วันรุ่งขึ้น
หนึ่งนภามาช่วยงานที่ร้านอาหารแต่เช้า ทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ จนเวลาล่วงเลยเข้าช่วงเที่ยง จึงได้ละมือจากหน้าร้านไปล้างจานชาม เพราะเธอต้องออกจากร้านไปก่อนบ่ายโมง เพื่อทำงานอีกที่หนึ่ง ที่อยู่ใกล้เพียงแค่ข้ามถนนไปก็ถึง
เธอคุยกับแม่สาไว้แล้ว ว่าจะทำงานให้ท่านถึงเที่ยงครึ่ง และมาช่วยงานท่านเร็วขึ้นจากเคยมา 6 โมงเช้าวันนี้เธอมาตั้งแต่ตีห้า เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ขอเลิกงานเร็วกว่าปกติ
“หนึ่งไปเลยก็ได้ แม่ทำคนเดียวได้ ของมันไม่พอขายถึงบ่ายหรอก อีกจานสองจานก็หมดแล้ว”สาวิกาตะโกนบอกหนึ่งนภาให้ไปเตรียมตัว เมื่อข้าวในหม้อขนาดใหญ่เหลืออีกไม่กี่จาน
“ค่ะ หนึ่งล้างของหลังบ้านเสร็จพอดี หนึ่งอาบน้ำแล้วออกไปเลยนะคะแม่สา” หนึ่งนภาพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนเจ้าของร้านตามปกติ เพื่ออาบน้ำแต่งตัว
ใช้เวลาไม่นานหนึ่งนภาก็มาถึงหน้าห้องทำงานของศิวะ ในสภาพผมไม่แห้งหน้าไม่ได้แต่ง ถึงอย่างนั้นพนักงานของเขาก็ยังอุส่าห์ให้เธอขึ้นมาแบบไม่ถามอะไรเธอเลย เพียงแค่เธอบอกว่าเขาให้มาทำงานด้วย ก็เหมือนทุกคนในบริษัทจะอำนวยความสะดวกให้เธอทุกอย่าง
“สวัสดีค่ะ คุณศิวะให้ฉันมาช่วยงานคุณ”
หนึ่งนภายกมือไหว้ผู้ชายที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องของศิวะ เคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่เคยได้สำรวจใบหน้าเขาชัดๆ เลขาของเขาดูดีมาก แม้จะใส่แว่นตา แต่เธอก็ยังรับรู้ได้ว่าเขาหน้าตาดีไม่แพ้เจ้านายเลย
ภิภพมองผู้หญิงตรงหน้านิ่งๆ มองสำรวจเธอทุกอย่างจนกระจ่าง เธอถูกใจเจ้านายเขานั่นแหละ ไม่งั้นศิวะจะให้มาช่วยงานเขาทำไม ในเมื่องานเลขาที่เขาทำอยู่ เขาก็ทำมันดีอยู่แล้ว
หรือไม่ดีวะ? ไม่น่าใช่มั้ง ศิวะไม่เคยบอกอะไรเขาเลย ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่ายัยนี่จะมาช่วยงานที่เขาทำ ถ้าบอกว่ามาช่วยทำอย่างอื่นให้ศิวะเป็นการส่วนตัว เขาว่าน่าเชื่อกว่าอีก
“เห้อ! งั้นช่วยไปปลุกเขาหน่อยสิ นอนหลับอยู่ในห้องนั้นตั้งแต่เช้าแล้ว”
ภิภพถอนหายใจเบาๆ รอถามเจ้านายเองดีกว่า แต่ก่อนอื่นต้องไปปลุกเจ้านายที่แอบอู้งานก่อน และนั่นคือหน้าที่เธอ เขาไม่เสี่ยงชีวิตไปปลุกศิวะตอนนี้หรอกนะ หมอนั่นผีเข้าผีออก และเวลาตื่นนอนคือเวลาผีเข้า เรื่องอะไรเขาต้องเสี่ยงชีวิตไปปลุก มีผู้ช่วยก็รีบๆใช้ เพราะอีกไม่นานน่าจะโดนไล่ออกเหมือนผู้หญิงที่เสนอตัวมาช่วยงานเขาเหมือนที่ผ่านๆมา
“ค่ะ” หนึ่งนภาเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ เพื่อปลุกเจ้านายตามคำสั่งของคนที่เป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานใหม่แห่งนี้ เพราะเขาหลับตั้งแต่เช้านี่เอง วันนี้เธอถึงไม่เห็นเขาไปกินข้าวที่ร้านเลย เขาจะหิวไหมนะ เธอไม่ได้หยิบของกินติดมือมาซะด้วยสิ
ดวงตาสีดำสวยเหมือนสีผม สอดส่องหาคนที่เป็นเจ้านาย เมื่อในห้องทำงานไม่มีร่างของเขานอนหลับอยู่อย่างที่เลขาชื่อภิภพบอก จึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องที่อยู่ด้านในเข้าไป ห้องนอนของเขาที่เธอเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง
“อ๊ะ!”
มือเล็กๆยกขึ้นมาปิดตาทันที ที่เปิดประตูเข้าไป พบกับร่างเปลือยเปล่าของเขานอนอยู่ ใบหน้าเธอคงแดงมากๆ เพราะเธอรู้สึกอายแบบสุดๆ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเพราะภาพที่เห็น นี่มันกลางวันแสกๆ ผ้าม่านในห้องนอนถูกเปิดออกกว้าง แม้คืนนั้นจะเห็นใกล้กว่านี้ แต่บรรยากาศมันก็ไม่เหมือนตอนนี้เลยสักนิด เขาไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง ทำไมต้องนอนแก้ผ้าแบบนี้ด้วย
ศิวะลืมตาขึ้นช้าๆ เขาตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูแล้ว แต่ไม่ยอมลุกไปไหน เมื่อเห็นว่าคนที่ใจกล้าเข้าห้องเขาคือเธอ เธอที่กำลังปิดหน้าแดงๆนั่นไว้ ศิวะดึงผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนเตียงมาพันรอบเอวอย่างรวดเร็ว ก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอเงียบๆ อยากรู้นักว่าจะทำหน้ายังไงต่อจากนี้
“จะเข้ามาปล้ำฉันเหรอ” น้ำเสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้หนึ่งนภาถอยห่าง มือยังคงปิดหน้าไว้ เพราะกลัวเห็นภาพสุดเซ็กซี่ของเจ้านาย แต่เขาหุ่นดีมากเลย เธอเห็นหมดเลยอะ และภาพมันติดตาแม้เธอจะปิดตาอยู่ก็ตาม
“ถอยจนจะออกนอกห้องไปแล้ว เปิดเถอะน่า ฉันไม่ได้โป๊อยู่”
มือใหญ่ยกขึ้นจับมือเล็กของเธอออกเบาๆ มองหน้าเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก เมื่อเธอเปิดมาเจอร่างเกือบเปลือยของเขา ใบหน้าสวยยิ่งเห่อแดงหนักเขาไปอีก
อะไร? วันนั้นก็เห็นหมดแล้ว ทำเป็นอายไปได้
“ไหนบอกว่าไม่ได้โป๊ไงคะ” น้ำเสียงหวานน่าฟังสั่นนิดๆ เมื่อสายตาปะทะกับหน้าอกเปลือยเปล่าในระยะเผาขน ใกล้จนความร้อนจากร่างสูงกระทบไรขนเธอจนชูชัน ผิวเนื้อเธอคงแดงไปหมดแล้ว เพราะความเขินอาย
“ก็นี่ไงผ้าเช็ดตัว” ศิวะกำลังสนุก ยิ่งเห็นใบเธอแดงยิ่งอยากแกล้งให้มันแดงมากขึ้น จับใบหน้าที่อยู่ใกล้ ให้ก้มลงมองเนื้อตัวด้านล่าง ว่ามันไม่ได้โป๊อยู่จริงๆ
“ค่ะๆ คุณรีบไปใส่เสื้อผ้าเถอะค่ะ คุณภิภพให้ฉันมาปลุกคุณ ถ้าคุณตื่นแล้วฉันขอตัวไปรอข้างนอกนะคะ” หนึ่งนภาพูดเร็วๆ จนลิ้นพันกันไปหมด แต่ทุกคำเหมือนที่เธอคิดเปะๆและเขาน่าจะเข้าใจ แต่ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังลากเธอเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าอีก
“ช่วยฉันหาเสื้อสีน้ำเงินหน่อย ฉันคิดว่ามันหาย”
ศิวะจับเธอมายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า พูดบอกพลางค้นหาเสื้อผ้าในตู้ของตัวเองที่มีแต่สีดำและสีขาว เสื้อสีน้ำเงินที่มีเพียงตัวเดียวในตู้ใบนี้มันหายไป มันไม่ใช่เสื้อเขาหรอก มันเคยเป็นเสื้อของแฟนเก่าที่ตายไป และไม่เคยมีใครมายุ่งกับตู้ใบนี้ แต่หลังจากคืนนั้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน มันหายไป และหัวขโมยก็คงเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขานี่แหละ
เขาไม่ได้มีความทรงจำกับคนรักเก่าเหลืออยู่เท่าไหร่ เพราะเลิกกันไม่ค่อยดีนัก เธอนอกใจ เขาจับได้ และทะเลาะกันรุนแรงจนเขาขอเลิก เธอไม่ยอมและประชดเขาด้วยการกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยา เขาวิ่งไปช่วยแต่ไม่ทัน ร่างเธอจมหายไปต่อหน้าต่อตา นั่นทำให้เขายังรู้สึกผิดตลอดมาที่ช่วยเธอไว้ไม่ได้
เขาไม่ได้รักเธอมากขนาดนั้น เป็นคนรักกันก็จริงแต่ทันทีที่รู้ว่าเธอนอกใจ ความรู้สึกที่เขามีให้เธอลดลงเหลือศูนย์ทันที หลังจากที่จัดการงานศพของเธอเรียบร้อย เขาก็จัดการขนทุกอย่างที่เธอทิ้งไว้ในห้องนี้ออกไปบริจาคทั้งหมด แต่เสื้อตัวนั่นเขาคงเก็บไปไม่หมด และมันยังอยู่จนถึงสองอาทิตย์ก่อน ก่อนเขาจะพบว่ามันหายไป
เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับไปนอนบ้าน ซึ่งมันผิดปกติแหละ อันนี้เขารู้ตัวดี แต่การนอนเมื่อคืนมันรู้สึกดีแปลกๆ ทันทีที่หนึ่งนภาเดินจากไป เขาก็เดินเข้าห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียงไม่นานก็หลับสนิท ทั้งที่ปกติกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า เมื่อได้นอนก็ไม่อยากตื่นแม้ตะวันจะขึ้นจนสายโด่งแล้วก็ตาม ถูกภิภพโทรเข้ามาตามหลายรอบมาก ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ และกลับมานอนต่อในสภาพที่เธอเห็น