ริมระเบียงของห้องพักของคอนโดหรู ร่างหนาทรงพลังนั่งใบหน้าเคร่งเครียด มือหนาคอยยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจรดกลีบปากหยักสีสด แล้วกลืนลงคออึกๆ ราวกับว่ามันคือน้ำเปล่า มือหนาข้างที่วางเท้ากับเข่าแกร่ง กำเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูด ขณะสายตาคมทอดมองบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองศิวิไลซ์
น้ำเมาสาดลงคอแก้วแล้วแก้วเล่า แต่เขากลับไม่ลืมภาพของใครบางคน ในหัวสมองพลันนึกถึงแต่ดวงหน้าหวานๆ และเรื่องราวที่เคยทำร่วมกันมา ครั้นนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีที่แล้วมุมปากหยักเป็นอันต้องยกกระตุก นึกสมเพชตนเองที่หูเบา หลงเชื่อน้ำคำลวงโลกของผู้หญิงพรรคนั้น
ผู้หญิงไม่รักษาสัญญา…
สามปีก่อน…
“อ๊ายยย!! พี่ภีมอย่าทำแบบนี้สิคะ คิกๆ” เด็กสาวคนสวยหัวเราะคิกคัก เมื่อคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างกายโน้มใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรลงมาคลอเคลียพวงแก้มใส ก่อนจะลากปลายจมูกไล้ตามลำคอเรียวระหง
ภีมวัจน์ทายาทเพียงคนเดียวของวงศ์ธนฉัตรกุล เขาทั้งรักทั้งหลงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างกาย รักจนถึงขั้นจะร่วมหอนอนเคียง เมื่อหัวใจเศร้าตรมมีเด็กสาวหน้าตาสดใสเข้ามาปั่นป่วน ทำให้ชีวิตย่ำแย่เคยเป็นสีดำมืดบอด กลับกลายเป็นสีชมพูหวาน
“ทำแบบไหนกันครับ หืม…” เอ่ยถามเสียงทุ้ม ขณะปลายจมูกกดแนบเนื้อนุ่มกลิ่นหอมบริเวณลาดไหล่เนียน มือหนากุมมือบางของคนรักสาวเอาไว้อย่างทะนุถนอม
“กะ ก็ พี่ภีมกำลังจะเอาเปรียบทิชาอย่างไรล่ะคะ” ทิชารีย์เอ่ยด้วยท่าทีขวยเขิน พวงแก้มใสกลายเป็นสีมะเขือเทศสุกงอม ชายหนุ่มเห็นแล้วชักอยากจะลงโทษแม่คุณนัก
ปลายจมูกโด่งเลื่อนจากลาดไหล่ ไต่เลื้อยมาตามซอกคอขาวผ่อง ก่อนจะเลื่อนมาบริเวณปลายคางมน แล้ววนขึ้นมาหาพวงแก้มใสสีสุกปลั่งอีกครั้ง กดเน้นน้ำหนักแรงๆ ติดกันสองสามที
“แค่หอมแก้ม แล้วก็ไซ้คอนิดหน่อยเนี่ยนะ เด็กบ้า” มือหนาเลื่อนบิดปลายจมูกเชิดรั้นอย่างมันเขี้ยว ทิชารีย์เห็นเช่นนั้นยิ่งเอียงอาย กลีบปากเรียวกระจับบ่นขมุบขมิบกับอกกว้างกระด้าง
“กะ ก็ ทิชากลัวพี่ภีมเลยเถิดนี่นา” ซบใบหน้าเนียนใสกับแผงอกกว้างอบอุ่น ภีมวัจน์เห็นแฟนสาวเอียงอาย จึงเย้าแหย่ต่อไปว่า
“ถ้าเลยเถิดก็ยิ่งดีสิครับ พี่จะได้ให้คุณพ่อคุณแม่ไปสู่ขอทิชาเสียเลย”
“บ้า ทิชายังเรียนไม่จบ เหลืออีกตั้งเป็นเทอม” ถลึงตาใส่คนตัวโตพร้อมระดมกำปั้นน้อยๆ ทุบรัวที่อกกว้าง ภีมวัจน์รีบรวบข้อมือเรียวบาง แล้วจ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม พร้อมขยับปากหยักสีกุหลาบสดเอื้อนเอ่ย
“ก็พี่รักทิชานี่ครับ อยากใช้ชีวิตร่วมกับทิชาเร็วๆ” บอกรักกันแบบไม่ทันตั้งตัวเนี่ยนะ ทิชารีย์ถึงกับหงายเงิบ ริมฝีปากกระจับเผยอค้างหลายวินาที ก่อนจะเรียกสติกลับคืนมาแล้วเอ่ยตอบเสียงหวานหยด
“อดทนหน่อยนะคะ ทิชาเชื่อว่าพี่ภีมทำได้” ภีมวัจน์ได้ยินแล้วต้องอดใจรอ พร้อมยิ้มขำแฟนสาวในใจ ก่อนจะขยับปากหยักเอื้อนเอ่ย ทีเล่นทีจริง
“พี่จะอดทนได้สักกี่น้ำ เมื่อทิชาของพี่นั้นทั้งสวยทั้งหวาน เนื้อก็ห้อมหอม เห็นแล้วพี่ภีมยิ่ง…” หยุดเสียงทุ้ม เมื่อใช้สายตาแพรวพราวกวาดต้อนร่างงามเย้ายวนตรงหน้า ทิชารีย์เห็นแล้วถึงกลับตาลุกวาว ทั้งโกรธทั้งอายระคนกัน
“ยิ่งอะไรคนบ้า หยุดคิดสัปดนเลยนะ” คนบ้าอะไรอยู่ใกล้ไม่ได้ มีอันต้องคิดแต่เรื่องอย่างว่า
ภีมวัจน์เห็นอาการแม่คุณแล้วชักสนุก คนอะไรไม่รู้ยิ่งโมโหยิ่งน่ารัก เขายื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าใกล้แล้วจรดกลีบปากหยักอุ่นร้อนจุ๊บเนื้อนวลผ่องหลังใบหู กระซาบถามเสียงแหบพร่า
“รู้เหรอครับว่าพี่คิดอะไรน่ะ หือ…” ฟันคมขบเม้มปลายติ่งหูนุ่มเหมือนแมวแทะไหมพรม ทิชารีย์ถึงกับขนกายลุกซู่ ใบหน้านวลร้อนผะผ่าว
“พี่ภีม!!” ตวาดชื่อคนเจ้าเล่ห์เสียงดังลั่น เรียวปากสวยสั่นระริกด้วยความโมโห เมื่อคนตัวโตห้ามไม่ฟัง ภีมวัจน์เห็นแล้วถึงกลับผละออกห่างอย่างรวดเร็ว
“โอเคครับ โอเค แฟนใครไมรู้ดุจัง” คนเจ้าเล่ห์มิวายทำตาหยาดเยิ้มพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้แฟนสาว ทิชารีย์เห็นแล้วต้องใจอ่อน โกรธเขาไม่ลงสักครั้ง
“คนบ้า ทำมาเป็นพูดเดี๋ยวเหอะ” เอ่ยแขวะเสียงเบา ขณะเดียวกันมือน้อยหยิกหมับเข้าที่อกกว้างอย่างมันเขี้ยว
ภีมวัจน์แกล้งสูดปากโอดร้องเหมือนเจ็บนักหนา ทิชารีย์ต้องถลึงตาขู่ พร้อมเสียงหวานแว้ดใส่อย่างเง้างอน นักธุรกิจหนุ่มเห็นแล้วต้องยิ้มกว้าง ทอดสายตาคมมองดวงหน้าหวานอย่างรักหมดหัวใจ สาวน้อยคนสวยก้มหน้างุดด้วยความเอียงอาย ทว่าคนตัวโตกลับไม่ยอม มือหนาโอบอุ้มใบหน้าเรียวได้รูป พร้อมขยับปากเอื้อนเอ่ย
“ก็พี่ภีมรักทิชานี่ครับ รักมากๆ” ใบหน้างามแดงเถือกลามไปจนถึงใบหู คนบ้าอะไรบอกรักได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่กระดากปากบ้างหรือไง…
เปลือกตาบางหลุบต่ำไม่กล้าสู้สายตาคมกริบ กลีบปากอิ่มเรียวกระจับบ่นขมุบขมิบ
“บ้า เค้าอายนะ” ภีมวัจน์เห็นกิริยาอาการแล้วต้องโน้มหน้าจุ๊บศีรษะมนทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยความในใจที่ตนวาดหวังเอาไว้ให้หญิงสาวคนรักได้รับรู้
“ถ้าทิชาเรียนจบเมื่อไร พี่จะรีบให้คุณพ่อคุณแม่มาสู่ขอ” ช้อนสายตาจ้องดวงหน้าหวาน ปากหยักจรดแนบเปลือกตาบางที่หลุบต่ำอย่างแผ่วเบา พร้อมเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยนสั่งหญิงคนรัก
“ทิชารอพี่นะครับ”
“ค่ะทิชาจะรอ เพราะว่าทิชารักพี่ภีม รักที่สุด” เสียงหวานเอ่ยตอบให้ได้ยินกันสองคน ภีมวัจน์ถึงกลับยิ้มกว้าง เมื่อเด็กสาวที่ตนรักพรอดคำหวานออกมา พร้อมเอ่ยรับปากอย่างเป็นหมั้นเป็นเหมาะ
สองคนกอดกันกลมเกลียว ส่งทอดความรู้สึกดีๆ มอบให้กัน ห้องพักแคบๆ ของนักศึกษาสาวชั้นปีสุดท้ายตลบอบอวลไปด้วยความรัก โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพู เมื่อความรักของสองหนุ่มสาวเบ่งบาน และอีกไม่นานเกินรอ เขาและเธอจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าเธอยังไม่ลืมคำพูดตนเอง…
ปัจจุบัน…
ภีมวัจน์เห็นความรักเป็นแค่เรื่องลวงโลก เขาไม่เชื่อว่ารักแท้มีอยู่จริง ความผิดหวังที่ซ้ำรอยถึงสองครั้งสองครา ทำให้ชายหนุ่มผู้เคยศรัทธาในโลกของความรัก กลับกลายเป็นคนใจโลเล เห็นผู้หญิงทุกคนเป็นแค่ของเล่น
‘สตรีมีค่าเวลาอยู่บนเตียง’
ภาพข่าวนักธุรกิจหนุ่มควงเหล่าดารา นางแบบ นักร้อง เด่นหราตามสื่อต่างๆ ภีมวัจน์ฮอตยิ่งกว่าคนในวงการบางคนเสียอีก ทว่าในด้านการงานก็ไม่แพ้กัน เมื่อบริษัท เจ.เอส. กรุ๊ป กลายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศ มีรายได้เข้ามาแต่ละปีไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท
นักธุรกิจยุคใหม่นำความรู้พร้อมสมองอันชาญฉลาด บริหารจัดการงานพร้อมตีตลาดในวงกว้าง ทำให้บริษัทของวงศ์ธนฉัตรกุลได้รับความนิยมจากลูกค้า ชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษนั้นเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ ทำให้ยักษ์ใหญ่ยอดอสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมมากที่สุด
ภีมวัจน์ วงศ์ธนฉัตรกุล หรือ คุณภีม เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้รับการยอมรับจากเพื่อนในวงการเดียวกัน โดยได้รับตำแหน่งสุดยอดผู้นำนักธุรกิจถึงสามปีซ้อน โดยคะแนนโหวตทั้งหมดมาจากนักธุรกิจด้วยกันทั้งสิ้น
ผู้ชายที่มีระเบียบและเข้มงวดกับงานทุกชิ้น กลางคืนเขาคือนักเที่ยวตัวยง ดื่มสุราเคล้านารีจนติดเป็นอาจิณ ภาพลักษณ์ของเขาทำเอาสาวๆ ทั่วประเทศต่างมอบฉายา ‘นักธุรกิจแบดบอย’ ให้ครอบครอง แต่มีหรือที่คนแสนผยองและมั่นใจในตนเองสูงอย่างภีมวัจน์จะสนใจ