หมายเหตุ ** นิยายเรื่องนี้ประกอบไปด้วย 2 เรื่องสั้น ได้แก่
1. เร้นราคะ
2. บรรณาการจอมโจร
***************************************************************************************************
“ เซียนเอ๋อร์ แม่กับท่านลุงจะเดินทางไปเยี่ยมท่านลุงฟ่านเหริน พี่ใหญ่ของเขาที่ป่วยที่ต่างเมืองสักเจ็ดราตรี ระหว่างนี้ พี่ถิงเฟิง ลูกชายของท่านลุงที่เป็นทหารเอกอยู่ในวังจะกลับมาพักที่บ้าน เห็นว่าจะมาในวันพรุ่งนี้ ขอให้เจ้าช่วยต้อนรับขับสู้เขาด้วยนะ ” นี่คือคำบอกกล่าวของท่านแม่ของ เฟ่ยชิงเซียน ท่านแม่ตบแต่งกับท่านลุงถิงหลง ผู้ชายคนใหม่หลังจากที่ท่านพ่อจากไปเมื่อปีกลาย
แรกนั้นชิงเซียนตะขิดตะขวงใจยิ่งนักที่จะมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้าน มาแทนที่ท่านพ่อที่เป็นคหบดีผู้ร่ำรวยจากกิจการเครื่องประดับจำพวกหยกน้ำดีทั้งหลาย เป็นที่นิยมที่สุดในแคว้นก็ว่าได้ ซึ่งแม้ท่านพ่อจะจากไปแต่ก็ทิ้งสมบัติพัสถานไว้มากมาย ชิงเซียนคิดว่าท่านลุงจะเข้ามาหลอกลวงท่านแม่ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เขาเองก็เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมมีชื่อของเมืองเฉินที่อยู่ห่างไปราวห้าสิบลี้ อีกทั้งเขาเป็นคนใจเย็น มีจิตใจเมตตา สุดท้ายความดีของเขาก็เอาชนะใจของชิงเซียน
แม้ว่าจะมิได้เรียกขานเขาว่าท่านพ่อ ยังคงเป็นท่านลุงเหมือนเดิม แต่นางก็นับถือเขาไม่ต่างจากท่านพ่อ แท้ ๆ ที่จากไป เขาคอยดูแลท่านแม่เป็นอย่างดี ปฏิบัติกับบ่าวไพร่อย่างมีเมตตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชิงเซียนที่เป็นลูกเลี้ยง ท่านลุงให้เกียรติและรักนางราวกับลูกแท้ ๆ
ท่านลุงเล่าให้ฟังว่า ภรรยาของเขานั้นจากไปเมื่อห้าปีก่อน ท่านลุงก็ไม่ได้มีผู้หญิงคนใหม่ ใช้ชีวิตลำพังในการบริหารโรงเตี๊ยมไปวัน ๆ จนได้พบเจอกับท่านแม่ของชิงเซียน
ท่านลุงมีบุตรชายอยู่เพียงหนึ่งคน เช่นเดียวกับท่านแม่ของชิงเซียนที่มีบุตรสาวเพียงคนเดียว แต่นางก็ไม่เคยเห็นเขาเลยแม้สักครั้ง เห็นว่าชอบชีวิตโลดโผน ไม่ชอบนั่งโต๊ะช่วยผู้เป็นพ่อบริหารงานใด ๆ จึงตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตท่องยุทธภพ สุดท้ายเห็นว่าท่านแม่ทัพบังเอิญไปเห็นฝีมืออันร้ายกาจในการต่อสู้กับโจรผู้ร้าย จึงชักชวนให้เข้าไปรับตำแหน่งทหารเอกของท่านแม่ทัพ โดยมิต้องผ่านการสอบจอหงวนบู๊แต่ประการใด
หวังถิงเฟิง คือชื่อของชายผู้นั้น หากนับบรรดาศักดิ์แล้วเขาก็ต้องเป็นพี่ชายของชิงเซียน เพราะท่านลุงบอกว่าเขาอายุล่วงยี่สิบเจ็ดปีนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่สนใจอยากมีภรรยา อยากสร้างครอบครัว
ส่วนชิงเซียนนั้นอายุได้ย่างสิบเก้า นางเองก็พึ่งจะตบแต่งออกเรือนไปกับเหรินต้าฟู่ บุตรชายวัยยี่สิบสองของท่านหมอเหรินไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตามความเห็นชอบของผู้หลักผู้ใหญ่
แม้จะแต่งงานมีสามี แต่ชิงเซียนนั้นก็ยังไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านของสามีกับบ้านของตัวเอง เนื่องด้วยต้าฟู่ผู้เป็นสามีต้องช่วยงานท่านพ่อของเขาจนดึกจนดื่นทุกคืน อีกทั้งเขากำลังเตรียมตัวจะไปสอบจอหงวน จึงไม่ค่อยมีเวลาให้กับชิงเซียนผู้เป็นภรรยามากนัก
ทั้งคู่แต่งกันโดยความเห็นชอบของผู้ใหญ่โดยที่ไม่ได้รัก ข้อนั้นชิงเซียนทราบดี แต่เมื่อแต่งไปแล้วจะทำอย่างไรได้ นางจำต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดี แต่ผู้เป็นสามีกลับดูไม่ค่อยสนอกสนใจนางเท่าใดนัก ทั้งที่ความงามของนางก็มิเป็นสองรองใคร
ข้าต้องทำงานช่วยท่านพ่อ
ข้าต้องท่องตำราเพื่อเตรียมตัวสอบจอหงวน
นั่นคือคำพูดที่เขาบอกกับนางเมื่อถูกทวงถามความเอาใจใส่เพราะความน้อยใจประสาผู้หญิง
และก็เป็นอีกราตรีที่นางน้อยใจจนหนีกลับมานอนที่บ้านของตัวเองในยามจื่อ (เวลา 23.00 น. – 24.59) เพราะเบื่อหน่ายกับผู้เป็นสามีเหลือเกิน
แต่ขณะสาวเท้าเข้าสู่ห้องนอนของตน พลันชิงเซียน ก็ได้ยินเสียงบางอย่างกระทบเข้าหู
ตั้บ ๆๆ
กึก ๆๆ
“ อู้ว เบาหน่อยเจ้าค่ะ ข้าจุกไปหมดแล้ว ”
“ ข้าเบาไม่ได้ เจ้าเองมิใช่รึที่ยั่วยวนเรียกร้องให้ข้าเอาแรง ๆ ”
“ แต่ข้าไม่ทราบนี่เจ้าคะว่าของท่านจะใหญ่ยาวขนาดนี้ หอยของข้าจะฉีกหมดแล้ว ”
คำพูดคำจาเหล่านั้นทำให้ชิงเซียนหน้าร้อนผ่าวนางผ่านการมีสามีมาแล้วเหตุใดจะไม่รู้ว่าทั้งคู่กำลังสนทนาปราศรัยอันใดกันอยู่
แต่ผู้ใดกันเล่า ?
ท่านลุงกับท่านแม่ก็ไม่อยู่บ้าน หรือหากท่านอยู่ก็คงไม่ทำอะไรบัดสีบัดเถลิงให้ได้อายเช่นนี้
หรือว่าจะเป็นบ่าวไพร่คนรับใช้ ผู้ใดมันจะกล้า ?
นางค่อยเดินย่องเงียบกริบไปทางต้นเสียง มันมาจากห้องโถงรับแขก
เหตุใดจึงอุกอาจนัก !
ยิ่งเข้าใกล้เสียงยิ่งชัดเจน มิผิดแน่ว่าชายหญิงทั้งคู่นั้นต้องสมสู่กันในห้องรับแขกของบ้านนางเป็นแน่
นางแอบอยู่ที่ผนังโผล่เพียงช่วงบนศีรษะให้สายตาพอมองเห็น ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับภาพเบื้องหน้า
แม้ว่าโคมไฟในห้องจะถูกดับจนหมดสิ้น มีเพียงแสงโคมจากด้านนอกที่แขวนไว้ตามจุดต่าง ๆ และแสงสว่างจากดวงจันทร์บนท้องฟ้าสาดส่องเข้ามาในห้อง นางก็เห็นมันได้ชัดเจน
บุรุษร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่ายืนอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง กำลังกระแทกแก่นกายของตนเข้าใส่สตรีนางหนึ่งที่ถูกถลกอาภรณ์ขึ้นเพียงถึงเอว เปิดเปลือยเพียงช่องรักเบื้องล่างให้เขาได้ทะลุทะลวง มือข้างหนึ่งของเขากระตุกเส้นผมของนางเข้าหาตัวตามจังหวะกระแทกอัด อีกข้างฟาดลงบนสะโพกอวบของนางแรง ๆ เป็นระยะ
ที่มาของเสียงกึก ๆ คือจังหวะที่เขากระแทกนาง หนัก ๆ ทำให้ขอบโต๊ะชนกับฝาผนัง เสียงตั้บ ๆ นั่นคือเสียงเนื้อหนั่นแห่งบุรุษกระแทกเนื้อนวลสาว เพิ่มเติมคือเสียงเพี้ยะ ๆ ที่เขาฟาดฝ่ามือใหญ่ลงไปบนสะโพกอวบ
ชิงเซียนใจหายวาบ บอกตัวเองว่าบัดสีสิ้นดี แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก กล้ามเนื้อภายในรัดรึงเต้นตุบ ริมฝีปากแห้งผาก
ลีลารักอันดุดันของชายผู้นั้นเขย่าใจนางเหลือเกิน...