ตอนที่ 2

1319 Words
2 “อาย แกยังชอบว่านอยู่ใช่มั้ย” ไม่แปลกที่เพื่อนจะถาม อาการฉันออกขนาดนั้น เผลอทีไรเป็นได้มองหน้าหมอนั่นตลอด คนอื่นอาจไม่รู้ เพื่อนสนิททั้งสองดูไม่ออกก็แปลกแล้ว เราอยู่ในห้องน้ำของผับ วันนี้ไม่มีใครเอารถมา รู้กันอยู่ว่า กฎหมายเมาแล้วขับปรับหนักขนาดไหน คิดจะกินเหล้าต้องคิดถึงแท็กซี่เท่านั้น “ไม่รู้สิ แต่ถ้าชาตินี้ได้สักทีก็จะดีมาก” ฉันตอบอย่างก๋ากั่นแล้วหัวเราะ คงเพราะดีกรีที่ไหลพล่านในกระแสเลือดด้วย ตูนเอามือมาผลักหัวฉัน “โอ๊ย” “ปากดี” “อย่างอื่นก็ดีย่ะ ของสดๆ ใหม่ๆ ซิงอย่าบอกใคร นี่ถ้าขออะไรได้สักอย่างนะ ฉันขอแค่น้ำเชื้อพอ อยากมีลูกหน้าตาน่ารักอย่างนั้น” “หมั่นไส้ ผัวไม่มีเสือกอยากมีลูก กี่ทีแล้วยะที่นัดบอด แกเคยได้สักทีไหม เลือกมากไม่อย่างนั้นก็คงมีไอ้ตัวเล็กๆ ไปนานแล้ว” “ก็นั่นฉันไม่ชอบ บางคนก็อ้วนไป บางคนดูสำอางเกินไป บางคนก็ไม่หล่อ” “จ้า แม่คนสวยเลือกได้ ส่องกระจกหน่อยซิส” เพลินจับฉันหมุนเข้าหากระจกยาว กวาดตามองหุ่นตัวเองบ้าง ฉันไม่ใช่คนสวยแบบตูน ไม่ใช่สาวเฟรนด์ลี่แบบเพลิน ไม่ได้เอวบางร่างน้อย แล้วไง? “ถึงฉันจะขี้เหร่ อวบ ผิวไม่ขาว แต่หลัวทั้งคนนะเว้ย จะมีทั้งทีก็ขอเลือกที่ถูกใจไม่ได้ไง ไม่สวยแต่ก็ไม่กินสุ่มสี่สุ่มห้านะขอบอก” “มิน่าแกอิ่มลมมาตลอดหลายปี” ตูนเย้า “กินอุดมการณ์นี่เอง” “ชิ ตอนนี้อายุแค่สามสิบสองขอกินอุดมการณ์ไปก่อนจะเป็นไร” ฉันมองตัวเองในกระจกอีกที คิดล่องลอยไปไกล ถ้าหาก... ฉันกับว่านมีอะไรกัน แล้วมีลูก จะหน้าตายังไง อ๊ายย... แค่สมมติยังเขินเลย “ไป...กลับ อย่ามาทำสีหน้าเป็นสาวโรคจิตอยู่ตรงนี้ นี่ถ้าเกิดบรรดาคนไข้ของแกมาเจอคงไม่กล้ามารักษากับแกแล้ว” เสียงของเพลินกระชากฉันขึ้นมาจากหลุมดำของความมโน “อ้าว นังนี่ หมอก็คนไหม? มีอารมณ์ มีความรู้สึกนะเว้ย” “เออ เอาไว้ไปรู้สึกตอนนอนหนาวอยู่ห้องเถอะย่ะ” “นังตูน” ฉันค้อนเพื่อน นี่พวกมันเป็นเพื่อนรักฉันไหม คนหนึ่งชง คนหนึ่งตบอยู่ได้ ถึงตัวฉันจะอวบก็พรุนไปหมดแล้วเนี่ย พวกเราสามคนเดินเย้าแหย่กันออกมาเพื่อเรียกรถ พูดตามจริง ตูนกับเพลินน่าจะกรึ่มได้ที่ งานเลี้ยงรุ่นของพวกเรา พูดง่ายๆ ดีกว่า มันคือการนัดเจอกันธรรมดาๆ นี่แหละ กินเหล้าพูดคุยถามไถ่กันไปมา วันนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกคือเมื่อห้าปีก่อน ใครไม่รู้ดันเสนอให้นัดเจอกันห้าปีครั้ง เพราะงั้นวันนี้ต่อให้พวกเราจะยุ่งแค่ไหน ถ้าปลีกตัวได้พวกเรามาแน่นอน แต่งานนี้เป็นครั้งแรกของว่าน ห้าปีที่แล้วเขายังอยู่ต่างประเทศ ออกมาด้านหน้า เราก็พบว่าว่านกำลังยืนรอรถ ท่าทางจะเมาไม่หยอก “ว่าน จะกลับแล้วเหรอ” เพลินถามเขา ส่วนฉันยืนมองเฉยๆ “อืม พรุ่งนี้มีธุระน่ะ” ว่านเอามือที่นวดหน้านวดคิ้วตัวเองลง หันมายิ้มให้ เขาไม่ใช่เสือยิ้มยาก ใครทักใครคุยก็แจกยิ้มพร่ำเพรื่อไปหมดนั่นแหละ “เมารึเปล่านาย” ตูนถามเขาอีก “นิดหน่อย พวกเธอกลับยังไง” “แท็กซี่ นั่นมาแล้ว เราต้องไปส่งนังอายก่อนใช่ปะตูน” เพลินถาม พอรถเข้ามาจอดใกล้ๆ ก็พยักหน้าให้ว่านเป็นเชิงบอกว่า นายมายืนรอก่อนเอารถคันนี้ไปได้ “ให้ฉันไปส่งพวกเธอไหม” “ไม่เป็นไร พักอยู่แค่นี้เอง แค่พวกเราต้องเสียเวลาวนรถไปส่งนังอายก่อน ว่าแต่นายเหอะกลับไหวไหมเนี่ย พักที่ไหน” ฉันได้แต่ยืนฟังเพื่อนๆ คุยกับเขา ระหว่างรอรถเข้ามาจอดเทียบ “แถวๆ ริชทาวน์” “อ้าว แถวเดียวกับนังอาย งั้นนายก็ไปพร้อมอายเลยสิ” “เอ่อ... ไม่ดีมั้ง” ฉันรีบปฏิเสธตะปบแขนเพลินจิกเล็บลงไปเบาๆ หยุดนังเพื่อนตัวดีหยุดเสนอไอเดียบ้าๆ นั่น การอยู่ใกล้ผู้ชายที่มีผลต่อหัวใจ มันอันตรายนะ อันตรายมากๆ ด้วย สองเพื่อนตัวร้ายของฉันไม่คิดอย่างนั้น ตูนผลักฉันเข้าไปหาว่าน “ว่านท่าจะเมาไม่น้อย แกไม่เมาก็นั่งรถไปเป็นเพื่อนเขาหน่อย พักแถวแถวเดียวกันน่า” ฉันหันไปมองว่าน ตาเขาแดงเรื่อทีเดียว รถเข้ามาจอดเทียบตรงหน้าพวกเราพอดี “ไปเถอะ” เขายิ้มบางๆ ให้ตูนกับเพลิน ก่อนหันมาพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ฉันไปขึ้นรถ ฉันยิ้มแหยให้เขา แล้วมองเลยไปจิกตามองเพื่อนทั้งสอง ทำตัวเป็นนกปากแหลมจิกกัดพวกมันอย่างไม่มีเสียง ซึ่งไอ้เพื่อนตัวดีก็โบกมือให้พลางส่งยิ้มมีเลศนัย พวกนั้นแกล้ง ฉันรู้ แต่จะทำอะไรได้นอกจากก้าวขึ้นรถตรงเบาะหลังที่เขาเปิดประตูรอ และตามขึ้นมานั่งด้วยกัน “เพลสทาวน์ครับ” เสียงว่านบอกคนขับ ฉันเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจ นี่ไม่ใช่อยู่ละแวกเดียวกันแล้ว เดอะเพลสทาวน์อยู่ติดกับริชทาวน์ คอนโดที่ฉันพักเลย “บังเอิญจัง” ฉันพึมพำเมื่อเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าฉันมองหน้าเขาทำไม “คอนโดติดกันเลย” “รู้มั้ย ความบังเอิญมันก็แค่ข้อแก้ตัวของพรหมลิขิตนะ” ว่านพูดแล้วยิ้มเบาบาง ฉันขมวดคิ้ว พยายามทำความเข้าใจรูปประโยคนั้น คนพูดก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ฉันจึงปล่อยเบลอไป เราไม่ได้คุยกันอีกทั้งที่ฉันมีเรื่องมากมายอยากคุยกับเขา จวบจนรถแท็กซี่พาเรามาถึงจุดหมาย ว่านจ่ายค่ารถ ฉันลงป้ายเดียวกับเขาเลย กำลังจะบอกลา ร่างสูงกลับทิ้งตัวลงนั่งบนขอบปูนทางเข้าคอนโด “ว่าน เป็นอะไร เมามากเปล่าเนี่ย” “อืม สงสัยอยู่ โดนเจ้าพวกนั้นมอมไปเยอะ” เขาตอบแล้วหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นมาลูบหน้า “ไหวไหม” ฉันเลิ่กลั่ก จะเข้าไปพยุง ใจตุ้มต่อมเกินไป “หัวหมุนติ้วเลย” “งั้น เดี๋ยวฉันไปเรียก รปภ.มาพานายไปส่งห้องนะ” ฉันรีบบอก กำลังจะเดินไปเรียกเจ้าหน้าที่ของตึกนี้ แต่ว่านกลับคว้ามือเอาไว้ “ไม่เป็นไร ฉันต้องไปส่งเธอก่อน ดึกแล้ว” “โอ๊ย คอนโดฉันอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าวเอง นายนั่นแหละควรขึ้นไปพักได้แล้ว” “ไม่ได้” ร่างสูงลุกพรวดขึ้น ส่งผลให้ตัวเขาเซมาชนฉันเต็มเปา ยังดีว่าเราไม่ล้มคว่ำ ว่านยึดตัวฉันไว้ เอ่ยขอโทษซ้ำๆ ฉันมองท่าทางเขาแล้วไม่น่าจะไหว ไม่คิดว่าเขาจะเมามาก คนเมาเก็บอาการเป็นแบบนี้เอง ตอนอยู่ในรถถึงได้นั่งมาเงียบๆ ฉันตัดสินใจนาทีนี้เองว่า ควรเลิกลังเลและพาหมอนี่ไปส่งห้องให้เสร็จๆ ไป “ห้องนายเบอร์อะไร” ว่านไม่ตอบ แต่ล้วงคีย์การ์ดจากกระเป๋ากางเกงมาให้ฉัน “เดินดีๆ ฉันรับน้ำหนักนายไม่ไหวนะบอกให้” ว่านไม่ตอบ จากการที่เขาไม่เซอีก เราจึงเข้ามาภายในตึกได้ แสงไฟทำให้ฉันเห็นว่า หน้าขาวๆ ของเขาแดงก่ำเพียงใดขณะพาตรงไปยังลิฟต์ ตั้งใจแค่จะกดลิฟต์ให้จากนั้นก็กลับห้องตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่า ว่านยึดตัวฉันไว้...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD