บทที่ 5 สองพี่น้องเข้าอำเภอ

1490 Words
เช้าวันต่อมา สี่คนพ่อแม่ลูกกินอาหารมื้อเช้าในมิติ แม้ว่าหงเหยาจะไม่เคยใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ไม่นานหลันลู่อิงสอนจนเป็นทุกอย่าง อยู่ในนี้จะกินเนื้อยังไงก็ได้ไม่ต้องกลัวใครเห็น เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วเธอจึงพาพ่อแม่และพี่ชายออกมาจากมิติ วันนี้หลันเทียนหยู่สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยเพราะได้ยาลดไข้ไป และยิ่งได้กินอาหารดีๆ ร่างกายเหมือนจะมีแรงขึ้น แต่หลันลู่อิงและทุกคนยังไม่วางใจ ควรจะพาไปหาหมอดีที่สุดแล้ว จากนั้นสามคนแม่ลูกจึงเดินออกมาจากห้อง เพื่อจะไปที่คอมมูน เพราะสองพี่น้องต้องแอบเข้าไปในอำเภอ หงเหยาจึงคิดจะไปลางานให้ลูกๆ ด้วย “สบายจริงๆ เป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ ไม่คิดจะมาช่วยอะไรกันเลย ทั้งสองคนก็เหมือนกัน ไม่ช่วยรดน้ำผักกับให้อาหารไก่รึยังไง หน้าที่แกทั้งสองคนไม่ใช่เหรอ” เจียอี๋สะใภ้ใหญ่ของบ้านต้องทำงานเอง จึงพูดจิกกัดสามคนแม่ลูก หลันลู่อิงเตรียมจะโต้กลับ แต่โดนหงเหยาตอกลับไปแทน “พี่สะใภ้ เมื่อวานพี่ก็รู้ดีว่าบ้านรองของเราโดนให้อดอาหาร พี่จะให้พวกเราเอาแรงจากที่ไหนมาทำงาน แค่งานในคอมมูนก็ไม่รู้ว่าอาข่ายและเสี่ยวอิงจะทำไหวหรือเปล่า พี่ก็ให้เสี่ยวอิ๋งกับอาฮ่าวช่วยก่อนไม่ได้เหรอ ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้ไปโรงเรียน” หลันอี๋ข่ายมองหน้ากับหลันลู่อิง ทั้งสองคนแทบอยากจะกระโดดปรบมือสักฉาด เพราะแม่เริ่มสู้คนเป็นแล้ว ไม่ยอมอ่อนแอให้โดนรังแกอีกแล้ว “หล่อนกล้าดียังไงใช้ลูกๆ ของฉันมาทำงานสกปรกพวกนี้ ทั้งสองคนเรียนประถมกับมัธยมต้น ย่อมเป็นหน้าเป็นตาของบ้าน ไม่เหมือนลูกทั้งสองคนของหล่อนหรอกนะ อยากเรียนแต่ไม่ได้เรียน” นางเจียอี๋เหยียดยิ้มอย่างดูถูก คิดจะใช้งานลูกๆ ของเธอทั้งสองคนเหรอ ฝันไปเถอะ! เสี่ยวอิ๋งกับอาฮ่าวของเธอเป็นนักเรียน เป็นหน้าเป็นตาให้บ้านหลัน เธอไม่ยอมให้ลูกๆ ทั้งสองคนต้องทำงานหนักหรอกนะ แค่กินกับเรียนก็พอแล้ว “ระวังนะคะป้าสะใภ้ อยู่สูงมากจนเกินไปพอหล่นลงมาเจ็บแทบกระดูกหักเลยล่ะ ไม่เป็นไรค่ะแม่ แค่ให้อาหารไก่กับรดน้ำแปลงผักหนูและพี่ใหญ่ทำได้” หลันลู่อิงยิ้มตอบแม่และพี่ชาย ได้! ในเมื่อให้เธอรดน้ำผักกับให้อาหารไก่ใช่ไหม ลู่อิงจัดให้ หงเหยาและหลันอี้ข่ายมองหลันลู่อิง แต่พอเห็นเธอยิ้มมุมปากทั้งสองคนจึงพยักหน้ารับเพราะไม่อยากเถียงกับสะใภ้ใหญ่ของบ้าน ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินไปที่แปลงผักและเล้าไก่ข้างบ้าน หลันลู่อิงรดน้ำจนชุ่ม จะว่าชุ่มคงไม่ได้เอาเป็นว่าหากผักไม่เน่าก็คงแปลกแล้วล่ะ ส่วนไก่ หัวอาหารที่มีทั้งหมดเธอเทใส่เล้าไก่ทั้งหมดเช่นกันให้มันรู้ไป ในเมื่อไม่ใช่ของครอบครัวเธอก็แก้ปัญหาเอาเอง เมื่อจัดการเรียบร้อย สามแม่ลูกจึงรีบเดินไปที่คอมมูนด้วยเสียงหัวเราะ ทั้งสามคนเดินมาที่ห้องทำงานของหัวหน้าคอมมูนเพื่อมาขอลา ส่วนหงเหยานั้นไม่ต้องลาเพราะสามีบอกว่าเขาดีขึ้นแล้วและอยู่คนเดียวได้ ตอนเที่ยงค่อยกลับมา ดีที่เสี่ยวอิงแอบซาลาเปาไว้ในห้องเพื่อให้พ่อกินเวลาหิวและกินยาตอนเที่ยง “หัวหน้าคะ วันนี้ฉันจะขอลางานให้เสี่ยวอิงกับอาข่ายได้ไหม ฉันจะให้ลูกทั้งสองคนไปหาซื้อสมุนไพรมาต้มให้พี่เทียนกิน” หงเหยากล่าวอย่างเกรงใจ สามีเธอลางานมาหลายวันแล้ววันนี้ลูกๆ ขอลาอีก “อืม ได้สิ แต่ว่ามีเงินกันหรือเปล่า เอาเงินของฉันไปไหม” หัวหน้าหวางพูดด้วยสายตากรุ้มกริ่ม มองหงเหยาไม่วางตา หลันลู่อิงอยากจะหยิบปืนออกมายิงให้ตายไปเสีย กล้าดียังไงมองแม่ของเธอแบบนั้น เรื่องนี้หงเหยาใช่ว่าไม่รู้ แต่เธอเป็นคนมีสามีแล้วและรักสามีมาก จึงปล่อยวางและเฉย หากไม่จำเป็นเธอจะไม่เสวนากับคนคนนี้เด็ดขาด “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันและสามีพอจะมีเงินบ้าง แค่ซื้อสมุนไพรไม่มากหรอก ขอบคุณมากนะคะ” เธอค้อมหัวขอบคุณก่อนจะรีบจูงแขนลูกทั้งสองคนออกมาจากห้องนั้นทันที จากนั้นหลันลู่อิงและหลันอี้ข่ายจึงแยกตัวออกไปเพื่อหลบเข้าอำเภอ ระหว่างทางเดินหลันลู่อิงบ่นเรื่องนี้หัวหน้าเพ่ยไม่หยุด “พี่ใหญ่ พี่อยากฝึกการต่อสู้ไหม ในมิติมีห้องฝึกซ้อมด้วยนะ” อยู่ๆ ประโยคสุดท้ายเธอจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “แล้วเสี่ยวอิงล่ะ ต่อสู้เป็นไหม พี่พอจะมีพื้นฐานอยู่บ้างพี่เฟยเทียนเคยสอนพี่หลายครั้ง” เขาพอจะคุ้นเคยกับยุวปัญญาชนคนหนึ่งชื่อว่าหยางเฟยเทียน แม้ว่าพี่เฟยจะเย็นชาแต่ก็ดีกับเขามาก “ใครเหรอคะ ทำไมไม่เห็นจะจำได้เลย” หลันลู่อิงพยายามเค้นความทรงจำว่าคนที่ชื่อเฟยเทียนคือใคร แต่นึกไม่ออกเสียที “พี่เฟยเทียนเป็นยุวปัญญาชนชาย มาทำงานในคอมมูนเราเมื่อสองปีที่แล้ว พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใครมาจากที่ไหน แต่มาพร้อมสหายสองคน และไม่ต้องอยู่รวมกับยุวปัญญาชนชายคนอื่น ครั้งนั้นพี่เฟยเทียนเห็นพี่โดนรุ่ยฮ่าวรังแกเลยสอนการต่อสู้พื้นฐานให้เพื่อไว้ป้องกันตัว” จากนั้นเขาและพี่เฟยเทียนจึงไปมาหาสู่กันตลอด หลันลู่อิงพยักหน้าเข้าใจ ยังดีที่พี่ชายพอมีความรู้ขั้นพื้นฐาน ต่อไปคงไม่ยากหากจะฝึก “เป็นสิ และไม่ต้องถามว่าทำไมถึงเป็นเพราะท่านตามาเข้าฝันสอนการต่อสู้ จบนะพี่ใหญ่” หลันอี้ข่ายพยักหน้าตอบรับ คงไม่มีอะไรที่น้องสาวเขาทำไมได้ในเมื่อเธอเป็นลูกรักสวรรค์ของท่านตาคนนั้น เมื่อเดินมาถึงครึ่งทางสองพี่น้องมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครจึงเดินเข้าพุ่มไม้ข้างทางจากนั้นหลันลู่อิงจึงจับแขนพี่ชายพาเข้ามิติ ทันทีที่เข้ามาทั้งสองคนจึงช่วยกันเตรียมของไว้สำหรับขาย ก่อนจะปลอมตัวเองโดยการใส่วิก ใส่หมวก และแต่งหน้าเพื่อไม่ให้มีเค้าเดิม “โห เสี่ยวอิง พี่จำน้องไม่ได้เลย หากเดินสวนกันคงไม่รู้แน่ว่าเป็นน้องสาวพี่” เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเสี่ยวอิงแต่งหน้าเล็กน้อยก็ไม่มีใครจำทั้งสองคนได้แล้ว “ยังไม่พอพี่ เราสองคนต้องดัดเสียงด้วย เผื่อว่าเจอคนในหมู่บ้านไม่งั้นงานเข้าแน่นอน” แม้ว่าจะปลอมแปลงหน้าตาจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่เธอยังไม่วางใจ ยิ่งยุคนี้มีทหารแดงเธอยิ่งไม่อยากเสี่ยง จึงต้องดัดเสียงด้วยอีกเล็กน้อย “ได้สิ” หลันลู่ข่ายจึงดัดเสียงพูดกับน้องสาว เมื่อทั้งคู่พอใจกับผลงานจึงได้ออกมาจากมิติพร้อมจักรยานอีกหนึ่งคัน ส่วนสินค้าที่จะนำมาขายเมื่อลงความเห็นกันแล้วค่อยไปเอาออกในซอกซอยของตลาดมืดแทน จากนั้นสองพี่น้องจึงมุ่งหน้าไปยังที่หมายเพื่อขายสินค้าหาเงินพาพ่อไปรักษา เธอมองว่าพ่ออาจจะเป็นไข้ป่าและอาการหวัดน่าจะลงปอดแล้ว หากรักษาช้ากว่านี้คงจะเป็นเรื้อรัง โอกาสรอดก็จะมีน้อย ทันทีที่มาถึงทางเข้าตลาดมืด ก็เจอกับคนเฝ้าประตูสองคนรูปร่างสูงใหญ่ แม้ว่าจะไม่เคยเห็น แต่คนเฝ้าทั้งสองคนเมื่อได้ยินรหัสจึงปล่อยผ่านให้เข้าไป “พ่อค้าแม่ค้าไม่น้อยเลยนะพี่ใหญ่ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าคนไหนคือลูกค้า” เมื่อเห็นคนเดินกันมากมายหลันลู่อิงจึงถามขึ้น “เสี่ยวอิง น้องไปอยู่ตรงซอกตึกก่อนนะ รอพี่ส่งสัญญาณแล้วค่อยสะพายตะกร้ามาหาพี่” เขาเคยเข้ามาขายของกับพ่อหลายครั้งย่อมรู้ว่าควรจะทำยังไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD