หลายเดือนต่อมา
นริยากับนารินเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ทั้งคู่เลือกเรียนบัญชีและการเงิน และเลือกวิชาโทเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมหาวิทยาลัยอยู่ไกลจากบ้านของพวกเธอค่อนข้างมาก นริยาจึงเลือกที่จะพักใกล้มหาวิทยาลัย ส่วนนารินมีคนคอยรับส่งจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่เมื่อวันไหนนารินขี้เกียจกลับบ้านก็จะมาอยู่ค้างกับนริยา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ภาคินต้องการพอดี
คอนโดของนริยาเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก มีห้องนอนแยกออกจากโซนครัวและห้องรับแขก จึงไม่ได้คับแคบมากนัก นารินมักจะมานอนเล่นระหว่างรอภาคินมารับหรือรอคนรถมารับเธอ
“ขออาบน้ำก่อนนะ ร้อน” นริยาบอกนารินทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอเปิดประตูห้องนอนเอาไว้ระหว่างถอดเสื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจว่านารินเดินตามเข้ามานอนเล่นบนเตียง
“ทำไมไม่ไปอยู่บ้านฉันวะ ไหนๆ ก็เรียนด้วยกันอยู่แล้ว”
“ไม่ไปอะ”
“กลัวพี่คินเหรอ”
“ก็ประมาณนั้น”
“แกมีเบอร์พี่คินไหม” นารินถามนริยาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“มี พี่คินเคยขอเบอร์ฉันไปแล้วโทรเข้ามา ทำไม”
“มีกี่เบอร์”
“2”
“ยินดีด้วย แกมีป้ายตำแหน่งพี่สะใภ้ของฉันคล้องคอเอาไว้แล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไงวะ”
นริยาชะงักไปหลังจากที่เธอถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในติดตัว เธอถามนารินด้วยความไม่เข้าใจ หญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวหลังจากนึกขึ้นได้ว่าผืนที่เธอใช้เธอใส่ลงตะกร้าไปแล้ว
“ก็เบอร์พี่คิน มี 3 เบอร์ มีเบอร์สำหรับครอบครัว เบอร์สำหรับทำงานหรือคนนอก กับเบอร์ที่ฉันเดาว่าแกไม่มี คือเบอร์ที่เอาไว้ใช้สำหรับพวกคู่นอนคู่ขาของพี่คิน”
“…..”
“เบอร์สำหรับครอบครัว จะมีแค่คนในบ้านที่รู้ แม้แต่ญาติพี่น้องยังไม่มีใครรู้เลย แต่นี่พี่คินเอาเบอร์นี้ให้แกด้วย แกหนีพี่คินไม่พ้นหรอก”
“เว่อร์ย่ะ คิดอะไรมาก เขาอาจจะเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทแกก็ได้”
“เสื้อผ้าของพี่คิน ไม่เคยมีใครได้ยืมหรือได้ใส่นะ ถ้ามีคนใส่พี่คินจะทิ้งเลย ยิ่งตัวที่แกใส่มันเป็นตัวโปรด…..”
“…..” นริยาไม่ได้พูดอะไร เธอนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเตรียมจะออกไปอาบน้ำ
“เอางี๊ เสื้อพี่คินยังอยู่ไหม”
“อยู่ในตู้นั่นแหละ”
“งั้นเรามาพิสูจน์กัน ว่าเสื้อที่แกใส่ไปแล้ว เขาจะใส่ไหม”
“แล้วแต่”
นารินมองตามหลังนริยาที่เดินออกจากห้องนอนไปแล้วก็เอื้อมคว้ากระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังมาเปิด หยิบโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบมากดส่งข้อความหาพี่ชายของเธอ
ทางด้านภาคิน วันนี้เขามารับนารินเอง เพราะมีนัดกับลูกค้าแถวนี้พอดี แต่ตั้งใจว่าจะเข้าไปรับมืดๆหน่อย ปล่อยให้ทั้งสองสาวพักผ่อนกันไปก่อน แต่ระหว่างที่กำลังจะลงจากรถก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ เมื่อมันดังแจ้งเตือนมาจากเครื่องส่วนตัว
‘วันนี้รินอยากกินหมูกระทะ พาไปกินหน่อย ค่อยกลับมาส่งน้ำตอนกลับ’
‘อือ ขอทำงานก่อน เดี๋ยวเข้าไปรับประมาณ 4 โมง’
หลังจากส่งข้อความตอบกลับน้องสาวเสร็จ ร่างสูงก็ก้าวลงจากรถเพื่อไปหาลูกค้าตามที่นัดหมายเอาไว้
ปกติภาคินจะมีผู้ช่วยส่วนตัวเวลาไปไหนมาไหนเขาจะไม่ต้องขับรถเอง แต่หากวันไหนที่เขาตั้งใจจะมารับนารินก็จะออกมาเองคนเดียว
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”
เมื่อเข้ามาในร้านอาหารและพบกับลูกค้าสาวที่เขาได้นัดเอาไว้ ร่างสูงก็หย่อนตัวนั่งลงตามคำเชิญ ก่อนที่จะเข้าสู่เวลาทำงานอย่างเป็นทางการ
หลังจากพูดคุยกันจบลงชายหนุ่มก็ขอตัวเพื่อจะได้ไปรับน้องสาวและได้ไปพบกับสาวน้อยของเขาหลังจากไม่ได้เห็นหน้ามาหลายเดือน
“จะไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอคะ”
“พอดีผมมีธุระต่อครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“งั้นวันไหนว่างเราจะได้เจอกันไหมคะ”
รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนในหน้าหล่อเหลา เขาทำเพียงยิ้มให้หล่อนโดยไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะเดินออกไป
“แก เดี๋ยวพี่คินมารับออกไปกินหมูกระทะนะ”
“ไหนว่ากลัวอ้วน”
“ไม่สนละ เรื่องกินสำคัญกว่า”
นริยาไม่ได้พูดอะไร เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดชั้นในออกมาใส่ ก่อนจะมองหาเสื้อยืดตัวหลวมสีเข้มกับกางเกงขาสั้นสีขาวออกมาใส่
“ฉันอยากหุ่นแบบแกบ้างว่ะ ดูหุ่นฉันดิ อย่างกับเด็กอนุบาล” นารินมองนริยาที่ยืนใส่เสื้อผ้าต่อหน้าเธอด้วยแววตาอิจฉา
“ฉันก็ผอมเหมือนแกนั่นแหละ”
“เหมือนตรงไหน แกมีนม มีตูด มีสะโพก หุ่นแกนี่คือสเปคของผู้ชายเลยนะ ผอมบาง แต่มีของ”
“…..”
“แถมขาวสว่างอีกต่างหาก”
“แกก็ขาว” นริยาเถียงนารินระหว่างที่เธอกำลังมัดผม
“ฉันขาวเหลือง แต่แกขาวแบบขาวเลย”
“บ้าบอ”
นริยาบ่นแบบไม่ได้จริงจังนัก เพราะเธอรู้ดีว่านารินชอบพูดเล่นไปเรื่อย แต่วันนี้แปลกตรงที่อยู่ๆนารินก็พูดถึงพี่ชายกับเธอ ทั้งที่พวกเธอไม่ได้คุยกันเรื่องภาคินมาตั้งแต่หลังจากที่เธอไปค้างที่บ้านของนารินวันนั้น
“ฉันอาบน้ำบ้างดีกว่า ดีนะที่ฉันเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ที่นี่” นารินรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวของเธอก้าวยาวๆ เข้าห้องน้ำไป เพราะเธอตั้งใจว่าตอนที่พี่ชายเธอมาถึง นริยาต้องเป็นคนลงไปรับด้วยตัวเอง
นานหลายนาทีนารินก็ยังไม่ออกมา นริยาไม่ได้เอะใจอะไรจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
“…..ค่ะ”
“ทำไมยัยรินไม่รับโทรศัพท์พี่”
“อาบน้ำอยู่ค่ะ”
“งั้นลงมารับพี่หน่อย พี่มาถึงแล้ว”
“…..ค่ะ”
นริยาถอนหายใจ เมื่อคนที่เธอตั้งใจลืมเลือนมาตลอดหลายเดือนเป็นฝ่ายก้าวข้ามโซนเข้ามาหาเธอก่อน
ร่างบอบบางก้าวออกจากห้องช้าๆ เธอลงลิฟต์ไปรับผู้เป็นพี่ชายของเพื่อนเธอที่หน้าอาคารอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“สวัสดีค่ะ”
เมื่อลงมาถึงหน้าอาคาร ดวงตากลมโตก็มองเห็นร่างสูงกำยำสมส่วนอยู่ในชุดสูทเต็มยศ ก็ยกมือไหว้อย่างคนอายุน้อยกว่าหลายปี
“ทำไมใส่ขาสั้นลงมา”
“พี่คิน ที่นี่คือคอนโดนะคะ นิสิตนักศึกษาเยอะแยะค่ะ การใส่ขาสั้นหรือถ้าจะใส่เสื้อผ้าออกไปเที่ยวบาร์มาเดินก็ไม่มีคนสนใจหรอกค่ะ”
“…..นำไป”
“ค่ะ”
หญิงสาวเดินนำภาคินเข้าไปในลิฟต์เงียบๆ เธอรู้สึกได้ว่าเขามองเธอไม่วางตา แต่ก็แกล้งทำเฉยไป จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปก็พบว่านารินนั่งรออยู่ที่โซฟา
“ไปหรือยัง”
“ไปทั้งชุดสูทเหรอคะ หมูกระทะนะ” นารินย้อนถามพี่ชายสีหน้าเรียบเฉย
ภาคินชะงักไป ถึงเขาจะตามใจน้องสาวมากไหน แต่การให้กลิ่นควันมาติดเสื้อสูทก็คงไม่ไหวสำหรับเขา
“น้ำ ได้เอาเสื้อพี่มาที่นี่ด้วยไหม”
“เอามาค่ะ อยู่ในตู้”
“เอามาให้พี่ใส่ก่อน”
นริยาไม่ได้ตอบอะไร เธอเดินเข้าไปในห้องนอนโดยมีภาคินเดินตามหลังมาด้วย ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก ก่อนที่มือเรียวสวยจะหยิบเสื้อยืดของเขาออกมาส่งให้
“เอาเสื้อสูทมาค่ะ น้ำแขวนให้”
เสื้อสูทราคาแพงถูกส่งให้กับเจ้าของห้องหลังจากที่ชายหนุ่มถอดมันออก นริยาจัดการแขวนใส่ไม้แขวนสำหรับเสื้อสูทเสร็จแล้วเธอก็แขวนเอาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องนอนไปเพื่อปล่อยให้เขาเปลี่ยนเสื้อ
“แผนแกใช่ไหม”
“ใช่ แกมีป้ายสถานะพี่สะใภ้ฉันแขวนคอแล้วล่ะ”
“ไม่มีทาง พี่แกแค่ไม่อยากให้เสื้อสูทเหม็นเฉยๆเหอะ”
“รอดูต่อไปเหอะน่า”
หลังจากที่เจ้าของหัวข้อสนทนาเดินออกมา สองสาวก็เปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนที่จะพากันออกจากห้องไป
หลังจากกินหมูกระทะเสร็จ ภาคินก็กลับมาส่งนริยาที่คอนโด ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะขึ้นไปเอาเสื้อสูทกลับด้วยเลย แต่ในเมื่อมันมีข้ออ้างในการที่เขาจะมาหาเธอหลังจากนี้ แล้วทำไมเขาต้องทิ้งโอกาสนั้นไป
“ฉันไปนะ”
“อือ วันจันทร์เจอกัน”
สองสาวโบกมือให้กัน ก่อนที่ภาคินจะเคลื่อนตัวรถออกไป นริยามองตามจนลับตาก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในอาคารเพื่อกลับขึ้นห้องพักของเธอ
“รู้นะว่าพี่ทำอะไรไว้อะ”
“ทำอะไร?”
“ก็หลายเดือนก่อนไง จองเพื่อนรินไว้เหรอ”
“อือ”
“แล้วไงต่อ?”
“อยากได้ไหมล่ะ พี่สะใภ้คนนี้น่ะ”
“ของจริงใช่ไหม ไม่ใช่เล่นๆเหมือนคนอื่นนะ”
“รู้อยู่แล้วนี่ จะถามทำไม”
ภาคินรู้ดีว่าน้องสาวรู้ เพราะเรื่องที่เขาใช้โทรศัพท์ทั้งหมด 3 เครื่อง มันเป็นสิ่งที่ครอบครัวรับรู้มาตลอดไม่เว้นแม้แต่บิดามารดาของเขาก็ตาม เพียงแค่พวกเขาไม่เข้ามาก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัว ขอแค่ตัวเขาไม่พลาดทำใครท้องนอกจากตัวจริงของเขาก็พอ
นารินถอนหายใจก่อนจะหยิบคีย์การ์ดเข้าคอนโดกับกุญแจสำรองของห้องนริยาออกจากกระเป๋าส่งให้พี่ชาย
“รหัสคือวันเรียนจบมัธยมปลายของพวกเรา ส่วนกุญแจปั๊มแล้วเอามาคืนด้วย คีย์การ์ดให้ยืมเอาไปใช้เท่านั้น แล้วห้ามทำอะไรน้ำเด็ดขาด”
“เออ รู้แล้วน่า เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย”
“พี่ไม่ใช่คน พี่เป็นเสือ จ้องจะงาบลูกแมวน้อย”
“บ่นมาก อยากได้ไหม พี่สะใภ้อะ”
“หึ ถ้ายัยน้ำเสียใจรินเอาพี่ตายแน่”
“ไม่มีทาง”
สองพี่น้องเถียงกันจนกลับมาถึงที่บ้าน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง นารินวางของลงบนโซฟาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความบอกนริยาว่าเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว และเมื่อนริยาตอบกลับมาเธอถึงได้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาขึ้นเตียงนอน
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่นริยาอ่านหนังสือจนค่อนรุ่ง เธอจึงเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน แต่สัญชาตญาณของคนที่อยู่คนเดียวมาตลอดมันบ่งบอกเธอว่าตอนนี้มีคนอยู่ในห้อง
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการงัวเงีย เธอเปิดประตูห้องนอนโดยไม่ได้ระวังตัวเพราะคิดว่าเป็นนารินที่มาหาเธอแต่เช้า เพราะมีเพียงนารินเท่านั้นที่มีคีย์การ์ดเข้าคอนโดและมีรหัสห้องของเธอ
“!!!!” เสียงหวานใสหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องเธอไม่ใช่นาริน แต่เป็นภาคิน
“ร้องทำไม”
“พี่เข้ามาได้ยังไง”
“รินให้รหัสกับคีย์การ์ดมา”
“…..” นริยาหน้าเหวอไปหลังจากได้ยินคำตอบของภาคิน
“จะยืนอยู่ในชุดนี้จริงเหรอ” ภาคินถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนพลางปรายตามองชุดนอนกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนที่บางเบาจนเห็นทรวดทรงผู้ใส่
“ให้ตาย!!!”
หลังจากนริยาสบถออกมาอย่างลืมตัวแล้วรีบหันหลังกลับเข้าห้องนอนไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจดังตามหลังมา