คุณศิวะ

1189 Words
หนึ่งนภามองเงินทอนในมือ แล้วมองสภาพตัวเอง หน้าเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้จะคอยเช็ดออกอยู่ตลอดก็ตาม เสื้อผ้าก็ธรรมดา ไม่เหมาะกับงานผู้ช่วยเขาจริงๆนั่นแหละ “เสร็จงานแล้วหนึ่งเข้าไปในห้องนอนแม่สิลูก”เจ้าของร้านที่ได้ยินทุกอย่าง พูดกับพนักงานของตัวเองเสียงดัง ก่อนจะกลับไปง่วนกับการทำอาหารต่อ หนึ่งนภาจึงทำงานต่อเหมือนเดิม เพื่อรอเวลาปิดร้านในอีก ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น ร้านอาหารตามสั่งของสาวิกา เปิดตั้งแต่ตีห้า และปิดตอนเที่ยงถึงบ่ายแล้วแต่วัน เพราะของจะหมดช่วงนี้พอดี และวันนี้ก็ขายดีมากช่วง 11 โมง - เที่ยงครึ่ง จึงต้องเก็บร้านทั้งที่ยังมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอยู่ตลอด หลังจากเก็บร้านเสร็จ มือเล็กก็ถูกคนสูงวัยดึงลากเข้าไปในห้องนอน คนทั้งสองหยุดยืนหน้าตู้เสื้อผ้าของท่าน “แม่เคยมีลูกสาว แต่ตอนนี้ไม่รู้ลูกคนนั้นไปอยู่ที่ไหน เหลือไว้เพียงเสื้อผ้าให้ดูต่างหน้า คาดหวังอยู่ตลอดว่าลูกจะกลับมา แต่ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง ของพวกนี้มีไว้ก็ไม่ได้ใช้ หนึ่งรังเกียจไหม ถ้าจะใช้มัน” ท่านรู้ดีว่าหนึ่งนภาประหยัด จนแทบจะเรียกว่าขี้เหนียว ไม่มีทางที่เธอจะเอาเงินนั่นไปซื้อเสื้อผ้าใหม่หรอก และเสื้อผ้าลูกสาวของท่านก็ยังทันสมัยอยู่ เพราะเธอเพิ่งจะขาดการติดต่อไปเมื่อสามปีก่อนเอง เสื้อผ้าพวกนี้หนึ่งนภาน่าจะยังใส่ได้อยู่ “พี่เขายังไม่เคยกลับมาเลยเหรอคะ” หนึ่งนภาเคยเจอเธอคนนั้น ลูกสาวของแม่สาสวยมาก ใบหน้าเธอมีสีสันอยู่ตลอดจนเธอแอบอิจฉา เคยคิดว่าพี่เขาไปมีครอบครัว ไม่คิดว่าพี่เขาจะทิ้งแม่ที่รักไปแบบไม่หวนกลับมาดูดำดีดีท่านเลยแบบนี้ “ยังเลย ป่านนี้คงมีลูกมีหลานไปแล้วมั้ง คงลืมแม่จนๆคนนี้ไปแล้ว” เพราะรู้นิสัยลูกดี ลูกสาวท่านติดหรู ทำตัวเป็นคุณหนูตลอด และรังเกียจแม่ที่เป็นแม่ค้า แม้จะไม่ค่อยลงรอยกันมาตั้งแต่เธอเริ่มโตเป็นสาว แต่ท่านก็รักลูกสาวสุดหัวใจ “หนูจะดูแลแม่เองค่ะ จะอยู่กับแม่จนกว่าพี่เขาจะกลับมา” หนึ่งนภาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเหี่ยวย่นเบาๆ ถ้าท่านไม่มีใครเธอก็อยากดูแล อยากดูแลคนที่เธอรักเหมือนแม่คนนี้ “หนึ่งอย่าทิ้งแม่ไปอีกคนนะ สักวันหนึ่งจะเจอสิ่งที่มีความหมาย หนึ่งต้องมีชีวิตอยู่ต่อนะลูก” คำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้นยังกวนใจท่าน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนึ่งนภา แต่คำพูดนั่นก็ทำให้ท่านกังวลมาก หนึ่งนภารักน้องสาวมาก คงรู้สึกเหมือนโลกนี้สูญสิ้นหลังสูญเสียน้องสาวไป เธอคงไม่คิดจะมีชีวิตอยู่ต่อ และเด็กหนุ่มคนนั้นน่าจะช่วยไว้ทัน “ค่ะ หนึ่งจะมีชีวิตอยู่ต่อ” เธอเจอเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้วที่อยากให้เธออยู่ต่อ หวังว่าในอนาคตโลกของเธอจะกว้างขึ้น มีคนที่เธออยากอยู่ด้วยเพิ่มมากขึ้น หนึ่งนภาเลือกชุดที่เรียบที่สุดในตู้ออกมา แอบปาดเหงื่อนิดๆเมื่อเลือกเสร็จ เสื้อผ้าเยอะมากแต่แทบจะไม่มีชุดที่เธอกล้าใส่เลย และชุดที่เลือกมา ก็ถือว่าเรียบร้อยที่สุดแล้ว หนึ่งนภามองชุดสีชมพูหวานแบรนด์ดังอย่างชั่งใจ แต่เมื่อมองนาฬิกาในห้องแล้วมันเลยเวลาบ่ายโมงไปมาก ก็รีบขยับตัวไปอาบน้ำพร้อมกับชุดที่ถือเข้าไปด้วย บ่อยครั้งที่เธอใช้ห้องอาบน้ำของเจ้าของร้าน วันไหนที่มีสอบบ่าย เธอจะอาบน้ำที่นี่ก่อนไปสอบเสมอ จึงไม่ค่อยกระดากอายมากนักที่ต้องใช้ของๆนายจ้าง เพราะท่านอนุญาติให้เธอใช้ได้เต็มที่ “เครื่องสำอางพวกนั้นเอาไปใช้ได้เลยลูก แม่เอาออกมาจากตู้เมื่อกี้” คนที่นั่งพักเหนื่อยบนเตียง บอกเด็กสาวที่ออกมาด้วยชุดเรียบร้อยที่สุดที่ลูกสาวของท่านมี แต่ท่านคิดว่าชุดนี้เหมาะกับหนึ่งนภามากกว่าลูกสาวท่านซะอีก “ขอบคุณค่ะ” หนึ่งนภายกมือไหว้ มองเครื่องสำอางที่ยังไม่เคยแกะออกมาใช้อย่างเกรงใจ มันถูกเก็บรักษาอย่างดี เหมือนรอให้เจ้าของกลับมาใช้ แต่ท่านคงไม่หวังแล้วว่าลูกสาวจะกลับมา ถึงได้แกะออกมาให้เธอแบบนี้ หนึ่งนภาแต่งหน้าบางๆ ไม่กล้าแต่งมากเพราะกลัวเขารู้ ไม่กล้าเขียนอายไลน์เนอร์ ทำเพียงแค่เขียนคิ้วให้มันเด่นชัด และปัดแก้มนิดๆเท่านั้น เท่านี้คงไม่ได้ดูแย่มั้ง เพราะเธอไปทำงาน ไม่ได้ไปขายตัวให้เขาเหมือนคราวที่แล้วสักหน่อย หนึ่งนภารีบออกจากร้าน ที่เป็นทั้งบ้านพักของเจ้าของร้าน เดินกึ่งวิ่งข้ามถนนไปหยุดยืนหน้าพนักงานตอนรับข้างล่าง เหมือนครั้งแรกที่เข้ามา “มาพบคุณศิวะคะ ท่านนัดไว้” หนึ่งนภายกมือไหว้ ผู้หญิงที่มองสำรวจเธอด้วยรอยยิ้ม “คะ! ท่านประชุมอยู่ค่ะ คุณขึ้นไปรอข้างบนเลยก็ได้ค่ะ” พนักงานที่ทำหน้าที่ประสานงานกับผู้ที่มาติดต่อ บอกด้วยรอยยิ้มพร้อมกับผายมือเชิญผู้หญิงตรงหน้า เหมือนทุกคนที่มาติดต่อกับเจ้าของบริษัท แม้จะสงสัยว่าคนตรงหน้าแอบอ้างชื่อเข้าของบริษัทไหม แต่หน้าที่เธอคือส่งคนตรงหน้าไปให้เลขาเจ้านายตรวจสอบ ถ้าไม่ได้นัดคงถูดไล่ตะเพิดลงมาเองนั่นแหละ หนึ่งนภาเดินขึ้นไปข้างบน ไม่ต้องถามชั้นที่เขาทำงานกับใคร เธอเคยมาแล้วนี่นา จำได้ดีว่าเขาทำงานอยู่ชั้นไหน เพราะเธอเพิ่งจะมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี่เอง ลิฟต์ที่เธอโดยสารขึ้นมา หยุดลงที่ชั้นบนสุดที่กว้างขวางโอ่อ่า และปราศจากเงาผู้คน เพราะคงจะกำลังประชุมอยู่ หนึ่งนภาเลือกเดินไปนั่งรอเงียบๆ ที่โซฟาหน้าห้องที่เคยเข้าไป และทำเพียงแค่ รอ รอ แล้วก็รอ ปกติเขาประชุมกันนานแค่ไหนนะ แล้วตอนนี้มันนานแค่ไหนแล้ว ไม่มีอะไรใช้บอกเวลาเลย รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้มืดแล้ว เพราะแสงอาทิตย์ที่เคยสาดส่องหายไปหมด มีเพียงแสงไฟในอาคารที่ส่องสว่างให้เธอคลายความกลัว คนที่ไม่เคยได้นอนหลับเต็มอิ่มมาทั้งอาทิตย์หลับตาลงช้าๆด้วยความง่วง รออีกสักหน่อยถ้าเขาไม่มาเธอก็จะกลับแล้ว แต่ตอนนี้ขอพักสายตาสักหน่อยแล้วกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD