หลันซูซินแทบจะล้มทั้งยืนอีกครั้ง ก่อนจะมองหลานสาวด้วยความเกลียดชัง
“แล้วที่นังลู่อิงทำร้ายฉันล่ะ ชาวบ้านก็เห็น”
“แม้ว่าพวกฉันเห็น แต่ไม่ใช่เพราะเธอหรอกเหรอที่กล่าวร้ายแม่ของลู่อิงก่อน เธอจึงบันดาลโทสะเตะเธอเข้า” ชาวบ้านช่วยแก้ต่างให้กับหลันลู่อิง
“แต่...แต่ยังไงฉันก็โดนทำร้าย ฉันจะเอาเรื่องนังลู่อิง”
หลันซูซินยังไม่ยอม คิดจะเอาเรื่องหลันลู่อิงให้ได้ บางทีเธอคิดว่าอาจจะไม่ต้องจ่ายเงินในส่วนสองร้อยหยวน
“เจ้าหน้าที่ครับ จ่ายค่าปรับข้อหาทำร้ายร่างกายต้องเสียเท่าไหร่ เรื่องนี้ผมรับผิดชอบเอง เรื่องจะได้จบๆ กันไป ตอนนี้อาข่ายกับเสี่ยวอิงยังไม่ได้กินอาหารเลย พวกเราจะไปหาของป่า ป่านนี้ยังไม่ได้ขึ้นไปฟ้าจะมืดเสียก่อนนะครับ น้าหงเหยาฝากทั้งสองคนให้ผมช่วยดู ตอนนี้เท่ากับผมเป็นผู้ปกครองของทั้งสองคน ผมจึงขอรับผิดชอบเอง”
หยางเฟยเทียนเบื่อเรื่องนี้เต็มทนแล้ว หากยังให้เขาอยู่พูดคุยกับลูกสาวบ้านหลันต่อ บ้านใหญ่หลันคงจบไม่สวย
“ทำร้ายร่างกายปรับยี่สิบหยวนครับ แต่ด้วยกำลังของหลันลู่อิงคิดว่าหลันซูซินคงไม่เจ็บมาก อีกทั้งเด็กสาวทำเพราะบันดาลโทสะโดยมีชาวบ้านเป็นพยาน ผมคิดว่าห้าหยวนน่าจะพอ”
ใครจะกล้าคิดเยอะ ในเมื่อหยางเฟยเทียนออกหน้ารับผิดชอบ เขายังอยากอยู่ในตำแหน่งนะ
หยางเฟยเทียนมองฉีหงฝูเพื่อให้นำเงินห้าหยวนมาจ่ายค่าปรับ “นี่คือเงินค่าปรับ หวังว่าเงินสามร้อยหยวนจะมาถึงมือผู้นำหมู่บ้านภายในหนึ่งชั่วโมงนะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้ ไปกันเถอะ อาข่าย เสี่ยวอิง เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน”
หยางเฟยเทียนปล่อยให้คนสนิทจัดการเรื่องต่อ ส่วนเขาพาทั้งสองคนขึ้นเขาเพื่อไปเก็บหมามุ่ยอย่างที่ยายตัวเล็กต้องการ
ชาวบ้านมองหลันซูซินอย่างรังเกียจ ตัวเองผิดแท้ๆ ยังกล้ามาเรียกร้องค่าเสียหาย เป็นยังไงล่ะได้มาแค่ห้าหยวน ยังต้องจ่ายเพิ่มอีกสองร้อยเก้าสิบห้าหยวน สนุกล่ะทีนี้
หลันซูซินเมื่อไม่เห็นทางรอดจึงรีบกลับบ้าน ตั้งใจจะไปขโมยเงินในกล่องเงินของแม่ คิดว่าตอนนี้ทุกคนคงถูกส่งตัวไปที่อนามัยเรียบร้อยแล้ว ทางสะดวก เธอรู้ดีว่าแม่จะเก็บค่าใช้จ่ายไว้ที่หนึ่ง และเงินเก็บของครอบครัวอีกทีหนึ่งและเธอเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเงินนั้นแอบไว้ที่ไหน
เมื่อกลับเข้าบ้านเธอจึงรีบเข้าห้องนอนแม่ เพื่อไปหยิบเงินออกมา หากขอดีๆ เธอเชื่อว่าแม่และพ่อยอมให้เธอติดคุกมากกว่าจะยอมเสียเงิน เพราะลูกทั้งสามคนพ่อกับแม่รักพี่ใหญ่มากที่สุดแล้ว
หลังจากที่หยิบเงินออกมาตอนนี้บ้านใหญ่หลันเหลือเงินไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวน ยังมีค่าเล่าเรียนที่ต้องจ่ายให้ลูกๆ ของพี่ใหญ่และค่าใช้จ่ายในบ้านอีก เงินไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวนจะจ่ายได้นานเท่าไหร่กันเชียว
จากนั้นจึงนำเงินก้อนนี้มาส่งให้กับผู้นำหมู่บ้าน ก่อนจะกลับมาที่บ้านอีกครั้งเพื่อคิดว่าจะรับมือกับครอบครัวยังไงเมื่อทุกคนรู้ว่าเงินหายไปเกือบสามร้อยหยวน
กลับมาทางด้านหลันลู่อิง หลังจากขึ้นเขามาทั้งสามคนเดินอยู่สักพักไม่นานก็เจอเป้าหมาย เธอจึงหยิบผ้าจากในกระเป๋าและพับให้หลายชั้นเพื่อหยิบหมามุ่ย สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
หยางเฟยเทียนเห็นเข้าพอดีจึงยิ้มมุมปาก และคิดว่ายายตัวเล็กของเขาต้องเหมาะกับสีหน้าแบบนี้ แม้จะรู้ว่าเมื่อครู่เธอจะเล่นละครก็ตาม แต่ไม่เหมาะกับการที่ต้องเสียน้ำตา
“แล้วจะจัดการคนนั้นยังไง” หยางเฟยเทียนเอ่ยถาม
“คงต้องรอให้มืดกว่านี้ค่อยจัดการ แต่อาเฟยเทียนไม่ต้องยุ่งหรอก เดี๋ยวจะซวยไปด้วย แค่นี้ก็ช่วยพวกเรามามากพอแล้ว” หลันลู่อิงไม่อยากให้เขามาวุ่นวายด้วย แค้นนี้เธอขอชำระเอง
“ฉันว่าฉันไปด้วยดีกว่า อันตรายเกินไปหากไปทั้งสองคน ในเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วกลับกันเถอะ ว่าแต่ทั้งสองคนมีใครทำอาหารเป็นบ้างไหม”
หยางเฟยเทียนเบื่ออาหารฝีมือของคนสนิทเต็มทนแล้ว ยิ่งได้กินซาลาเปาวันนี้ยิ่งทำให้ไม่อยากอาหารรสชาติเดิม
“พอทำได้ แต่ว่าอาเฟยเทียนมีอุปกรณ์และวัตถุดิบไหม” ในเมื่อช่วยเธอและครอบครัวมาหลายเรื่อง แค่เรื่องทำอาหารไม่ใช่เรื่องยาก
“มี เมื่อเช้าก่อนลงงานยวี่กงจับไก่ป่ามาได้หนึ่งตัว หลังบ้านยังมีผักหลายอย่าง อุปกรณ์ครบครัน ว่าแต่บ้านเรามีอุปกรณ์ผ้าห่มอะไรครับไหม จะมานอนบ้านฉันก่อนหรือเปล่าพรุ่งนี้ค่อยไปหาซื้อ”
เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แม้ว่าบ้านหลังนั้นจะมีเตียงนอนและโต๊ะเก้าอี้ แต่ไม่มีพวกฟูกและที่นอน บ้านรองหลันพามาเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเท่านั้น
‘แย่แล้ว’ เธอลืมเรื่องนี้เสียสนิทเลย คิดว่ายังไงก็ต้องเข้าไปนอนในมิติ จนลืมคิดไปว่าสามหนุ่มข้างบ้านรู้เห็นว่าบ้านใหม่แทบไม่มีอะไรเลย ในระหว่างที่เธอคิด หลันอี้ข่ายจึงเป็นคนเอ่ยเรื่องนี้แทน
“ไม่เป็นไรครับพี่เฟยเทียน ผมและน้องเล็กนอนกันได้ หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป เราขอยืมผ้าห่มเพียงผืนเดียว พรุ่งนี้ผมและน้องตั้งใจจะไปซื้อของใช้และพวกเครื่องนอนอยู่แล้วครับ”
“เอาแบบนั้นเหรอ แล้วมีเงินพอหรือเปล่า เอาของฉันไปก่อนไหม” หยางเฟยเทียนแม้จะได้รับรายงานจากฉีหงฝูแล้วเรื่องบ้านรองหลันมีเงินเก็บ แต่เขารู้ดีว่าซื้อของพวกนี้ใช้เงินจำนวนไม่น้อย
“พอมีอยู่ครับ เพียงแต่หากชาวบ้านถาม คงต้องบอกว่ายืมของพี่ก่อนเหมือนเดิม พี่อย่าลืมสิว่าเดี๋ยวผู้นำหมู่บ้านต้องเอาเงินค่าผิดสัญญามาให้ ผมคิดว่าเงินน่าจะพอและยังเหลือให้เราสองพี่น้องเรียนต่อในชั้นมัธยมต้น” หลันอี้ข่ายอธิบายก่อนจะขอความช่วยเหลือเรื่องเดิมอีกครั้ง
“อืมเอาเอาอย่างนั้นก็ได้”
หยางเฟยเทียนไม่อยากบังคับทั้งสองคนมากกว่านี้ แค่อยู่บ้านใกล้กันก็พอแล้ว
เมื่อมาถึงบ้านพัก หลันลู่อิงจึงมาที่บ้านของเฟยเทียนเพื่อทำอาหารให้กับสามหนุ่มอย่างที่รับปากไว้ เธอเลือกที่จะทำอาหารง่ายๆ ไก่ผัดขิง ไก่ผัดพริกหยวกและไข่เจียว
“ลองกินดูนะว่าพอจะถูกปากหรือเปล่า”
หลันลู่อิงเมื่อทำอาหารเสร็จจึงเรียกทุกคนมากิน เพราะคืนนี้เธอมีบางอย่างที่ต้องไปทำ
หลังจากที่ได้ยินเสียงเรียกทั้งหมดจึงรีบมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร พอได้ชิมไม่คิดว่าความสามารถในการทำอาหารของหลันลู่อิงจะอร่อยขนาดนี้ สามคนไม่พูดมาก ได้แต่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดกับใครอีก
จนหลันลู่อิงและหลันอี้ข่ายสองพี่น้องมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม เมื่ออาหารมื้อเย็นผ่านไป หลันอี้ข่ายจึงหอบผ้าห่มที่ยืมมาจากบ้านของหยางเฟยเทียนกลับมายังบ้านใหม่ของตนเอง
สองพี่น้องเข้าไปอยู่ในมิติอาบน้ำแต่งตัวใหม่ที่รัดกุมด้วยเสื้อผ้าสีดำ
“พี่ใหญ่รู้ใช่ไหมว่าหัวหน้าคอมมูนพักที่ไหน”
หลันลู่อิงหันมาถามพี่ชายอีกครั้ง ก่อนจะเก็บอุปกรณ์งัดแงะหน้าต่างเข้ากระเป๋าสะพาย
“อืม บ้านหลังใหญ่ในคอมมูนนั่นแหละบ้านของหัวหน้าหวาง”
“ได้เวลาแล้วเรารีบไปรีบกลับกันเถอะ”
หลันลู่อิงเอ่ยชวนพี่ชายก่อนจะรีบออกมาจากมิติ แต่พอมาถึงหน้าบ้านและกำลังปิดประตูกลับเจอหยางเฟยเทียนนั่งไขว่ห้างและรีบดีดบุหรี่ทิ้งก่อนจะโดนบ่นอีก ชายหนุ่มอยู่ในชุดรัดกุมสีดำ ทำให้หลันลู่อิงอยากจะคิดว่าอาเฟยเทียนนี่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอและพี่ใหญ่แน่ๆ มานั่งรออีกแล้ว
“นั่งรอตั้งนานนึกว่าจะออกมาเร็วกว่านี้นะ” หยางเฟยเทียนเอ่ยทักทาย
“อย่าบอกนะว่าอาเฟยเทียนจะไปกับพวกเราด้วย พรุ่งนี้อาต้องทำงานไม่กลัวหลับกลางแดดหรือยังไง”
“อืม จะไปด้วย เรื่องหลับไม่ต้องกลัวไม่หลับหรอก จะปล่อยให้ทั้งสองคนไปจัดการกันเอง ผู้ปกครองแบบฉันย่อมไม่ไว้ใจ” นี่คือข้ออ้างที่เขาเพิ่งจะคิดได้ ส่วนที่อยากจะตามไปเพราะคำว่าเป็นห่วง