทองนั่นก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะอู”
กันต์กมลมองเขาขณะแจงเหตุผลที่ไม่ยอมหย่าแล้วก็ได้แต่ร้องเรียกชื่อของเขาด้วยเสียงฉุนเฉียวอีกรอบ
“พี่ติ!”
นี่หรือเหตุผลที่ไม่ยอมหย่า เธอคิดว่าเขาจะบอกว่าเพราะรักเธอ เพราะรักมากเลยไม่อยากหย่าเสียอีก นี่อะไร เพราะเขาไม่อยากเสียเวลา เสียเงิน เสียนู่น นี่ นั่น ไม่อยากเริ่มอะไรกับคนใหม่ แล้วจะทนกันไปแบบนี้หรือ
เธอไม่ยอมหรอกนะ
สู้อยู่คนเดียวดีกว่า ต้องมายอมฝืนทนอยู่กันไปแบบนี้โดยไม่หลงเหลือความรักให้กันอีกแล้ว ต้องทนเพื่อ? เธอถอยออกจากตรงนั้นพร้อมประกาศใส่หน้าจิรฐิติออกไป
“ได้เลย อูจะทำให้พี่ติออกปากขอหย่ากับอูเอง”