ซื้อบ้าน

1674 Words
ชางอี้เหวินค้นพบเพียงความว่างเปล่า ในแววตาของหลานสาวบุญธรรม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดีใจมากที่ซูหลิงเลิกคิดกับเขาเชิงชู้สาว แต่ในเวลานี้จิตใจของชางอี้เหวินรู้สึกแปลกๆ แต่ชายหนุ่มก็ปัดความคิดออกไปได้สำเร็จ และพยายามเป็นอาบุญธรรมที่น่าเคารพของหลานๆ “แล้วจะซื้อบ้านทำเลแถวไหน” “ฉันอยากได้ทำเลแถวโรงเรียนของซูอี้ค่ะ” “เดี๋ยวอาจะลองสอบถามเพื่อนๆดูว่า ใครมีบ้านแถวนั้นปล่อยขายหรือไม่” “ขอบคุณค่ะ” “กลับไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวซูอี้กลับมาจากโรงเรียนแล้วไม่เจอ” “ค่ะ” ซูหลิง รีบเดินออกไปจากห้องทำงานของอาบุญธรรม เพราะอยากกลับห้องไปอาบน้ำเต็มที ทั้งยังรีบอยากไปค้นหาข้อมูลราคาของบ้าน ทำเลแถวๆโรงเรียนของน้องชายด้วย เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ซูอี้ก็กลับมาจากโรงเรียน พอรู้ว่าอาบุญธรรมกลับมาจากต่างประเทศแล้ว จึงไปทักทายที่ห้องพักส่วนตัว เพราะซูอี้จะสนิทสนมกับชางอี้เหวินมากกว่าซูหลิง ที่ชายหนุ่มพยายามเว้นระยะห่างมาโดยตลอด . . . เช้าวันใหม่ ซูหลิงลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องครัวพร้อมกับน้องชาย ชางอี้เหวินที่ตื่นแต่เช้าเพื่อลงมาดื่มกาแฟจึงร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันกับสองพี่น้อง เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จ รถโรงเรียนของซูอี้ก็มารับที่หน้าบ้านพอดี เด็กชายจึงรีบลาคุณอากับพี่สาว และรีบวิ่งไปขึ้นรถโรงเรียน ซูหลิงก็กำลังจะเดินตามออกจากบ้านไปด้วย แต่ก็ต้องหยุดเดินเพราะมีเสียงนุ่มทุ้มสอบถามขึ้นมาเสียก่อน “จะไปไหนแต่เช้า” “อ้อ ไปดูบ้านค่ะ หาข้อมูลไว้หลายที่เลยจะไปดูสถานที่จริงสักหน่อยก่อนตัดสินใจ” “เดี๋ยวพาไป รออาดื่มกาแฟหมดแก้วก่อน” “เอ่อ ฉันไปเองดีกว่าค่ะ เพราะวันนี้เรียกรถแท็กซี่เอาไว้แล้ว” เนื่องจากวันนี้ สถานที่ที่ต้องตระเวนดูบ้านค่อนข้างจะห่างไกลกัน หญิงสาวจึงเรียกรถแท็กซี่ให้มารับที่บ้าน ผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ “อืมตามใจ” ชางอี้เหวินไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพราะเขาก็อยากเว้นระยะห่างกับหญิงสาวเช่นกัน พอชายหนุ่มไม่มีคำถามอะไรแล้ว ซูหลิงจึงขอตัวไปขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่หน้าบ้านแล้ว วันนี้หญิงสาวแต่งกายรัดกุม สวมกางเกงยีนส์ขายาว คู่กับเสื้อเชิ้ตพอดีตัว และสวมรองเท้าผ้าใบสีหวานที่มีอยู่ในตู้รองเท้า อาหนุ่มมองด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นหลานสาว แต่งกายรัดกุมทะมัดทะแมงแบบนี้มาก่อน อีกทั้งหน้าตาก็แทบจะไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางลงไปเลย แต่ทุกอย่างกลับดูลงตัวและน่ามองมากกว่าแต่ก่อน จนแทบละสายตาออกไปไม่ได้ พอได้สติว่าตนเองมองหลานสาวที่เดินออกไปจนลับสายตา ก็รีบหันหน้ามามองแก้วกาแฟของตนเองทันที และรีบดื่มให้หมดแล้วรีบออกไปทำงานเช่นกัน หรูเหยียนที่แอบมองอยู่ห่างๆ ก็มีสีหน้าที่บึ้งตึงขึ้นมา เมื่อเห็นอาการของเจ้านายหนุ่ม ที่มองหลานสาวนอกไส้ด้วยแววตาล้ำลึกแตกต่างจากที่เคยเป็นมา แม่บ้านสาวรู้สึกกระวนกระวายใจ เพราะหึงหวงเจ้านายหนุ่ม แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไร หรือแสดงอะไรออกมาได้ แต่ในสมองก็ไม่หยุดคิดหาวิธีเข้าหาเจ้านาย เพื่อให้ตนเองสมหวังในความรัก “ฉันจะทำอย่างไร ให้ได้คุณชางมาเป็นสามี” แม่บ้านสาวบ่นพึมพัมเสียงเบาอยู่คนเดียว . . . ซูหลิงให้รถแท็กซี่มาจอดที่บ้านหลังเล็กๆชั้นเดียวสีขาว ที่เธอดูในรูปจากอินเตอร์เน็ตแล้วถูกใจที่สุด บ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของซูอี้ เป็นบ้านที่มีการล้อมรั้วอย่างแน่นหนา ดูปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัยของหญิงสาวกับเด็กชาย อีกทั้งยังมีบริเวณหน้าบ้านสามารถจัดสวนเล็กๆได้ ซูหลิงโทรศัพท์ติดต่อกับนายหน้าขายบ้านเอาไว้แล้ว และนัดเจอกันที่หน้าบ้านที่ต้องการเข้าชม พอคนขับจอดรถสนิทแล้ว ก็มีนายหน้าสาวเดินมารอรับถึงประตูรถแท็กซี่ “สวัสดีค่ะคุณซู ดิฉันม่านอวี้ เป็นนายหน้าขายบ้านหลังนี้ค่ะ” “สวัสดีค่ะ คุณม่านอวี้ เราเข้าไปชมบ้านกันเถอะค่ะ” ซูหลิงทักทายสั้นๆไปตามมารยาท เพราะเป็นคนคุยไม่ค่อยเก่ง ทั้งยังอยากเห็นบริเวณข้างในของบ้านเต็มทีแล้ว “ได้ค่ะ เชิญเลยค่ะคุณซู” ภายในบ้านหลังนี้มี 3ห้องนอน มีห้องน้ำภายในห้องนอนทุกห้อง ทั้งยังมีห้องน้ำรับแขกอีก1ห้องอยู่ในตัวบ้าน และมีห้องครัวกับบริเวณรับแขกที่กว้างขวาง สภาพตัวบ้านยังดูใหม่ เพราะพึ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน แต่ที่เจ้าของบ้านต้องการขาย เพราะจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว ราคาของบ้านหลังนี้อยู่ที่ 5 ล้านหยวน ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับสภาพของบ้านและทำเลที่ตั้ง ซูหลิงถูกใจบ้านหลังนี้เป็นอย่างมาก เพราะขนาดและจำนวนของห้องกำลังพอเหมาะ และมีบริเวณรอบๆตัวบ้านให้ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ และจัดสวนเล็กๆตามที่เธอต้องการได้ แต่หญิงสาวก็ยังไม่ได้ตอบตกลง เพราะต้องการไปดูอื่นเปรียบเทียบอีกสักหน่อย ถ้าไม่มีที่ไหนพอใจจะกลับมาซื้อบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน “คุณม่านอวี้ฉันชอบบ้านหลังนี้มาก แต่ก็ต้องขอไปดูที่อื่นสักเล็กน้อยเพื่อความสบายใจ หวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไรนะคะ แต่ถ้าไม่เจอบ้านที่ถูกใจไปมากกว่าบ้านหลังนี้ ฉันจะติดต่อกลับมาภายในวันนี้เลยค่ะ” “ตกลงค่ะคุณคุณซู ฉันเข้าใจค่ะเพราะการตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง ก็ต้องซื้อบ้านที่ถูกใจที่สุด ฉันจะรอคุณติดต่อกลับมานะคะ” “ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ” ซูหลิงให้คนขับรถแท็กซี่ขับไปดูบ้านที่น่าสนใจ ที่ได้หาข้อมูลมาอีก3หลัง แต่พอเห็นสภาพบ้านหญิงสาวก็แทบจะไม่อยากลงไปดูเลย เพราะตัวบ้านไม่มีบริเวณรอบๆให้จัดสวน บางหลังก็สภาพทรุดโทรมมากเกินไป ซูหลิงที่มีเวลาจำกัด และใจร้อนอยากย้ายออกมาอยู่บ้านของตนเอง อีกทั้งในใจก็รู้สึกตกหลุมรักบ้านหลังแรกที่ได้ดูมา จึงตัดสินใจติดต่อกลับไปหาม่านอวี้ นายหน้าขายบ้านหลังแรก เพื่อตกลงทำสัญญาซื้อขายบ้านกัน “ฉันดีใจนะคะที่คุณกลับมาซื้อบ้านหลังนี้ เพราะเจ้าของบ้านดูแลบ้านหลังนี้มาด้วยความรัก เธออยากส่งต่อให้คนที่รักในบ้านหลังนี้ ซึ่งฉันก็ดูออกว่าคุณตกหลุมรักในบ้านหลังนี้เข้าแล้ว” “ใช่ค่ะ บ้านหลังนี้ตรงตามความต้องการของฉันทุกอย่าง และมีบรรยากาศที่อบอุ่นจนสัมผัสได้” บ้านหลังนี้ทำให้ซูหลิงรู้สึกคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ที่เธอจากมา เพราะจวนตระกูลซูก็หลังไม่ใหญ่ และมีต้นไม้ ดอกไม้ปลูกไว้อย่างร่มรื่นและสวยงาม หลังจากทำสัญญาซื้อขายกันเสร็จ ทั้งสองก็นัดหมายวันทำเรื่องโอนบ้าน และจัดการด้านเอกสารพร้อมชำระเงินกันในอีก 2วันข้างหน้า เนื่องจากหญิงสาวไม่ได้ทำเรื่องยื่นกู้กับธนาคาร เพราะต้องการจ่ายเป็นเงินสดก้อนเดียว ขั้นตอนซื้อขายจึงไม่ได้มีความยุ่งยากอะไร พอเสร็จธุระเรื่องการซื้อบ้านแล้ว ซูหลิงก็เดินทางไปโรงเรียนของน้องชายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เพื่อติดต่อชำระค่าเทอมที่ค้างไว้ให้เรียบร้อย โรงเรียนของซูอี้เป็นโรงเรียนเอกชนระดับประถม ที่มีค่าเทอมแพงในระดับกลางๆ ซูหลิงคนเดิมยังไม่ได้ย้ายน้องชายให้ไปเรียนที่โรงเรียนอื่น เพราะสงสารน้องชายที่ต้องย้ายไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ จึงได้รบกวนเงินค่าเทอมจากชางอี้เหวินอยู่ทุกเทอม แต่จากนี้ไปซูหลิงคนใหม่นี้ คงไม่ต้องรบกวนเงินจากอาบุญธรรมอีกแล้ว เพราะเธอจะนำสมบัติในมิติออกไปทะยอยขาย เพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงจะหาอาชีพที่เหมาะสมกับความสามารถของตนเองทำ และใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายกับน้องชาย ในบ้านหลังเล็กที่แสนอบอุ่นนี้ . . . เวลา4โมงเย็น หญิงสาวก็กลับมาถึงบ้านตระกูลชาง เจ้าของบ้านที่พึ่งหายป่วยได้ไม่นาน ก็เดินทางกลับมาจากบริษัทเช่นกัน เพราะอยากกลับมาพักผ่อนให้เยอะๆ ร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็ว ทั้งสองคนเดินมาเจอกันที่บริเวณรับแขกของบ้านพอดี ซูหลิงจึงหยุดเดินเพื่อรอทักทายเจ้าของบ้าน ตามมารยาทของผู้อาศัยที่ดี “คุณอากลับเร็วนะคะ หรือว่ายังไม่สบายอยู่” “อืม อาอยากพักผ่อนเยอะๆจะได้ฟื้นตัวเร็ว” “ดีแล้วค่ะจะได้หายไวๆ ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” ซูหลิงเอ่ยขอตัวเมื่อทักทายตามมารยาทแล้ว และกำลังจะเดินขึ้นห้องส่วนตัว แต่ก็มีเสียงของอาหนุ่มเอ่ยสอบถามขึ้นมาเสียก่อน “แล้ววันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ได้ไปดูบ้านมาหรือเปล่า” อาหนุ่มถามในเรื่องที่เขากระวนกระวายใจ เพราะอยากรู้จนไม่มีสมาธิทำงานทั้งวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD