ตอนที่ 3
“คุณนี่รบกวนฉัน สองรอบแล้วนะวันนี้ มีอะไรอีก” สรวิชญ์ยื่นชุดชั้นในของหญิงสาวมาให้ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบบอกหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“ชุดชั้นในคุณ มันหลุดจากไม้แขวนปลิวมาที่ห้องผม”
“คุณรู้ได้ไงว่ามันหลุด” ที่เธอถามแบบนั้นเพราะไม่เชื่อว่ามันจะหลุดเองง่ายขนาดนั้น แต่ก็ไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงเขาขนาดนั้นเพราะต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน ตามกฎของร้านอาหารที่ผู้จัดการแจ้งมา มินตราต้องไปล่วงหน้าก่อนร้านเปิดหนึ่งชั่วโมง
“แล้วใช่ของคุณหรือเปล่า”
“เออ!!..ใช่” หญิงสาวเห็นลายชุดชั้นในก็จำได้ทันทีแล้วรีบคว้าจากมือเขาไปอย่างรวดเร็ว
“......” ยังไม่ทันที่สรวิชญ์จะพูดอะไร มินตราก็เอ่ยต่อว่าเขาเสียก่อน
“นายคงไม่ใช่โรคจิตที่แอบมาทำขโมยกางเกงในฉันตากไว้ไปดมหรอกนะ”
“นี่คุณ!!!! ผมอุตส่าห์เอามาคืนให้นะ” สรวิชญ์ขึ้นเสียงบ้างด้วยความที่เธอไม่ยอมขอบคุณแล้วยังหาว่าเขาเป็นผู้ร้ายซะอีก มินตรามองดูความหล่อที่มีในตัวสรวิชญ์พร้อมกับเห็นแววตาที่ใสซื่อจึงเอ่ยออกไปด้วยเสียงปกติที่ไม่คาดโทษเหมือนรอบที่แล้ว
“ขอบคุณ ไปได้แล้ว ฉันจะรีบเตรียมตัวไปทำงาน”
“เฮ่อ!!..ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ” นายวิชญ์บ่นพึมพำแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป
นายวิชญ์เดินไปข้างหลังเพื่อเก็บเสื้อผ้าต่อ เขากำลังจะออกไปทานข้าว หน้าหอรัตนาวดี มีร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งเขาเห็นมินตรากำลังนั่งทานกะเพราไข่ดาวอยู่
“นั่งด้วยนะครับ พอดีโต๊ะเต็ม”
“อืมห์ นั่งเหอะฉันกำลังจะอิ่มพอดี”
“อะไรกันคุณเพิ่งทานได้ไม่ถึงครึ่งจาน คุณกลัวอ้วนเหรอ”
“เปล่า”
“งั้นก็ทานต่อสิครับ ของผมยังไม่ได้เลย”
“แค่นี้แหละฉันอิ่มแล้ว”
“งั้นเอางี้ ไหนผมลองชิมสิ” เขาเอาช้อนอันใหม่มาตักข้าวที่คลุกกระเพาะไว้แล้วมาลองชิมดู
“ก็อร่อยนี่ครับ ผมว่าคุณไม่ชอบหน้าผมเลยรีบอิ่มมากกว่า”
“พูดมากจัง” หญิงสาวพึมพำ แต่เขาก็หูดีเกินไป
“คุณว่าผมพูดมากงั้นเหรอ”
“เออ.. ฉันกินต่อก็ได้” หล่อนไม่อยากจะเถียงด้วย เพราะต้องรีบไปทำงาน รีบ ๆ กินให้มันจบ ๆ ไปดีกว่า
“เชิญครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
“ข้าวมาแล้ว นายวิชญ์ ช้าหน่อยนะ พรุ่งนี้จะเปิดเทอมวันแรกนักศึกษาเลยเยอะ เนี่ยหอน้ามีแค่เราสองคนเองนะที่มาอุดหนุน ส่วนคนอื่น ๆ เขาติดใจฝีมือน้า ลองชิมดูนะ แล้วถ้าชอบรสไหนบอกได้นะ” รัตนาเจ้าของหอรีบทักขึ้นที่ทำให้สรวิชญ์ต้องรออาหารนาน แต่ก็ยังไม่วาย คุยโอ้อวดว่า มีเด็กหออื่นมาทานข้าวที่ร้านเธอเต็มไปหมด
“เออ น้ารัตน์ครับ เมื่อกี้ คุณสุภาพสตรีท่านนี้ทานข้าวไปนิดเดียว ผมว่าเขาต้องไม่อร่อยแน่ ๆ เลยครับ”
“พูดมาก ฉันกำลังกินอยู่เนี่ยไม่เห็นหรือไง” หญิงสาวรีบต่อว่าสรวิชญ์ทันที
“หนูมิน เป็นไง น้าเธอกลับไปแล้วเหรอ”
“ค่ะ เพิ่งไปเมื่อตอนเที่ยงนี้ค่ะ พอดีน้าอรมีเข้าเวรค่ะ” มินตรารีบตอบเจ้าของหอพัก น้าเธอทำงานเป็นผู้คุมหญิงที่เรือนจำกลางแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด
“หนูมินมีอะไรก็บอกน้าได้นะ แล้วเรื่องห้องสองคนนี้..ตกลงกันได้หรือยัง
“อ๋อ..ได้แล้วค่ะ สรุปหนูไม่ต้องย้าย”
“แล้ววิชญ์ล่ะ มีปัญหาอะไรมั้ย” รัตนาเจ้าของหอถามขึ้น
“ไม่ครับ ผมโอเค”
“นี่หนูมินไม่ต้องเกรงใจน้านะ น้าอรกับน้า รู้จักกันมานานตั้งแต่นานนมแล้วล่ะ เนี่ยฝากฝังไว้เลยนะให้ช่วยดูแลมินตราหลานรักอย่างดีที่สุด”
“ขอบคุณค่ะคุณน้า แล้วน้าอรได้บอกเรื่องที่หนูต้องไปร้องเพลงกลางคืนหรือเปล่าคะ คือว่าถ้ากลับดึกได้ใช่มั้ยคะ”
“ได้สิ หอพักน้าเป็นหอรวม เข้าออกตอนไหนก็ได้ แต่ระวังหน่อยนะ ดึก ๆ ดื่น ๆ น้าก็เป็นห่วง”
“ขอบคุณค่ะ”
คืนนี้เป็นคืนที่ มินตราต้องไปทำงานเป็นคืนแรก พอไปถึงหญิงสาวก็เดินไปหาที่เค้าเตอร์แจ้งเรื่องเอาไว้ ไม่นานก็มีพนักงานพาไปห้องผู้จัดการ เพื่อตกลงเซ็นต์สัญญากันอีกที
“หนูเองหรอกเหรอที่จะร้องเพลงในคืนนี้ ..” เจ้าของร้านที่เป็นชายสูงวัยถามขึ้น เขาชื่อว่าคุณวิษณุ
“คะ..หนูมาออดิชั่นไว้แล้วเมื่อสองวันก่อน”
“นี่สัญญานะ หนูอ่านดูก่อนแล้วค่อยเซ็นต์นะ”
สถานบันเทิงยามคํ่าคืนที่มีผู้คนทยอยกันเข้ามาจับจองโต๊ะของตนไว้สําหรับนัดพบปะสังสรรค์กับมิตรสหาย ดื่มเพื่อผ่อนคลาย ฟังเพลงสบาย ๆ หรือ โยกย้ายร่างกายไปกับเสียงเพลงโดยถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว โดยด้านหน้าเวทีก็มีวงดนตรีเล็ก ๆ ที่กําลังบรรเลงเพลงเพราะพร้อมด้วยเสียงหวานของนักร้อง สาวสวยขับกล่อมผู้คนในร้าน จนถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เหมาะสม
“ช่วงพักเบรก เดี๋ยวเชิญคุณมินตราไปพบแขกที่โต๊ะซ้ายมือด้วยนะ” เสียงของผู้จัดการร้านอาหารที่มากระซิบบอกนักร้องสาว
“เออ..แล้วเขาจะให้หนูไปพบทำไมคะ” มินตราถามขึ้นเพราะแขกโต๊ะที่บอกจ้องมาตอนหญิงสาวร้องเพลงตลอดเวลา
“พอดีเขาจะให้ทิป ไปเหอะไม่มีอะไรหรอก” ผู้จัดการพูดดังนั้นมินตราค่อยโล่งอก เพราะคิดว่าเขาไม่พอใจในเสียงของเธอหรือเปล่า
“ค่ะ ๆ เดี๋ยวหนูไปห้องน้ำเสร็จแล้วจะเดินไปหานะคะ”
“อืม ๆ รีบ ๆ หน่อยนะ”