ตอนที่ 3 พบกันอีกครั้ง

2063 Words
หลายเดือนต่อมา นริยากับนารินเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ทั้งคู่เลือกเรียนบัญชีและการเงิน และเลือกวิชาโทเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมหาวิทยาลัยอยู่ไกลจากบ้านของพวกเธอค่อนข้างมาก นริยาจึงเลือกที่จะพักใกล้มหาวิทยาลัย ส่วนนารินมีคนคอยรับส่งจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่เมื่อวันไหนนารินขี้เกียจกลับบ้านก็จะมาอยู่ค้างกับนริยา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ภาคินต้องการพอดี คอนโดของนริยาเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก มีห้องนอนแยกออกจากโซนครัวและห้องรับแขก จึงไม่ได้คับแคบมากนัก นารินมักจะมานอนเล่นระหว่างรอภาคินมารับหรือรอคนรถมารับเธอ “ขออาบน้ำก่อนนะ ร้อน” นริยาบอกนารินทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอเปิดประตูห้องนอนเอาไว้ระหว่างถอดเสื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจว่านารินเดินตามเข้ามานอนเล่นบนเตียง “ทำไมไม่ไปอยู่บ้านฉันวะ ไหนๆ ก็เรียนด้วยกันอยู่แล้ว” “ไม่ไปอะ” “กลัวพี่คินเหรอ” “ก็ประมาณนั้น” “แกมีเบอร์พี่คินไหม” นารินถามนริยาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “มี พี่คินเคยขอเบอร์ฉันไปแล้วโทรเข้ามา ทำไม” “มีกี่เบอร์” “2” “ยินดีด้วย แกมีป้ายตำแหน่งพี่สะใภ้ของฉันคล้องคอเอาไว้แล้วล่ะ” “หมายความว่ายังไงวะ” นริยาชะงักไปหลังจากที่เธอถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในติดตัว เธอถามนารินด้วยความไม่เข้าใจ หญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวหลังจากนึกขึ้นได้ว่าผืนที่เธอใช้เธอใส่ลงตะกร้าไปแล้ว “ก็เบอร์พี่คิน มี 3 เบอร์ มีเบอร์สำหรับครอบครัว เบอร์สำหรับทำงานหรือคนนอก กับเบอร์ที่ฉันเดาว่าแกไม่มี คือเบอร์ที่เอาไว้ใช้สำหรับพวกคู่นอนคู่ขาของพี่คิน” “…..” “เบอร์สำหรับครอบครัว จะมีแค่คนในบ้านที่รู้ แม้แต่ญาติพี่น้องยังไม่มีใครรู้เลย แต่นี่พี่คินเอาเบอร์นี้ให้แกด้วย แกหนีพี่คินไม่พ้นหรอก” “เว่อร์ย่ะ คิดอะไรมาก เขาอาจจะเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทแกก็ได้” “เสื้อผ้าของพี่คิน ไม่เคยมีใครได้ยืมหรือได้ใส่นะ ถ้ามีคนใส่พี่คินจะทิ้งเลย ยิ่งตัวที่แกใส่มันเป็นตัวโปรด…..” “…..” นริยาไม่ได้พูดอะไร เธอนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเตรียมจะออกไปอาบน้ำ “เอางี๊ เสื้อพี่คินยังอยู่ไหม” “อยู่ในตู้นั่นแหละ” “งั้นเรามาพิสูจน์กัน ว่าเสื้อที่แกใส่ไปแล้ว เขาจะใส่ไหม” “แล้วแต่” นารินมองตามหลังนริยาที่เดินออกจากห้องนอนไปแล้วก็เอื้อมคว้ากระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังมาเปิด หยิบโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบมากดส่งข้อความหาพี่ชายของเธอ ทางด้านภาคิน วันนี้เขามารับนารินเอง เพราะมีนัดกับลูกค้าแถวนี้พอดี แต่ตั้งใจว่าจะเข้าไปรับมืดๆหน่อย ปล่อยให้ทั้งสองสาวพักผ่อนกันไปก่อน แต่ระหว่างที่กำลังจะลงจากรถก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ เมื่อมันดังแจ้งเตือนมาจากเครื่องส่วนตัว ‘วันนี้รินอยากกินหมูกระทะ พาไปกินหน่อย ค่อยกลับมาส่งน้ำตอนกลับ’ ‘อือ ขอทำงานก่อน เดี๋ยวเข้าไปรับประมาณ 4 โมง’ หลังจากส่งข้อความตอบกลับน้องสาวเสร็จ ร่างสูงก็ก้าวลงจากรถเพื่อไปหาลูกค้าตามที่นัดหมายเอาไว้ ปกติภาคินจะมีผู้ช่วยส่วนตัวเวลาไปไหนมาไหนเขาจะไม่ต้องขับรถเอง แต่หากวันไหนที่เขาตั้งใจจะมารับนารินก็จะออกมาเองคนเดียว “สวัสดีครับ” “สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ” เมื่อเข้ามาในร้านอาหารและพบกับลูกค้าสาวที่เขาได้นัดเอาไว้ ร่างสูงก็หย่อนตัวนั่งลงตามคำเชิญ ก่อนที่จะเข้าสู่เวลาทำงานอย่างเป็นทางการ หลังจากพูดคุยกันจบลงชายหนุ่มก็ขอตัวเพื่อจะได้ไปรับน้องสาวและได้ไปพบกับสาวน้อยของเขาหลังจากไม่ได้เห็นหน้ามาหลายเดือน “จะไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอคะ” “พอดีผมมีธุระต่อครับ ขอโทษด้วยนะครับ” “งั้นวันไหนว่างเราจะได้เจอกันไหมคะ” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนในหน้าหล่อเหลา เขาทำเพียงยิ้มให้หล่อนโดยไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะเดินออกไป “แก เดี๋ยวพี่คินมารับออกไปกินหมูกระทะนะ” “ไหนว่ากลัวอ้วน” “ไม่สนละ เรื่องกินสำคัญกว่า” นริยาไม่ได้พูดอะไร เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดชั้นในออกมาใส่ ก่อนจะมองหาเสื้อยืดตัวหลวมสีเข้มกับกางเกงขาสั้นสีขาวออกมาใส่ “ฉันอยากหุ่นแบบแกบ้างว่ะ ดูหุ่นฉันดิ อย่างกับเด็กอนุบาล” นารินมองนริยาที่ยืนใส่เสื้อผ้าต่อหน้าเธอด้วยแววตาอิจฉา “ฉันก็ผอมเหมือนแกนั่นแหละ” “เหมือนตรงไหน แกมีนม มีตูด มีสะโพก หุ่นแกนี่คือสเปคของผู้ชายเลยนะ ผอมบาง แต่มีของ” “…..” “แถมขาวสว่างอีกต่างหาก” “แกก็ขาว” นริยาเถียงนารินระหว่างที่เธอกำลังมัดผม “ฉันขาวเหลือง แต่แกขาวแบบขาวเลย” “บ้าบอ” นริยาบ่นแบบไม่ได้จริงจังนัก เพราะเธอรู้ดีว่านารินชอบพูดเล่นไปเรื่อย แต่วันนี้แปลกตรงที่อยู่ๆนารินก็พูดถึงพี่ชายกับเธอ ทั้งที่พวกเธอไม่ได้คุยกันเรื่องภาคินมาตั้งแต่หลังจากที่เธอไปค้างที่บ้านของนารินวันนั้น “ฉันอาบน้ำบ้างดีกว่า ดีนะที่ฉันเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ที่นี่” นารินรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวของเธอก้าวยาวๆ เข้าห้องน้ำไป เพราะเธอตั้งใจว่าตอนที่พี่ชายเธอมาถึง นริยาต้องเป็นคนลงไปรับด้วยตัวเอง นานหลายนาทีนารินก็ยังไม่ออกมา นริยาไม่ได้เอะใจอะไรจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น “…..ค่ะ” “ทำไมยัยรินไม่รับโทรศัพท์พี่” “อาบน้ำอยู่ค่ะ” “งั้นลงมารับพี่หน่อย พี่มาถึงแล้ว” “…..ค่ะ” นริยาถอนหายใจ เมื่อคนที่เธอตั้งใจลืมเลือนมาตลอดหลายเดือนเป็นฝ่ายก้าวข้ามโซนเข้ามาหาเธอก่อน ร่างบอบบางก้าวออกจากห้องช้าๆ เธอลงลิฟต์ไปรับผู้เป็นพี่ชายของเพื่อนเธอที่หน้าอาคารอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “สวัสดีค่ะ” เมื่อลงมาถึงหน้าอาคาร ดวงตากลมโตก็มองเห็นร่างสูงกำยำสมส่วนอยู่ในชุดสูทเต็มยศ ก็ยกมือไหว้อย่างคนอายุน้อยกว่าหลายปี “ทำไมใส่ขาสั้นลงมา” “พี่คิน ที่นี่คือคอนโดนะคะ นิสิตนักศึกษาเยอะแยะค่ะ การใส่ขาสั้นหรือถ้าจะใส่เสื้อผ้าออกไปเที่ยวบาร์มาเดินก็ไม่มีคนสนใจหรอกค่ะ” “…..นำไป” “ค่ะ” หญิงสาวเดินนำภาคินเข้าไปในลิฟต์เงียบๆ เธอรู้สึกได้ว่าเขามองเธอไม่วางตา แต่ก็แกล้งทำเฉยไป จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปก็พบว่านารินนั่งรออยู่ที่โซฟา “ไปหรือยัง” “ไปทั้งชุดสูทเหรอคะ หมูกระทะนะ” นารินย้อนถามพี่ชายสีหน้าเรียบเฉย ภาคินชะงักไป ถึงเขาจะตามใจน้องสาวมากไหน แต่การให้กลิ่นควันมาติดเสื้อสูทก็คงไม่ไหวสำหรับเขา “น้ำ ได้เอาเสื้อพี่มาที่นี่ด้วยไหม” “เอามาค่ะ อยู่ในตู้” “เอามาให้พี่ใส่ก่อน” นริยาไม่ได้ตอบอะไร เธอเดินเข้าไปในห้องนอนโดยมีภาคินเดินตามหลังมาด้วย ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก ก่อนที่มือเรียวสวยจะหยิบเสื้อยืดของเขาออกมาส่งให้ “เอาเสื้อสูทมาค่ะ น้ำแขวนให้” เสื้อสูทราคาแพงถูกส่งให้กับเจ้าของห้องหลังจากที่ชายหนุ่มถอดมันออก นริยาจัดการแขวนใส่ไม้แขวนสำหรับเสื้อสูทเสร็จแล้วเธอก็แขวนเอาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องนอนไปเพื่อปล่อยให้เขาเปลี่ยนเสื้อ “แผนแกใช่ไหม” “ใช่ แกมีป้ายสถานะพี่สะใภ้ฉันแขวนคอแล้วล่ะ” “ไม่มีทาง พี่แกแค่ไม่อยากให้เสื้อสูทเหม็นเฉยๆเหอะ” “รอดูต่อไปเหอะน่า” หลังจากที่เจ้าของหัวข้อสนทนาเดินออกมา สองสาวก็เปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนที่จะพากันออกจากห้องไป หลังจากกินหมูกระทะเสร็จ ภาคินก็กลับมาส่งนริยาที่คอนโด ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะขึ้นไปเอาเสื้อสูทกลับด้วยเลย แต่ในเมื่อมันมีข้ออ้างในการที่เขาจะมาหาเธอหลังจากนี้ แล้วทำไมเขาต้องทิ้งโอกาสนั้นไป “ฉันไปนะ” “อือ วันจันทร์เจอกัน” สองสาวโบกมือให้กัน ก่อนที่ภาคินจะเคลื่อนตัวรถออกไป นริยามองตามจนลับตาก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในอาคารเพื่อกลับขึ้นห้องพักของเธอ “รู้นะว่าพี่ทำอะไรไว้อะ” “ทำอะไร?” “ก็หลายเดือนก่อนไง จองเพื่อนรินไว้เหรอ” “อือ” “แล้วไงต่อ?” “อยากได้ไหมล่ะ พี่สะใภ้คนนี้น่ะ” “ของจริงใช่ไหม ไม่ใช่เล่นๆเหมือนคนอื่นนะ” “รู้อยู่แล้วนี่ จะถามทำไม” ภาคินรู้ดีว่าน้องสาวรู้ เพราะเรื่องที่เขาใช้โทรศัพท์ทั้งหมด 3 เครื่อง มันเป็นสิ่งที่ครอบครัวรับรู้มาตลอดไม่เว้นแม้แต่บิดามารดาของเขาก็ตาม เพียงแค่พวกเขาไม่เข้ามาก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัว ขอแค่ตัวเขาไม่พลาดทำใครท้องนอกจากตัวจริงของเขาก็พอ นารินถอนหายใจก่อนจะหยิบคีย์การ์ดเข้าคอนโดกับกุญแจสำรองของห้องนริยาออกจากกระเป๋าส่งให้พี่ชาย “รหัสคือวันเรียนจบมัธยมปลายของพวกเรา ส่วนกุญแจปั๊มแล้วเอามาคืนด้วย คีย์การ์ดให้ยืมเอาไปใช้เท่านั้น แล้วห้ามทำอะไรน้ำเด็ดขาด” “เออ รู้แล้วน่า เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย” “พี่ไม่ใช่คน พี่เป็นเสือ จ้องจะงาบลูกแมวน้อย” “บ่นมาก อยากได้ไหม พี่สะใภ้อะ” “หึ ถ้ายัยน้ำเสียใจรินเอาพี่ตายแน่” “ไม่มีทาง” สองพี่น้องเถียงกันจนกลับมาถึงที่บ้าน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง นารินวางของลงบนโซฟาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความบอกนริยาว่าเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว และเมื่อนริยาตอบกลับมาเธอถึงได้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาขึ้นเตียงนอน เช้าวันต่อมา หลังจากที่นริยาอ่านหนังสือจนค่อนรุ่ง เธอจึงเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน แต่สัญชาตญาณของคนที่อยู่คนเดียวมาตลอดมันบ่งบอกเธอว่าตอนนี้มีคนอยู่ในห้อง ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการงัวเงีย เธอเปิดประตูห้องนอนโดยไม่ได้ระวังตัวเพราะคิดว่าเป็นนารินที่มาหาเธอแต่เช้า เพราะมีเพียงนารินเท่านั้นที่มีคีย์การ์ดเข้าคอนโดและมีรหัสห้องของเธอ “!!!!” เสียงหวานใสหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องเธอไม่ใช่นาริน แต่เป็นภาคิน “ร้องทำไม” “พี่เข้ามาได้ยังไง” “รินให้รหัสกับคีย์การ์ดมา” “…..” นริยาหน้าเหวอไปหลังจากได้ยินคำตอบของภาคิน “จะยืนอยู่ในชุดนี้จริงเหรอ” ภาคินถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนพลางปรายตามองชุดนอนกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนที่บางเบาจนเห็นทรวดทรงผู้ใส่ “ให้ตาย!!!” หลังจากนริยาสบถออกมาอย่างลืมตัวแล้วรีบหันหลังกลับเข้าห้องนอนไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจดังตามหลังมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD