“แวะซื้อของก่อน”
รถยนต์คันหรูมาจอดที่สรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ก่อนที่เจ้าของรถจะบอกกับหญิงสาวแล้วลงจากรถ
นริยาลงจากรถแล้วเดินตามหลังร่างสูงไป แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจเมื่ออยู่ๆข้อมือเล็กของเธอก็ถูกจับแล้วดึงให้มาเดินเคียงข้าง
“ไปนั่งรอที่ร้านอาหารก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“ร้านไหนคะ”
“เธอจะกินอะไรก็ไปดูเลย สั่งเผื่อพี่ด้วย เสร็จแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ว่าอยู่ร้านไหน”
“ค่ะ”
หลังจากเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้า ทั้งสองคนก็เดินแยกกันไป นริยาเดินไปชั้นที่รวมร้านอาหารแบรนด์ต่างๆเอาไว้ เธอเดินไปเรื่อยๆจนเจอร้านที่ถูกใจก็เข้าไปนั่งและสั่งอาหารสำหรับภาคินและตัวเธอ ก่อนที่จะส่งข้อความบอกเขาแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์รอ
ทางด้านภาคิน เขาเดินมาที่ร้านเพชรที่แม่เขาชอบมาเป็นประจำ ตอนที่หญิงสาวลงไปรับอาหารมื้อเที่ยงเขาแอบโทรนัดกับทางร้านเอาไว้ เพื่อให้จัดการหาสิ่งที่เขาต้องการเอาไว้ให้
“สวัสดีค่ะคุณภาคิน”
“สวัสดีครับ”
“เชิญด้านนี้เลยค่ะ เดี๋ยวตรวจสอบดูก่อนนะคะ ว่าเส้นนี้ตรงตามที่ต้องการไหม”
เมื่อเข้ามาในร้าน พนักงานสาวก็เชิญให้เขาไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะหยิบกล่องขึ้นมาเปิด เผยให้เห็นสร้อยทองคำขาวผสมทองคำ มีจี้เพชรน้ำงามรูปหยดน้ำขนาดกำลังน่ารัก ที่สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้
“น้ำเท่าไหร่ครับ”
“น้ำ 98 มีใบเซอร์ค่ะ”
“ครับ เอาเส้นนี้ครับ”
“ได้ค่ะ”
บัตรใบสวยไม่จำกัดวงเงินถูกส่งให้กับพนักงาน รอเพียงไม่นานกล่องเพชรกล่องนั้นก็มาอยู่ในมือของภาคิน เขาเอาใส่ภายในเสื้อสูท เซ็นลายเซ็น ก่อนจะรับบัตรคืนแล้วเดินกลับออกมา
เรียวขายาวก้าวเดินไปเรื่อยๆตามทางที่จะไปยังร้านอาหารที่หญิงสาวส่งข้อความมาบอก ไม่กี่นาทีก็เดินมาถึง เขามองหญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ ผมยาวตรงถึงบั้นเอว มีไรผมระกรอบหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากบางได้รูปสวย ลำคอระหงและช่วงไหล่บอบบาง มันเป็นภาพเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อหลายเดือนก่อน นั่นจึงทำให้คืนนั้นเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา
ภาคินเดินเข้าไปภายในร้านพลางปรายตาคมดุมองไปยังบรรดาชายหนุ่มที่กำลังมองนริยาโดยที่เธอไม่รู้ตัว ไม่แม้แต่จะสนใจด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่สนใจโทรศัพท์อยู่
“ทำอะไร”
“เล่นเกมค่ะ อาหารหายร้อนหมดแล้วนะคะ”
“จะด่าว่าพี่ไปนานว่างั้น”
“ก็แล้วแต่จะคิดค่ะ”
“กินเถอะ”
ทั้งสองคนลงมือจัดการอาหารตรงหน้า อันที่จริงมันก็ยังไม่หายร้อน คงจะเพิ่งมาเสิร์ฟได้ไม่นาน นั่นหมายความว่าชายหนุ่มโดนนริยาหลอกด่าอีกแล้ว
หลังจากจัดการมื้อเย็นเสร็จ ภาคินก็ขับรถตรงกลับไปที่บ้านเลย จนเมื่อกลับมาถึงที่บ้าน นริยาก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นบ่าเตรียมที่จะลงจากรถ แต่ก็โดนเรียกเอาไว้
“ของเธอ” กล่องเครื่องประดับที่มองจากภายนอกก็พอจะเดาออกว่าน่าจะเป็นกล่องเครื่องเพชร ถูกยื่นมาให้กับเธอ
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“ไม่มี”
“…..”
“เปิดดูเถอะ มันใส่ในชีวิตประจำวันได้”
นริยาขมวดคิ้วก่อนจะเปิดกล่องดูตามที่เขาบอก เธอนิ่งไปอึดใจ เพราะสิ่งที่เขาให้เธอมันคือสร้อยเพชรน้ำงาม ที่จี้เป็นรูปหยดน้ำเหมือนชื่อของเธอ
“น้ำเท่าไหร่คะ”
“98”
“มากไปไหมคะ”
“ไม่นี่ เอาไปเถอะ ใส่ไว้ด้วยล่ะ”
“…..”
หญิงสาวยังนั่งนิ่งอยู่ มันมากเกินไปสำหรับเธอ ภาคินกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน มันมากเกินหากจะให้สร้อยเพชรกับเธอ
และดูเหมือนภาคินจะรู้ว่านริยากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงหยิบสร้อยคอออกมาจากในกล่อง แล้วสวมมันให้กับหญิงสาวเอง
“ห้ามถอด”
“ไม่ถอดได้ไง น้ำต้องไปมหาวิทยาลัย”
“ไม่ได้ห้ามใส่เครื่องประดับเสียหน่อย”
“…..”
“จบนะ”
“ค่ะ”
นริยาถอนหายใจกับความเอาแต่ใจตัวเองของภาคินเบาๆ ก่อนที่จะเก็บกล่องใส่กระเป๋าแล้วลงจากรถไป
ภาคินเดินนำนริยาเข้ามาในบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อมองไปที่ห้องน้ำเล่นแล้วเห็นบิดามารดากำลังนั่งคุยกับนารินและธาวินอยู่
“ไง พ่อตัวแสบ อู้งานเหรอ” ภวินทร์เอ่ยทักบุตรชาย
หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่โดยอัตโนมัติ เธอหน้าเหวออย่างเห็นได้ชัด จนนารินต้องลุกจากโซฟาแล้วเดินมาจูงมือเธอเข้าไปนั่งโดยมีภาคินเดินตามมานั่งข้างๆนริยา
“พ่อ แม่ นี่น้ำ เพื่อนรินตั้งแต่มัธยม”
“เพื่อนริน?” ชวัลญา ทวนคำบุตรสาวด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ค่ะ เพื่อนริน”
“มากับคิน” หญิงวัยกลางคนที่แม้จะอายุเยอะแต่ก็ยังสวยสะพรั่งอยู่ถามย้ำกับบุตรสาวอีกครั้ง
“ค่ะ ก็พี่คินจีบเพื่อนรินอยู่”
ธาวินที่กำลังดื่มน้ำอัดลมสำลักจนหน้าแดงเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่สาวพูด แม้แต่ภวินทร์กับชวัลญาก็ยังต้องหันไปมองหน้าบุตรชายคนโตเพื่อความแน่ใจ
“ก็ตามนั้น” ภาคินยอมรับง่ายๆแบบไม่มีข้อโต้แย้งและไม่คิดจะโต้แย้ง
“ตายแล้ว สงสัยต้องหาของมารับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้” ชวัลญาที่ยังตั้งตัวไม่ทันเอ่ยทีเล่นทีจริง
“เช็คเงินสดไหมล่ะ” ภวินทร์หันมาซุบซิบกับภรรยา
“เรื่องของคุณสิ ฉันจะให้เครื่องเพชร” ชวัลญาค้อนใส่สามีอย่างขัดใจ
“พี่คินจีบพี่น้ำจริงเหรอ” ธาวินหันมาถามนริยาโดยตรง ด้วยความที่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
“…..” นริยาหันไปสบตากับนารินเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ไปถามพี่คินดิ มาถามยัยน้ำทำไม ถามเจ้าตัวนู่น” นารินบอกน้องชายพลางปรายตามองเจ้าของหัวข้อสนทนาที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้
“พี่คิน” ธาวินหันไปเรียกภาคินอย่างต้องการคำตอบ
“เออ”
“แล้ววันนี้…..”
“บุกไปคอนโดน้ำมา แล้วพาไปทำงานด้วย จบไหม” ชายหนุ่มพูดก่อนจะมองหน้าน้องชาย
“จบ” ธาวินพยักหน้ารับก่อนจะยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม
สองสามีภรรยายังกระซิบกระซาบกันเรื่องเตรียมสินสอดอยู่ จนภาคินต้องกระแอมเตือน เพื่อให้บิดามารดาหยุดตื่นตูม
“อ้อ โทษที ตื่นเต้นไปหน่อย ตั้งแต่เจ้าคินเกิดมา แม่เพิ่งเคยเห็นมันจีบคนอื่นครั้งแรกเลย” ชวัลญาพูดก่อนจะมองสบตากับนริยาเป็นเชิงว่ากำลังบอกเรื่องนี้กับเธอ
“แม่ เบาๆ เดี๋ยวน้ำกลัว”
“เอ้า ฉันพูดเรื่องจริง” ชวัลญาค้อนใส่บุตรชายอย่างไม่จริงจัง
“เอาล่ะๆ กินข้าวกันมาหรือยัง” ภวินทร์ถามทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงใจดี
“กินมาแล้วครับ แวะไปกินก่อนกลับมานี่แหละครับ ยัยรินโทรไปตามน้ำไปเที่ยว ผมเลยพากลับมาด้วย” ภาคินบอกบิดาพลางมองไปที่น้องสาวอย่างคาดโทษ
“อ้าว เหรอ ไปไหม แม่ไปด้วย”
“…..” ทั้งห้องตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ
“พอเลยแม่ เดี๋ยวเมากลับมาอีก” ภาคินส่ายหน้าอ่อนใจ
“งั้นไว้วันหลังเราไปเที่ยวกัน 3 คนดีกว่า รอเจ้าคินเผลอก่อนเนอะ” ชวัลญาพูดขึ้นก่อนขยิบตาให้นริยา ทำเอาหญิงสาวยิ้มออกมา
“พ่อ ดูแม่ดิ” ภาคินรีบหันไปฟ้องบิดา
“ไม่รู้ ไม่ได้ยินอะไรเลย” ภวินทร์ตอบบุตรชายพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“พอค่ะ พักยกก่อน ไปกินข้าวกันก่อนค่ะ เดี๋ยวเย็นหมด น้ำกินอีกไหม” นารินเบรกทุกคนก่อนที่จะยาวกว่านี้ ก่อนจะหันมาถามเพื่อนรักของเธอ
“ได้นะ ไม่มีปัญหา”
“งั้นไป”
หลังจากได้ข้อสรุป ทุกคนจึงย้ายไปที่โต๊ะอาหร แล้วก็เริ่มลงมือหลังจากที่แม่บ้านตักข้าวและรินน้ำให้
ท่ามกลางเสียงพูดคุย นริยากลายเป็นที่สนใจของทุกคน มีเพียงแค่ภาคินที่พูดคุยกับบิดาเรื่องงานเบาๆ เธอสามารถเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี
หลังจากสองสาวกลับขึ้นห้อง ภาคินก็เอาเสื้อผ้าของเขามาให้นริยา เมื่อทั้งสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งคุยกันอยู่ที่โซฟา ไม่นานชวัลญาก็เดินเข้าห้องมา ในมือถือถาดขนาดไม่ใหญ่มาก พร้อมกับแก้ว 3 ใบและไวน์อีก 1 ขวด
“มา สาวๆ ดื่มกับแม่หน่อย”
“โทษทีนะ แม่ฉันสายดื่มอะ ฉันดื่มเป็นเพราะแม่ฉันนี่แหละ แม่บอกว่าพออายุถึง 20 ปี แม่จะเป็นคนพาไปผับเอง” นารินอธิบายให้นริยาฟัง
“สบาย ฉันก็คนดื่ม”
“หืม ทำไมฉันไม่รู้”
นริยาไม่ได้ตอบอะไร เธอรับแก้วที่ชวัลญาส่งมาให้ ชนแก้วกันก่อนจะหมุนแก้วเบาๆให้กลิ่นไวน์กระจาย แล้วยกขึ้นจิบช้าๆ
“ใช้ได้นะเนี่ย ถูกใจแม่”
“โถ่ ก่อนถูกใจแม่ ถูกใจพี่คินก่อนอีก จองเอาไว้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว” นารินฟ้องมารดา
“ไหนเล่า” ชวัลญาถามน้ำเสียงอบอุ่น
นริยาไม่ได้มีความลับอะไร จึงเล่าเรื่องในวันนั้นให้กับมารดาของเพื่อนฟัง รวมถึงที่ภาคินบุกเข้าไปหาเธอที่คอนโดในวันนี้ด้วย
“รอดจริงๆเหรอ” ชวัลญาถามหญิงสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ค่ะ” นริยาขานรับน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่น่าเชื่อ” หญิงวัยกลางคนทีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นสิ” นารินเองก็ตกใจไม่ต่างกัน
ทั้งสามคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนไวน์ใกล้หมดขวด ชวัลญาก็ขอตัวกลับห้อง นารินกลับไปขึ้นเตียงด้วยสภาพที่เมานิดๆ นริยาจึงออกจากห้องเพื่อลงไปหาน้ำดื่มก่อนนอน เธอติดการดื่มน้ำก่อนนอน อีกทั้งยังเพิ่งดื่มแอลกอฮอล์ไปจึงตั้งใจจะล้างปากล้างคอก่อนนอน
“จะไปไหน”
“ไปดื่มน้ำค่ะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อหญิงสาวปิดประตูห้องลงอย่างเบามือ เขาเองก็เพิ่งคุยกับบิดาที่ห้องทำงานเสร็จ เมื่อกำลังออกมาจากห้องก็เจอหญิงสาวออกมาพอดี
“มาด้วยกันหน่อย”
ร่างสูงก้าวขายาวๆเข้าประชิดตัวหญิงสาวได้ในไม่กี่ก้าว นริยาเองก็ไม่ได้ถอยหนี มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กแล้วดึงให้เดินไปด้วยกัน
หญิงสาวเดินตามไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้ค้านหรือโวยวายอะไร ด้วยรู้ดีว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอแน่นอน จากสัญญาที่เขาเคยให้เธอไว้
หลังจากที่ดึงหญิงสาวให้เดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องนอนของตัวเอง เขาก็เปิดประตูแล้วดึงให้หญิงสาวเดินตามเข้าไป ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง
นริยามองเขาด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่ได้นั่งลงข้างเขา ทำเพียงแค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น
ภาคินนั่งนิ่งอยู่สักพัก เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา นิ่งจนนริยาเริ่มรู้สึกว่าเขามีอะไรที่แปลกไป
“เป็นอะไรคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเขาเองก็ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเธอ
“ไม่รู้สิ” มือใหญ่ดึงให้หญิงสาวก้าวมาใกล้เขา ก่อนจะดึงรั้งให้เธอหย่อนตัวนั่งลงบนตัก
“…..” นริยาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
อ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดร่างกายบอบบางเอาไว้แล้วก้มหน้าซบลงบนไหล่ของหญิงสาว ก่อนที่ตัวเขาจะนั่งเงียบๆอยู่แบบนั้น นานหลายนาทีกว่าที่เขาจะตั้งสติได้แล้วเงยหน้าขึ้นมา
“บอกได้หรือยังคะ”
“อือ พี่จะไม่อยู่ ประมาณ 2 ปี”
“ไม่อยู่?”
“ไม่อยู่ประเทศไทย”
“แล้ว…..จะให้น้ำรอว่างั้น”
“ได้ไหม?”
“ไม่มีคำตอบค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ”
“อืม ก็จริง”
ภาคินไม่ได้โต้แย้งอะไรเรื่องนี้ เขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่มีโอกาสได้จีบได้ศึกษานิสัยใจคอกันเสียด้วยซ้ำ การที่เธอยอมโอนอ่อนให้เขาขนาดนี้ก็มากเกินไปสำหรับเธอแล้ว