EP 2 : บอสขา… เมื่อไหร่จะอิ่ม!
สภาพของพี่สาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงภายในห้องฉุกเฉินทำให้โมรีถึงกับร้องไห้ออกมา เลือดชุ่มโชกตัวไปหมด หล่อนเซ็นเอกสารยอมรับการผ่าตัดมือไม้สั่น และก็มองร่างของพี่สาวที่ถูกเข็นหายเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยความหวาดวิตกยิ่งนัก
“พี่มี... พี่ต้องปลอดภัยนะคะ”
หล่อนนั่งสวดภาวนาวิงวอนให้พี่สาวปลอดภัยอยู่หน้าห้องผ่าตัดอยู่นานสี่ชั่วโมงกว่า และความเป็นห่วงพี่สาวก็ทำให้หล่อนลืมที่จะโทรบอกมารดา
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ช่วยดึงสติของหล่อนให้กลับคืนมา
หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะมองเบอร์ที่หน้าจอโทรศัพท์
“แม่...”
เมื่อเห็นเบอร์โทรของท่าน หล่อนก็นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรหาท่าน
“แม่ โมลืมโทรบอกว่าโมคงกลับตอนเช้า พอดีเพื่อนผ่าตัดอยู่ แม่นอนเลยนะจ๊ะ”
แม่ของหล่อนบ่นงึมงำตามนิสัย ก่อนจะเอ่ยถึงพี่สาวของหล่อน ซึ่งก็ทำให้หล่อนแทบเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เพราะคนที่กำลังอยู่ในห้องผ่าตัดคือมีนานั่นเอง
“อ๋อ โมลืมบอกแม่อีกแล้ว โมนี่แย่จริงๆ เลย” หล่อนฝืนใจปั้นเสียงหัวเราะ
“ลืมบอกอะไรเหรอ”
“คือพี่มีโทรบอกโมเมื่อตอนสามทุ่มกว่าๆ น่ะจ้ะ ว่ามีงานด่วน เห็นว่าเจ้านายสั่งให้ไปทำงานอะไรสักอย่างนี่แหละจ้ะ”
“อ้าว แล้วทำไมมีนาไม่เห็นโทรบอกแม่เลย”
“คงแบตหมดมั้งแม่ เห็นตอนโทรหาโม บ่นว่าแบตเหลือแค่สองเปอร์เซ็นน่ะจ้ะ”
“โอเคๆ งั้นฉันนอนแล้วนะ ถ้าแกกลับมาบ้านก่อนฉันตื่นตอนเช้า ลูกกุญแจอยู่ที่เดิมนั่นล่ะ”
“จ้ะแม่ ฝันดีจ้ะ”
“อืม”
แม่ของหล่อนวางสายไปแล้ว ในขณะที่หล่อนปล่อยน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ออกมาอาบแก้ม
หล่อนจะโกหกแม่ต่อไปได้อีกกี่วันกันนะ แต่อย่างน้อยๆ ก็รอให้พี่สาวพ้นขีดอันตรายก่อน ตอนนี้แม่คงไม่ตกใจมากแล้วล่ะ
กายสาวในชุดนอนลายคิตตี้สีชมพูหย่อนลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกสีฟ้า มือเล็กยกขึ้นปิดหน้า ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมาเป็นทาง
หล่อนเผลอหลับไปนานแค่ไหนกันเนี่ย...
โมรีลืมตาขึ้น เมื่อถูกเรียก
“คะ?”
คุณหมอและพยาบาลในชุดเสื้อคลุมสีเขียวยืนอยู่ตรงหน้า หล่อนรีบลุกขึ้นยืน
“เอ่อ... พี่สาวของหนูผ่าตัดเสร็จแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ตอนนี้คนไข้ย้ายไปอยู่ในห้อง ICU แล้วครับ”
เมื่อเห็นหล่อนหน้าซีดเผือด คุณหมอวัยกลางคนจึงอธิบายต่อ
“พี่สาวของหนูพ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักหนึ่งคืนเพื่อดูอาการ ถ้าไม่มีภาวะอะไรแทรกซ้อน พรุ่งนี้บ่ายๆ น่าจะได้ออกมาพักฟื้นห้องปกติครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
หล่อนรีบยกมือไหว้ทั้งน้ำตา
“หมอขอตัวก่อนนะครับ”
แล้วคุณหมอกับนางพยาบาลก็เดินจากไป ในขณะที่หล่อนรีบเดินตรงไปยังห้อง ICU
“พี่มี... ขอให้พี่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนนะคะ ขอให้พี่ปลอดภัย...”
หล่อนยกมือขึ้นท่วมศีรษะ สวดมนต์วิงวอนซ้ำไปซ้ำมาด้วยความห่วงใยในตัวของพี่สาว
หล่อนกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน และเพื่อไม่ให้แม่สงสัย หล่อนจึงต้องโกหกท่านเพิ่มขึ้น
“แม่จ๊ะ พี่มีส่งข้อความมาบอกว่าตอนนี้ไปทำงานกับเจ้านายที่จีนน่ะจ้ะ”
แม่ของหล่อนมีสีหน้าตกใจไม่น้อย
“เฮ้ย ทำไมมันไปปุบปับนักวะ”
“เห็นพี่มีบอกว่างานด่วนมาก เจ้านายเพิ่งสั่ง ก็เลยไม่ทันได้บอกกล่าวใครเลยจ้ะ”
“แล้วพี่แกบอกไหมว่าเมื่อวานดูตัวเป็นยังไงบ้าง”
“อ๋อ... พี่มีบอกว่าดีจ้ะ ถูกใจ”
แม่ของหล่อนได้ยินเรื่องนี้ก็ยิ้มแฉ่ง ลืมเรื่องอื่นไปชั่วขณะ หล่อนลอบเป่าปากอย่างโล่งอก
“งั้นโมไปมหา’ลัยก่อนนะแม่”
“เออๆ ไปเถอะ โหนรถเมล์ดีๆ ล่ะ”
“ขอบคุณจ้ะแม่”
หล่อนในชุดนักศึกษาลาแม่เสร็จก็รีบเดินออกมาจากบ้าน มุ่งหน้าออกไปยังปากซอย
หล่อนก้มลงมองชุดนักศึกษาของตัวเองที่ใส่มาเพื่อตบตามารดา ก่อนจะรีบโทรหารำเพย
“เพย วันนี้เราไม่ได้ไปมอนะ รวมถึงพรุ่งนี้ด้วย”
“อ้าว ทำไมล่ะ ไหนว่าจะมาทุกวันจนกว่าจะปิดเรียน” รำเพยสงสัย
“พอดีมีเหตุเกิดขึ้นน่ะ เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังนะ”
“เรื่องอะไรอ่ะ เล่าเลยไม่ได้เหรอนังโม”
“พอดีตอนนี้ฉันรีบมากน่ะ แล้วรถก็มาพอดี เอาไว้ว่างๆ ฉันโทรหาแกนะ”
หล่อนตัดสายจากรำเพย ก่อนจะรีบก้าวขึ้นรถแท็กซี่ที่วิ่งมาจอดตรงหน้า
“ไปโรงพยาบาลค่ะ”
หล่อนบอกชื่อโรงพยาบาลออกไป และก็นั่งกระวนกระวายอยู่ในด้วยความเป็นห่วงพี่สาว
ไม่นานรถแท็กซี่ก็พาหล่อนมาถึงที่หมาย หล่อนจ่ายเงินค่าโดยสารเสร็จก็ก้าวลงไป มุ่งหน้าตรงไปยังห้องไอซียู
“ขอเข้าไปเยี่ยมพี่สาวหน่อยได้ไหมคะ” หล่อนเอ่ยกับเจ้าหน้าที่ห้อง ICU
“พี่สาวหนูชื่ออะไรคะ”
“มีนา เกิดวิจิตรค่ะ”
เจ้าหน้าที่ตรงหน้าก้มลงดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่นานก็เงยขึ้นมาสบตา
“คนไข้ชื่อมีนา เกิดวิจิตร ย้ายออกไปจากห้อง ICU ตั้งแต่เมื่อตอนเจ็ดโมงครึ่งแล้วค่ะ”
“ย้ายออกไปไหนเหรอคะ”
“ย้ายไปห้องพักฟื้นห้องที่ 8619 ค่ะ”
หล่อนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะสิ่งที่ได้ยินทำให้รู้ว่าพี่สาวพ้นขีดอันตรายทุกปวงแล้ว
“ขอบคุณมากค่ะ”
หล่อนยกมือขึ้นไหว้ผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะรีบมุ่งหน้ตรงไปยังห้องพักฟื้นเลขที่ 8619 ทันที
ลิฟต์โดยสารพาหล่อนขึ้นมาบนชั้นแปดในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที หล่อนก้าวออกมา และมองหาหมายเลขห้องของพี่สาว
“8619”
หล่อนจ้องมองตัวเลขที่ติดเอาไว้บนบานประตูไม้อย่างชั่งใจ ก่อนจะดันมันให้เปิดออกในที่สุด
เท้าเล็กก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างใน บนเตียงคนไข้ มีร่างของมีนานอนนิ่งอยู่
หล่อนขยับเข้าไปใกล้เตียงคนไข้ น้ำตาไหลริน เมื่อเห็นสภาพของพี่สาว
หน้าผากมีผ้าก๊อตสีขาวแปะอยู่ ที่แขนก็ใส่เฝือกเอาไว้หนึ่งข้าง ที่จมูกมีสายอ็อกซิเจนต่อเอาไว้
“พี่มี...”
หล่อนสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ และก็สงสารพี่สาวเป็นที่สุด มีนาจะต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ
คงเพราะหล่อนร้องไห้ดังไปนั่นเอง ทำให้คนป่วยลืมตาขึ้นช้าๆ
“พี่มี...”
หล่อนก้มมือของพี่สาวเอาไว้ ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เมื่อพี่สาวมองมา
“นี่พี่เป็นอะไรไป”
“พี่มี...” หล่อนร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างสุดจะอดกลั้น
“แล้วร้องไห้ทำไมล่ะนั่น”
มีนายังไม่รู้ตัวว่าตนเองหรือไม่ก็ลืมไปว่าตนเองประสบอุบัติเหตุมา
“พี่มี... พี่รถคว่ำค่ะ”
หล่อนเห็นพี่สาวหยุดนิ่งเล็กน้อย คงกำลังทบทวนเรื่องราวเมื่อคืนนั่นเอง
“พี่จำได้ว่า... ขับรถออกมาจากร้านอาหาร ระหว่างทางมีหมาตัดหน้า แล้วพี่ก็หักหลบ จากนั้นพี่ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย จนตอนนี้แหละ...”
มีนาผงกศีรษะมองสภาพตัวเอง ก่อนจะหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด
“พี่บาดเจ็บมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ใช่ค่ะ พี่มีหัวแตก แขนหัก แล้วก็ซี่โครงช้ำ” หล่อนบอกอาการของพี่สาวออกไป “แต่ก็ยังโชคดีนะคะที่พี่มีไม่เป็นอะไรหนักมากไปกว่านี้”
หล่อนเห็นพี่สาวเป่าปากออกมา ก่อนจะเอ่ยถามถึงมารดา
“แล้วนี่แม่ล่ะ แม่ไปไหน”
“โมไม่ได้บอกแม่ค่ะ โมกลัวว่าแม่จะตกใจ”
พี่สาวของหล่อนถอนใจออกมาเบาๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“ดีแล้วล่ะที่ไม่บอกแม่ ท่านแกแล้ว กลัวจะช็อกหัวใจวายไป”
“แต่โมก็ไม่รู้ว่าจะปิดท่านไปได้อีกนานแค่ไหนน่ะจ้ะ”
“แล้วนี่โมบอกแม่เรื่องพี่ว่ายังไง”
“โมบอกแม่ว่าพี่มีบินไปจีนกับเจ้านาย เป็นงานด่วนมาก แม่ก็เลยไม่สงสัยอะไรจ้ะ”
มีนาผงกศีรษะรับเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าตาตื่นในเวลาต่อมา เมื่อคำว่า ‘เจ้านาย’ ดังกังวานในหู
“ตายแล้ว...!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่มี”
“มะรืนนี้พี่มีประชุมสำคัญมาก”
“พวกเขาจะต้องเข้าใจค่ะ เพราะพี่มีประสบอุบัติเหตุ”
พี่สาวของหล่อนส่ายหน้าไปมา
“พวกเขาไม่มีทางเข้าใจหรอก พี่จะต้องมีปัญหาในการปรับเลื่อนตำแหน่งแน่นอน หากพี่ขาดประชุมในครั้งนี้ ตายแล้ว จะทำยังไงดี”
“แต่มันไม่มีทางเลือกนะพี่มี พี่บาดเจ็บอยู่”
“เธอเข้าใจไหมโม งานนี้สำคัญกับพี่มาก และถ้าพี่ไม่ไปร่วมประชุม ไม่ว่าจะสาเหตุอะไรก็ตาม พี่ที่ลงชิงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายเอาไว้ จะต้องชวดแน่ๆ”