หกปีต่อมา…
[Vela Talk]
“แม่เวย์ขา” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วร้องเรียกฉันพร้อมกับการวิ่งเข้ามาสวมกอดฉันที่นั่งอ้าแขนรอรับเธออยู่ “วันนี้แม่เวย์ขาคิดถึงน้องมั้ยคะ” เธอเอ่ยถามเสียงอ้อน แววตาบ้องแบ๊วเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิดเพี้ยน
“คิดถึงสิคะ ตอนแม่เวย์ทำงานแม่เวย์คิดถึงน้องนาฬิมากเลยน้า” ฉันกดจมูกลงที่แก้มเล็กของเด็กหญิงนาฬิกา ลูกสาวสุดที่รักของฉัน
“ตอนน้องจะนอนน้องก็คิดถึงแม่เวย์ขาก่อนนอนด้วยค่ะ คิดถึงพ่อนอสของน้องด้วย”
“จริงเหรอคะ”
“จริงค่ะ น้องน่ารักมั้ยคะแม่เวย์ขา”
“น่ารักค่ะ น้องนาฬิของแม่เวย์กับพ่อนอสน่ารักที่สุดเลยค่ะ”
“พ่อนอสมองลงมาจากบนฟ้าต้องรักน้องมาก ๆ เลยใช่มั้ยคะแม่เวย์ขา” เด็กหญิงนาฬิกาลูกสาวของฉันเอ่ยถามพร้อมใบหน้าที่เฝ้าหวังในคำตอบ
“ค่ะ พ่อนอสรักน้องนาฬิมาก ๆ น้องนาฬิเป็นเด็กดีเด็กน่ารัก พ่อนอสต้องภูมิใจในตัวน้องนาฬิแน่นอนค่ะ”
“น้องคิดถึงพ่อนอสจังเลยค่ะ น้องอยากกอดพ่อนอส” ลูกสาวของฉันเสียงสั่น เธอเริ่มที่จะงอแง ร้องขอในสิ่งที่ฉันไม่สามารถให้เธอได้
“แม่ก็อยากกอดพ่อนอสค่ะ แต่น้องก็รู้ว่าพ่อนอสอยู่บนฟ้า พ่อนอสกลับมาหาเราไม่ได้ น้องกอดแม่แทนได้มั้ยคะ” ฉันมักบอกลูกสาวแบบนี้เวลาที่เธองอแงร้องหาคนเป็นพ่อ พ่อที่ไม่เคยโผล่มาให้ลูกเห็นหน้าสักครั้ง
“น้องเป็นเด็กไม่ดีใช่มั้ยคะ น้องขอโทษนะคะแม่เวย์ขา แม่เวย์ขาไม่โกรธน้องได้มั้ยคะ น้องขอโทษที่งอแง” เธอเริ่มที่จะพะว้าพะวงเมื่อฉันน้ำตาเคล้าคลอ
“ไม่โกรธค่ะ เรากลับบ้านกันนะคะ วันนี้แม่เวย์มีถ่ายงานตอนเย็น น้องนาฬิอยากไปด้วยมั้ยคะ” ฉันระบายยิ้มให้ลูกสาวที่น่ารัก
“อยากค่ะ น้องจะไปเฝ้าแม่เวย์ขาตอนทำงาน วันนี้น้องไม่มีการบ้าน” เด็กหญิงนาฬิกาของฉันเธอเป็นคนกลบเกลื่อนเก่ง เธอสามารถแกล้งลืมเรื่องที่คุยก่อนหน้า เพียงเพื่ออยากให้ฉันยิ้มให้เธอ
เวลาผ่านมาหกปีกว่า หลังจากที่ฉันเสียพรหมจรรย์ครั้งแรกในวันนั้น หลังจากนั้นมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับฉัน กระทั่งฉันตั้งท้องเด็กหญิงนาฬิกา ถ้าเอาแบบสรุปง่าย ๆ คงต้องเล่าว่า ฉันชื่อเวฬา เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกสามีภรรยาคู่หนึ่งรับมาเลี้ยงดูตอนอายุ 8 ขวบ สามีภรรยาคู่นี้เลี้ยงดูฉันเป็นอย่างดี อนุญาตให้ฉันเรียกพวกเขาว่าพ่อและแม่ และสามีภรรยาคู่นี้ยังรับอุปการะลูกแม่บ้านอีกด้วย ลูกของแม่บ้านมีชื่อว่าปลา เธอได้เรียนที่เดียวกันกับฉัน เป็นเพื่อนร่วมห้อง เป็นเหมือนเพื่อนสนิทฉันคิดแบบนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่
เธอมองฉันเป็นศัตรูมาตลอด
ทุกอย่างในชีวิตเหมือนจะดี ฉันเหมือนลูกคุณหนูแต่ไม่เคยลืมกำพืดตัวเอง ฉันยังจดจำว่าฉันคือเด็กกำพร้า และฉันคิดจะตอบแทนบุญคุณที่สามีภรรยาคู่นี้รับฉันมาเลี้ยงดู ฉันจึงเชื่อฟังในคำสอน ให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำ กระทั่งฉันอายุ 14 ปี ทุกอย่างที่ฉันคิดก็เปลี่ยนไป
ในคืนวันเกิดที่ฉันอายุ 14 ปี คนที่ฉันเรียกว่าพ่อกับแม่จัดงานเลี้ยงฉลองให้ฉันอย่างยิ่งใหญ่เหมือนหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่งานเลี้ยงเลิกราในคืนนั้น ฉันที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ฟูกบนเตียงมันยุบยับเสียงดังเหมือนมีคนมาโยกตัวอยู่บนที่นอน ฉันรวบรวมความกล้าแล้วลืมตาขึ้นดู สองสามีภรรยากำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่ข้างกายฉัน คนที่ให้ฉันเรียกว่าแม่พ่นคำหยาบคายที่ไม่น่าฟัง คนที่ฉันเรียกว่าพ่อโยกตัวบนแม่และเอ่ยชื่อของฉัน มีบางคราที่มือหนาเลื่อนมาจับที่ต้นขาฉัน บ้างก็จับมือฉันไปสัมผัสหน้าอกของคนที่ฉันเรียกว่าแม่ สิ่งที่ฉันทำได้คือแกล้งหลับ แล้วทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปท่ามกลางเสียงครางชื่อของฉัน และถ้อยคำที่ไม่น่าฟัง
มีครั้งแรกย่อมมีครั้งสอง ครั้งสาม และครั้งถัด ๆ ไป ซึ่งฉันแกล้งหลับทุกครั้ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันเล่าให้ใครฟังไม่ได้ แต่ฉันก็อยากจะระบาย
ในตอนเย็นของวันหนึ่งฉันจึงเดินไปที่ห้องนอนของปลา เพื่อนที่ฉันเคยคิดว่าเราสนิทกัน ฉันคิดเอาไว้ว่าจะเล่าให้ปลาฟัง
แต่เมื่อไปถึง สิ่งที่ฉันเห็นและได้ยินมันทำให้ฉันไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
ฉันเห็นคนที่ฉันเรียกว่าพ่อ กำลังร่วมรักกับปลาเด็กในอุปการะของเขา ปลามักเรียกผู้ชายคนนั้นว่า คุณผู้ชาย และแน่นอนว่าตอนที่ทั้งสองร่วมรักกัน ปลาก็เรียกเขาแบบนั้น และฉันยังได้ยินเขาพูดถึงฉันด้วย
‘ถ้าเวฬาง่ายดายแบบหนูก็คงจะดี ฉันจะได้ไม่ต้องรอให้เวฬาอายุครบ 18 ปี’
นี่คือสิ่งที่ฉันแอบได้ยิน หลังจากที่เขาร่วมรักกันเสร็จ เงินเป็นปึกถูกวางข้างกายของปลา ฉันรีบถอยหลังกลับในทันที มันน่ากลัวมาก
หลังจากนั้นไม่กี่วันฉันก็แอบได้ยินสามีภรรยาพูดคุยกัน และก็ได้รู้ว่าสองคนนี้มีรสนิยมทางเพศที่ค่อนข้างแปลก ทำนองว่าเขาทั้งสองรับฉันมาเลี้ยงเพราะฉันถูกตาต้องใจ กะว่ารอให้ฉันเติบโตและให้ฉันสนองความใคร่ให้พวกเขาทั้งคู่ อย่างที่ปลายอมทำ
เขาทั้งสองมองฉันและปลาต่างกัน อาจจะเพราะด้วยนิสัยใจคอด้วยมั้ง เขาจึงจะรอให้ฉันอายุครบ 18 ปี
ถ้าถามว่าทำไมฉันไม่หนี คิดเอาง่าย ๆ ว่าเด็กอย่างฉันก็เหมือนหนูติดจั่น ไม่มีทางหนีไปไหนพ้น พวกเขารวยจะตายไป คนรวยทำอะไรก็ไม่ผิด
และระหว่างนั้น ที่สามีภรรยารอให้ฉันอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ พวกเขาจะกอดหอมฉันเหมือนอย่างเคย อย่างเคยที่ว่าหมายความว่า รักใคร่เอ็นดู ทำเหมือนฉันเป็นลูกสาวแท้ ๆ แต่ที่ไหนได้เขาคิดอกุศลกับฉันมาก ซึ่งฉันต้องทำปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แม้ว่าบางคืนพวกเขาจะเข้าไปมีเซ็กซ์กันในห้องนอนของฉันและฝ่ายชายครางชื่อฉันก็ตาม ฉันไม่มีทางสู้ จึงต้องแสร้งไม่รู้เรื่อง ทำตัวเหมือนทุกอย่างปกติ
เคยมีอยู่คืนหนึ่ง ตอนนั้นฉันเก็บมารีมาเลี้ยง ในคืนนั้นคนเป็นสามีย่องเข้ามาในห้องนอนของฉัน มารีหมาภักดีกระโจนกัดเขาในทันที แล้วเหตุการณ์ครั้งนั้นจึงทำให้ฉันสูญเสียมารี นับแต่นั้นมาคนเป็นสามีก็ไม่เคยย่องเข้าห้องฉันเพียงลำพัง ทุก ๆ ครั้งจะมีภรรยามาด้วยเสมอ
ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นมาตลอด กระทั่งนอสเข้ามาในชีวิตของฉัน กฎเกณฑ์การเสียตัวของฉันก็เร่งรัดเข้ามา เพียงเพราะปลาคาบข่าวมาบอกเพื่อเอาหน้าว่ามีผู้ชายมาติดพันฉัน และฉันก็ค่อยข้างชื่นชอบ
ฉันจึงแอบได้ยินคนเป็นสามีพูดกับภรรยาว่า ‘ผมจะไม่ทนรออีกนะ ผมทนเลี้ยงดูฟูมฟักมาตั้งนาน คนอื่นมาตัดหน้าไม่ได้ คืนนี้ผมต้องได้ตัวหนูเวฬา’
ทางด้านภรรยาก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะเธอก็อยากได้ฉันเช่นกัน และนี่จึงเป็นเหตุให้ฉันตัดสินใจยอมเสียซิงให้ผู้ชายที่ชื่อนอส ดีกว่ายอมเป็นทาสกามให้กับครอบครัวนั้น
ในตอนนั้นฉันคิดแค่ว่า ไม่มีซิงพวกเขาคงจะไม่ทำอะไรฉัน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย
มันไม่ใช่สักนิด ที่ฉันคิดมันผิด ผิดหมดเลย